Home »
Uncategories »
พนักงานไฟฟ้า เผยสาเหตุที่ค่าไฟพุ่ง มาจาก 4 เครื่องใช้ไฟฟ้า
พนักงานไฟฟ้า เผยสาเหตุที่ค่าไฟพุ่ง มาจาก 4 เครื่องใช้ไฟฟ้า

ในโลกออนไลน์ได้มีเพจเฟซบุ๊กชื่อ โธ่ ชีวิตพนักงานไฟฟ้า
ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สนับสนุนให้คนไทยอ่านเกิน 8 บรรทัด
ทำไมค่าไฟฟ้าถึงแพงขึ้น มาดูคำตอบแบบเปิดใจกันหน่อย
1. การไฟฟ้า คิดเงินแบบอัตราก้าวหน้ามาตลอด ใช้เยอะจ่ายเยอะ
ประโยคนี้คือ ความจริง (จะอ้างไม่รู้ไม่ได้นะคะ
หรือจะบอกว่าสุดท้ายไฟฟ้าก็เอาเปรียบอยู่ดีไม่ได้ ไฟฟ้าไม่ได้ไปใช้ไฟกับคุณ
)
2. ตัวแปรของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น คือ หน่วยการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น พูดง่าย ๆ ก็ คือ คุณใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเลยทำให้ราคามันก้าวกระโดด
3. หลายคนคงสงสัย ทำไมหน่วยการใช้ไฟฟ้าถึงขึ้นได้มากขนาดนี้

ไฟฟ้ามาทำอะไรกับมิเตอร์รึเปล่า
คำตอบ คือ ไฟฟ้าไม่มีใครไปทำอะไรกับมิเตอร์ลูกค้าหรอกค่ะ เอาจริง ๆ นะ พนักงานแผนกมิเตอร์จำนวน 7 คน ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าหลักแสนราย
ทีนี้เราต้องมาดูพฤติกรรมของตัวเองและคนในบ้าน ที่บอกว่าฉันใช้ไฟเท่าเดิม ลองคิดนะ
เปิดแอร์ เวลาเดิมทุกวัน 8.00 ถึง 12.00 คุณเย็นเท่าเดิมจริง
แต่ตัวที่ทำให้มิเตอร์ขึ้นหน่วยไวแค่ไหน อยู่ที่คอมเพลสเซอร์ข้างนอก
ถ้าอากาศข้างนอกร้อนแค่ไหน หน่วยการใช้ไฟก็ขึ้นไวเท่านั้u
เพราะคอมเพลสเซอร์คุณทำงานหนัก ยิ่งถ้าเปิดแอร์พร้อมกันนะ
เสียงคอมดังนานแค่ไหนนั่นแหละคือ ทำใจไว้เลย มิเตอร์กำลังหมุนอย่างแรง และ
นั่นคือ เงินที่คุณต้องจ่ายไป
เครื่องฟอกอากาศอีก แทบทุกยี่ห่อกินไฟ ลองดูนะที่บอกประหยัดไฟคือไม่ประหยัดเลย ยิ่งเปิดพร้อมแอร์ คูณกำลัง 2 ไปเลย
ตู้เย็น เห็นตั้งนิ่ง ๆ แบบนั้น กินไฟเราแบบเงียบ ๆ นะค่ะ
หน้าที่ของตู้เย็นคือต้องทำความเย็นในช่องแช่อาหาร ตามอุณภูมิที่เรากำหนด
เช่น เราตั้งไว้ที่ 1 องศา หลักการทำงานของมันคือ ต้องทำยังไงก็ได้ให้ 1
องศาตลอดเวลา นั่นก็ คอมเพลสเซอร์หลังตู้เย็นไงที่เป็นตัวทำงาน
เปิดตู้เย็นบ่อย ๆ เปลืองไฟจริง เพราะตู้เย็นสูญเสียอุณภูมิตอนเปิด
แช่ของแบบไม่คิด ยัด ๆ เข้าไปก็เปลืองไฟจริง ต้องจัดระเบียบตู้เย็นกันบ้าง
บ้านที่มีปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าส่วนมาก จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าดังนี้
1 แอร์ พร้อม คอมเพลสเซอร์
2 เครื่องฟอกอากาศ
3 พัดลมไอน้ำ
4 ตู้เย็น ยิ่งอัดของเยอะ คอมเพลสเซอร์ตู้เย็นที่ดังตลอดเวลานั่นแหละคือ
กำลังกินไฟคุณ ตู้เย็นที่ประหยัดไฟคือตู้เย็นที่แช่แค่เครื่องดื่มไม่เกิน 5
ขวดเท่านั้u ถึงจะได้จ่ายราคาต่อปีตามที่ร้านโฆษณา
สรุปคือ ไฟฟ้าไม่ได้ปรับ หรือ ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรด้วย ไม่ฉวยโอกาสอะไรทั้งนั้น ไฟฟ้าการรันตีราคาให้แบบนี้
1. ใช้ไปหน่วยที่ 0 ถึง 150 หน่วย จ่ายราคาหน่วยละ 3.2484 บาท
2. ใช้ไปหน่วยที่ 151 ถึง 400 หน่วย จ่ายราคาหน่วยละ 4.2218 บาท
3. ใช้ไปหน่วยที่ 400 ขึ้นไป จ่ายราคาหน่วยนะ 4.4217 บาท

ยกตัวอย่างการคิดแบบคร่าว ๆ
ตัวอย่างที่ 1
ใช้ไฟฟ้าไป 200 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้
150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท
50 หน่วยที่เหลือ × 4.2218 = 211.09 บาท
รวมเป็นเงิน = 698.35 บาท
(ราคายังไม่รวม vat 7 % ค่าบริการ หักส่วนลดค่า FT)
ตัวอย่างที่ 2
ใช้ไฟฟ้าไป 400 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้
150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท
250 หน่วยที่เหลือ × 4.2218 = 1,055.45 บาท
รวมเป็นเงิน = 1,542.41 บาท
(ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)
ตัวอย่างที่ 3
ใช้ไฟฟ้าไป 600 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้
150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท
250 หน่วยถัดมา × 4.2218 = 1,055.45 บาท
200 หน่วยที่เหลือ × 4.4217 = 884.34 บาท
รวมเป็นเงิน = 2,427.05 บาท
(ราคายังไม่รวม vat 7 เปอร์เซนต์ ค่าบริการ หักส่วนลดค่า FT)
ตัวอย่างที่ 4
ใช้ไฟฟ้าไป 1000 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้
150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท
250 หน่วยถัดมา × 4.2218 = 1,055.45 บาท
600 หน่วยที่เหลือ × 4.4217 = 2,653.02 บาท
รวมเป็นเงิน = 4195.73 บาท
(ราคายังไม่รวม vat 7 เปอร์เซนต์ ค่าบริการ หักส่วนลดค่า FT)
พอจะเห็นภาพชัดเจนกันขึ้นไหมค่ะ ว่าทำไมค่าไฟถึงได้สูงขึ้น
แหล่งที่มา: เพจเฟซบุ๊ก โธ่ ชีวิตพนักงานไฟฟ้า
เรียบเรียงโดย baansuann.com