การไฟฟ้า แจงวิธีคิดค่าไฟแบบก้าวหน้า พร้อมเหตุที่ค่าไฟขึ้นในช่วงนี้

เป็นเสียงวิพากษ์พิจารณ์กันอย่างหนัก เมื่อมีค่าไฟที่พุงสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อของหลายบ้าน ซึ่งวันนี้เรานำเกร็ดความรู้ วิธี คิดค่าไฟ พร้อมเหตุที่ค่าไฟแพงขึ้น จากทางเพจ  โธ่ ชีวิตพนักงานไฟฟ้า มาฝากกันค่ะ

1. การไฟฟ้า คิดเงินแบบอัตราก้าวหน้ามาตลอด ใช้เยอะจ่ายเยอะ ประโยคนี้คือ ความจริง (จะอ้างไม่รู้ไม่ได้นะคะ หรือจะบอกว่าสุดท้ายไฟฟ้าก็เอาเปรียบอยู่ดีไม่ได้ ไฟฟ้าไม่ได้ไปใช้ไฟกับคุณ )

2. ตัวแปรของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น คือ หน่วยการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น พูดง่าย ๆ ก็ คือ คุณใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเลยทำให้ราคามันก้าวกระโดด

3. หลายคนคงสงสัย ทำไมหน่วยการใช้ไฟฟ้าถึงขึ้นได้มากขนาดนี้ ?

ไฟฟ้ามาทำอะไรกับมิเตอร์รึเปล่า ?

คำตอบ คือ ไฟฟ้าไม่มีใครไปทำอะไรกับมิเตอร์ลูกค้าหรอกค่ะ เอาจริง ๆ นะ พนักงานแผนกมิเตอร์จำนวน 7 คน ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าหลักแสนราย ทีนี้เราต้องมาดูพฤติกรรมของตัวเองและคนในบ้าน ที่บอกว่าฉันใช้ไฟเท่าเดิม ลองคิดนะ

เปิดแอร์ เวลาเดิมทุกวัน 8.00 – 12.00 คุณเย็นเท่าเดิมจริง แต่ตัวที่ทำให้มิเตอร์ขึ้นหน่วยไวแค่ไหน อยู่ที่คอมเพลสเซอร์ข้างนอก ถ้าอากาศข้างนอกร้อนแค่ไหน หน่วยการใช้ไฟก็ขึ้นไว เพราะคอมเพลสเซอร์คุณทำงานหนัก ยิ่งถ้าเปิดแอร์พร้อมกันนะ เสียงคอมดังนานแค่ไหนนั่นแหละคือ ทำใจไว้เลย มิเตอร์กำลังหมุนอย่างแรง และ นั่นคือ เงินที่คุณต้องจ่ายไป

เครื่องฟอกอากาศอีก แทบทุกยี่ห่อกินไฟ ลองดูนะที่บอกประหยัดไฟคือไม่ประหยัดเลย ยิ่งเปิดพร้อมแอร์ คูณกำลัง 2 ไปเลย ตู้เย็น เห็นตั้งนิ่ง ๆ แบบนั้น กินไฟเราแบบเงียบ ๆ นะค่ะ หน้าที่ของตู้เย็นคือต้องทำความเย็นในช่องแช่อาหาร ตามอุณภูมิที่เรากำหนด เช่น เราตั้งไว้ที่ 1 องศา หลักการทำงานของมันคือ ต้องทำยังไงก็ได้ให้ 1 องศาตลอดเวลา นั่นก็ คอมเพลสเซอร์หลังตู้เย็นไงที่เป็นตัวทำงาน

– เปิดตู้เย็นบ่อย ๆ เปลืองไฟจริง เพราะตู้เย็นสูญเสียอุณภูมิตอนเปิด

– แช่ของแบบไม่คิด ยัด ๆ เข้าไปก็เปลืองไฟจริง ต้องจัดระเบียบตู้เย็นกันบ้างมิเตอร์ไฟ

บ้านที่มีปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าส่วนมาก จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าดังนี้

1. แอร์ พร้อม คอมเพลสเซอร์

2. เครื่องฟอกอากาศ

3. พัดลมไอน้ำ

4. ตู้เย็น ยิ่งอัดของเยอะ คอมเพลสเซอร์ตู้เย็นที่ดังตลอดเวลานั่นแหละคือ กำลังกินไฟคุณ

ตู้เย็นที่ประหยัดไฟคือตู้เย็นที่แช่แค่เครื่องดื่มไม่เกิน 5 ขวด ถึงจะได้จ่ายราคาต่อปีตามที่ร้านโฆษณา สรุปคือ ไฟฟ้าไม่ได้ปรับ หรือ ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรด้วย ไม่ฉวยโอกาสอะไรทั้งนั้น ไฟฟ้าการรันตีราคาให้แบบนี้

– ใช้ไปหน่วยที่ 0- 150 หน่วย จ่ายราคาหน่วยละ 3.2484 บาท

– ใช้ไปหน่วยที่ 151 – 400 หน่วย จ่ายราคาหน่วยละ 4.2218 บาท

– ใช้ไปหน่วยที่ 400 ขึ้นไป จ่ายราคาหน่วยนะ 4.4217 บาท

ขอยกตัวอย่างการคิดแบบคร่าว ๆ

ตัวอย่างที่ 1

ใช้ไฟฟ้าไป 200 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 50 หน่วยที่เหลือ × 4.2218 = 211.09 บาท รวมเป็นเงิน = 698.35 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)

ตัวอย่างที่ 2

ใช้ไฟฟ้าไป 400 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 250 หน่วยที่เหลือ × 4.2218 = 1,055.45 บาท รวมเป็นเงิน = 1,542.41 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)

ตัวอย่างที่ 3

ใช้ไฟฟ้าไป 600 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 250 หน่วยถัดมา × 4.2218 = 1,055.45 บาท 200 หน่วยที่เหลือ × 4.4217 = 884.34 บาท รวมเป็นเงิน = 2,427.05 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)

ตัวอย่างที่ 4

ใช้ไฟฟ้าไป 1,000 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 250 หน่วยถัดมา × 4.2218 = 1,055.45 บาท 600 หน่วยที่เหลือ × 4.4217 = 2,653.02 บาท รวมเป็นเงิน = 4,195.73 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)

พอจะเห็นภาพชัดเจนกันขึ้นไหมคะ ว่าทำไมค่าไฟถึงได้สูงขึ้น

โดยจากโพสต์นี้ก็มีชาวเน็ตหลายท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย และคงจะมีหลายท่านที่เข้าใจสาเหตุ ที่ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น เพราะตอนนี้เราต้องอยู่บ้านมากกว่า เลยต้องใช้ไฟเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุที่ค่าไฟแพงขึ้นนั้นเอง

 

แหล่งที่มา : kaijeaw.com , FB : โธ่ ชีวิตพนักงานไฟฟ้า