วันนี้มาแบ่งปันสูตรหลนไข่เค็มหมูสับค่ะ สูตรจากหัดเข้าครัว สมาชิกเว็บพันทิป พอดีทำไข่แดงเค็มไว้ ไข่ขาวเค็มเหลือเราไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ เสียดายแย่ เลยเอามาหลนดีกว่า กินกับผักสดผักต้มอร่อยมากๆ เลยค่ะ หลายคนอาจคิดว่าทำยาก แต่จริงๆแล้วเครื่องปรุงและวัตถุดิบมีไม่เยอะเลยค่ะ ก่อนอื่นถ้าใครยังไม่ทราบว่าหลนคืออะไร อยากอธิบายให้พอเข้าใจคร่าวๆ นะคะ หลน คือ การทำอาหารให้สุกโดยใช้กะทิค่ะ และไม่ใส่เครื่องเทศ เช่น พริกไทย กระเทียม ผักชี ยี่หร่า ซึ่งถ้าใส่เครื่องเทศเหล่านี้จะทำให้รสชาติของหลนผิดแปลกไปค่ะ แต่จะใส่พริก หัวหอม และใบมะกรูดเท่านั้น และหากเพื่อนๆ กลัวอ้วน สามารถนมสด นมถั่วเหลือง หรือกะทิธัญพืชแทนได้ค่ะ (อ้างอิงจาก นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ : 340) แต่ก็มีบางเมนูที่เราสามารถดัดแปลงได้ตามความชอบส่วนตัว เช่น การใส่ตะไคร้ ข่า หรืออื่นๆ ลงไปค่ะ
*วัตถุดิบและเครื่องปรุงการทำหลนไข่เค็ม
-กะทิ 500 ml.
-หมูสับ 100 g.
-ไข่เค็ม 4 ฟอง
-น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
-เกลือ 1/2 ช้อนชา
-พริกชี้ฟ้า สีเขียว ส้ม แดง 3 เม็ด
-หอมแดง 1/2 ถ้วย
**วิธีทำหลนไข่เค็ม
ให้เพื่อนๆ เตรียมวัตถุดิบข้างต้นได้เลยค่ะ กะทิถ้าใช้กะทิสดจะหอมกว่านะคะ ถ้าใครไม่มีไข่ขาวเค็มเหมือนใหม่ ใช้ไข่เค็มแบบฟองตามปกติได้เลยค่ะ
ตั้งไฟใส่กะทิ เคี่ยวกะทิจนแตกมัน
จากนั้นใส่หมูสับลงไปค่ะ คนจนหมูสุกได้ที่
เราจึงใส่ไข่เค็มที่บี้เป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปค่ะ คนให้เข้ากัน ถ้าอยากให้เนื้อหลนข้น ไข่เค็มต้องเนื้อละเอียดเนียนหน่อยค่ะ ถ้าชอบหยาบๆ เป็นชิ้นๆ ก็บี้ไข่พอหยาบเป็นอันใช้ได้ เพื่อนๆ สามารถใส่ไข่ขาวและไข่แดงเค็มไปพร้อมๆกันได้เลย หรือถ้าอยากให้สีสวยๆ แนะนำให้ใส่ใข่ดาวเค็มลงไปก่อน แล้วก่อนเอาขึ้นค่อยโรยไข่แดงเค็มก็จะช่วยทำให้สีสันของหลนดน่าทานขึ้นค่ะ จะบอกว่าวิธีทำง่ายจริงๆ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ
.
พอกะทิเดือดอีกรอบ เราจะปรุงรสกันค่ะ ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขาม และเกลือ คนให้ละลายเข้ากัน
.
จากนั้นใส่หอมแดง และพริกชี้ฟ้าเพื่อเพิ่มสีสันให้น่าทานมากขึ้น
.
คนให้เข้ากันรอเดือดอีกครั้งยกตักใส่จานเสิร์ฟคู่กับผักสดผักต้มได้ตามใจชอบเลยค่ะ โรยไข่แดงเค็มลงไปก็เป็นอันเสร็จจ้า
เป็นอีกหนึ่งเมนูสำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบทานอาหารไทยนะคะ เป็นเครื่องจิ้มที่ทำให้ทานผักได้เยอะขึ้นจริงๆ ค่ะ และสามารถเปลี่ยนจากไข่เค็มหรือหมูสับ เป็นเมนู ปลาร้าหลน เต้าหู้หลน ปลากุเราหลน ปูหลน ได้ตามต้องการเลย ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการทำอาหารนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หัดเข้าครัว สมาชิกเว็บพันทิป