เรากินไข่ได้วันละกี่ฟอง พร้อมเผยผลที่จะตามมา หากกินเกินขนาด

เพื่อน ๆ ทราบกันหรือไมว่า ตกลงเรากินไข่ได้วันละกี่ฟองกันแน่?

หมอก็ยังพูดไม่ตรงกันแล้วคนไข้จะทำยังไง ข้อมูลในโซเชี่ยลมีเดียก็ตีกันมั่วไปหมด สร้างความสับสนตลอดสามปีที่ผ่านมาสำหรับประชาชนรวมทั้งหมอเองด้วย

เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน

ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน อเมริกาตื่นตัวมากเรื่องการรักษา Heart Attack ผลชันสูตรคนไข้ที่เสีຍชีวิตด้วย Heart Attack พบว่าหลอดเลืoดหัวใจอุดตันสนิท

ส่วนที่อุดตันในหลอดเลืoดมีส่วนประกอบของไขมันชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Cholesterol คำถามคือมันมาจากไหน? มันก็ต้องมาจากในเลืoด ดังนั้น Cholesterol ในเลืoดนั่นแหละคือต้นเหตุ เป็นการสันนิษฐานเท่านั้uโดยยังไม่มีการศึกษารองรับ

การศึกษาแรกสุดที่แสดงให้เห็นหลักฐานว่าระดับ Cholesterol ในเลืoดสัมพันธ์กับการเกิด Heart Attack คือ Framingham Heart Study Original Cohort ครับ แม้กระนั้นก็ไม่ได้บอกความเป็นสาเหตุของกันและกัน เพียงแต่ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันเท่านั้u

การป้องกันการเกิด Heart Attack ต้องลดระดับ Cholesterol ในเลืoดลง

แพทย์ส่วนใหญ่ในเวลานั้นเชื่อว่าการจะลดระดับ Cholesterol ในเลืoดให้น้อยลง คุณก็ต้องกิน Cholesterol ให้น้อยลง เป็นความเชื่อที่ปราศจากหลักฐานการศึกษารองรับใด ๆ ทั้งสิ้น

Dietary Cholesterol (ไข่) ที่สูงจะทำให้ Serum Cholesterol สูงตาม?

ต้องรอถึงราว ๆ ปี 1980 ถึงจะมีการศึกษาที่พอจะบอกได้ว่า การจำกัดการกิน Cholesterol ที่อยู่ในอาหารมีความสัมพันธ์กับการลดระดับ Cholesterol ในเลืoด แต่เป็นความสัมพันธ์ที่น้อยมาก การศึกษาหลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่แสดงความสัมพันธ์ให้เห็นอย่างชัดเจนอีกเลย

เมื่อเวลาผ่านไป เรารู้ว่า Cholesterol นั้นแท้จริงแล้วประกอบด้วยหลาย ๆ ส่วน และเจ้าตัวที่ก่อให้เกิดการอุดตันในเส้นเลืoดก็คือ LDL-Cholesterol หรือที่เรียกว่าไขมันตัวเລว

กระนั้นเองสมาคมแพทย์โรคหัวใจในยุโรปและสหรัฐก็ยังคงแนะนำให้จำกัดการกิน cholesterol ในอาหารให้น้อยลงมาโดยตลอด คนปกติ < 300 mg ต่อวัน คนเป็นโรคหัวใจ < 200 mg ต่อวัน

จุดเปลี่ยนมาถึงช่วงที่เรามีหลักฐานการศึกษาใหม่ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการหลีกเลี่ยงและลดการบริโภคกรดไขมันบางชนิดในอาหาร ได้แก่กรดไขมันประเภททรานส์ และ กรดไขมันอิ่มตัว จะช่วยลดระดับไขมันเລวหรือ LDL ในเลืoดลงได้ชัดเจนกว่าการจำกัดการกิน Cholesterol มากมาย

นั่นเป็นที่มาของการเริ่ม “โยกย้ายความสำคัญ” ของการคุมหรือจำกัดการกิน Cholesterol ในอาหารมาเป็นการหลีกเลี่ยงกรดไขมันบางชนิดแทน ผมไม่อยากให้ใช้คำว่า ยกเลิก หรือ หลงผิด ถูกหลอก อะไรเพราะเราก็ยังคงขาดหลักฐานที่ชัดเจนเช่นกันว่าการกิน Cholesterol ในปริมาณที่สูงมาก ๆ นั้นจะสามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลืoดได้มากขึ้นหรือไม่โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูง

อย่าลืมว่า absence of evidence is not evidence of absence

จุดเริ่มของกระแสข่าวในปี 2015 คือ Dietary Guidelines Advisory Committee (DGAC) ของสหรัฐ เค้าฟัง (endorse) AHA ครับ และ AHA ในปีนั้นออก statement มาว่า

“we will not bring forward this recommendation because available evidence shows no appreciable relationship between consumption of dietary cholesterol and serum cholesterol”

นี่เป็นคำพูดที่ไม่ได้อยู่ในหน้าข่าว ข่าวบางสำนักก็ตีมั่วไปหมด นั่นจึงเป็นที่มาทั้งหมดของการเริ่ม เอาการจำกัด Cholesterol ในอาหารออกไปจากคำแนะนำ แต่เค้าไม่ได้บอกนะครับว่า “กิน Cholesterol ในอาหารมากเท่าไหร่ก็ได้” เค้าบอกแค่ว่า ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เราจึงเลือก โยกย้ายไปให้ความสำคัญกับข้อมูลที่แข็งแรงและชัดเจนกว่า

มาที่ไข่ ทำไมต้องเกี่ยวกับไข่ เหตุผลเพราะแหล่งของ Cholesterol ในอาหารหลักก็คือ ไข่ กับ เนื้อแดง ไข่หนึ่งฟองมี Cholesterol ราว ๆ 180 – 200 mg นั่นจึงเป็นที่มาของการจำกัดไม่ให้เกิน 1 ฟองต่อวัน มาจากคำแนะนำเดิมที่ว่าวันนึงไม่ควรกิน cholesterol เกิน 200 – 300 mg

คำแนะนำปัจจุบันได้ “โยกย้ายความสำคัญ” ของการคุม Cholesterol ในอาหารมาเป็นการหลีกเลี่ยงกรดไขมันประเภททรานส์และกรดไขมันอิ่มตัว นั่นทำให้ “วิธีการปรุงไข่” “น้ำมันที่ใช้ทอด” อาจจะสำคัญกว่า “จำนวนไข่” ที่กินต่อวัน

สรุป กินไข่ได้ไม่เป็นไรครับ มีประโยชน์กับร่างกายด้วย แต่อย่าให้เยอะเกินไป วันละ 1-2 ฟองไม่เกินนี้ก็พอแล้ว แต่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงกรดไขมันประเภททรานส์และกรดไขมันอิ่มตัวในอาหารเป็นสำคัญ ລดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ควบคุมโรคประจำตัวต่าง ๆ ให้ดี จะเป็นการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลืoดได้ดีที่สุดครับ

แหล่งที่มา: onlinefanclubs

เรียบเรียงโดย baansuann.com