Home »
Uncategories »
สื่อนอกชม “หนุ่มไทย” ถูกไล่ออกมา 7 โรงเรียน สู่เจ้าของ ร้านกาแฟ ฮิตของต่างชาติ
สื่อนอกชม “หนุ่มไทย” ถูกไล่ออกมา 7 โรงเรียน สู่เจ้าของ ร้านกาแฟ ฮิตของต่างชาติ
เพราะไม่ว่าใครก็ตาม หากมีความฝันและความพยายามแล้ว
ก็ประสบความสำเร็จได้ วันนี้แอดมินจะพามารู้จักกับเจ้าของ ร้านกาแฟ No. 39
café เชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านกาแฟแนวอิสดัลตรี แบบ Glass House
ตั้งอยู่ในซอยวัดอุโมงค์ ไม่ไกลจากบ้านข้างวัด
สื่อต่างประเทศได้เผยแพร่เรื่องราวของเจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้ที่ชื่อ
Faai เขามีไอเดียเก๋ในการสร้างร้านกาแฟ
ร้านนี้โด่งดังมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
และยกให้ร้านนี้เป็นร้านกาแฟที่น่าไปมากที่สุดของเชียงใหม่อีกด้วย
ร้านนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2015 จากเด็กที่ไม่ชอบเรียน
อดีตเคยโดนโรงเรียนไล่ออกมาแล้วกว่า 7 สถาบัน และเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วย
แต่เขาเป็นคนรักในเสียงดนตรีมาก
ในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนั้นเขาก็ตั้งกลุ่มดนตรีเล็กๆขึ้นมา
มีพื้นที่กว้างขวาง โปร่ง ร่มรื่น ร้านนี้มีจุดเด่นคือ มีสระน้ำตรงกลาง
พร้อมด้วยมีที่นั่งให้เลือกนั่งได้รอบสระ
แต่ละโซนตกแต่งหลากหลายรูปแบบในร้านเดียว มีทั้งแบบบ้านไม้เก่า 2 ชั้น
แนวอิสดัลตรี แบบ Glass House ให้บริการเครื่องดื่มรสชาติดี ทั้งชา กาแฟ
ชาเขียว สมูทตี้ รวมถึงเบเกอรีโฮมเมด เมนูทานเล่น อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์
พิซซ่า เฟรนช์ฟรายส์
เขาแต่งเพลง ทำนอง ขับร้องเองเพื่อหาเงิน เคยออกอัลบั้มเอง
เคยมีคอนเสิร์ตเล็กๆของตนเอง ในตอนนั้นเขาเพิ่งอายุ 20 ปีเท่านั้น
หลังจากหาประสบการณ์มากมายจากเมืองหลวงกรุงเทพฯ ได้ 10 ปี
ก็ตัดสินใจย้ายกลับมาบ้านที่เชียงใหม่ และเริ่มเปิดร้านกาแฟเล็กๆ
มีชีวิตที่เงียบสงบได้ 4 ปี ในตอนนั้นเขาอายุ 34 ปี
“หญ้า” บริเวณรอบๆเขาเป็นคนคิดไอเดียเอง ส่วนอื่นๆก็เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง กระดานลื่นที่ทำจากไม้
เนื่องจากตั้งอยู่ค่อนข้างไกลต้องขับรถออกจากเมืองไปอีก 40 นาที
รอบข้างไม่มีบ้านคนอาศัย เงียบมาก บรรยากาศเงียบสงบ
ทำให้เพื่อนของเขาคิดว่าน่าจะไปไม่รอด จึงแนะนำให้เขาหาที่ใหม่ดีกว่า
แต่เขาคิดว่าเมื่อลงทุนไปแล้วจะหยุดกลางคันก็ไม่ได้ จึงเดินหน้าต่ออย่างมีความเชื่อมั่น
เปิดร้าน 3 วันแรกมีลูกค้าเพียง 20 คน เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จัก
ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่พอวันที่ 4 กลับมีลูกค้าเข้ามากว่า
500 คน ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก ร้านกาแฟแห่งนี้ก็ดังเป็นพลุแตกทันที
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงกว่านั้นคือ ร้านของเขากลับโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
เพราะเขาเห็นลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจะเป็นคนต่างชาติหมดเลย ทั้งมาถ่ายรูป
เช็คอินบนเฟซบุ๊กมากมาย
สิ่งที่Faaiชอบมากที่สุดก็คือกระดานลื่นไม้นี้
เพราะในตอนที่กำลังสร้างร้าน
ก็พอดีกับที่บ้านกำลังจัดเก็บของเก่าในบ้านเพื่อเอาไปทิ้ง
เขาเห็นแผ่นไม้มากมาย
จึงนำมาเรียงต่อกันและมีไอเดียที่จะทำเป็นบ้านและกระดานลื่น
ร้านแห่งนี้กลายเป็นจุดเช็คอินที่มีคนมาเช็คอินมากที่สุด
และมีแฟนคลับบางคนไปเขียนโน๊ตไว้ในบ้านเล็กๆของที่ร้านว่า
“ฉันมาเป็นประจำต้องเข้าแถวตลอดเลย”
หลังจากร้านปิดแล้ว เขาก็มักชอบนั่งดีดกีตาร์ที่ร้าน
เหมือนเป็นการพักผ่อน ผ่อนคลายหลังเหนื่อยล้ามาทั้งวัน
เขาเคยมีความฝันในวัยเด็กว่าอยากมีสวนสนุกเล็กๆเป็นของตนเอง
มีอุปกรณ์เครื่องเล่นมากมาย
ดังนั้นเมื่อโตขึ้นเขาจึงได้คิดไอเดียประดิษฐ์กระดานลื่นด้วยตนเอง
และกระดานลื่นนี้ก็มีชื่อด้วย ชื่อ “กระดานลื่นกาแฟ”
ร้านที่นี่ยังสามารถนอนพักผ่อนได้อีกด้วย ทำให้ได้ผ่อนคลายจริงๆ
นี่คือร้านเดียวในเชียงใหม่ที่มีสระน้ำกลางร้าน และสามารถพายเรือเล่นได้
ตั้งแต่เปิดร้านมามีกล้องถ่ายรูปกว่า 6 เครื่องและมือถืออีก 4
เครื่องที่ตกลงไปในสระนี้ เนื่องจากข้างในมีปลาตัวใหญ่มากกว่า 1
เมตรว่ายไปมามากมาย ทำให้ไม่มีใครกล้าลงไปงมหา
เป็นเรื่องที่น่าขำและน่าหัวเสียจริงๆ
ร้านนี้มีพนักงานพาร์ทไทม์ที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมาทำงานมากมาย
แต่ละคนยังอายุน้อย
Faaiบอกว่าในช่วงวันหยุดก็จะชวนเพื่อนมาเปิดการแสดงดนตรีที่ร้าน
เพื่อสร้างบรรยากาศให้น่าสนุกสนานมากขึ้น มีทั้งเพลงไทย
เพลงสากลและอื่นๆทั่วไป บางทีเขาก็จะเล่นเปียโนให้ลูกค้าได้ฟัง
Faaiบอกว่าในช่วงเด็กๆ เขาเป็นคนดื้อและซนมาก
จนครูในโรงเรียนให้ฉายาเขาว่า “เด็กสุดแสบ” เพราะเขาไม่ชอบเรียนหนังสือมาก
ไม่เคยส่งการบ้าน เวลาครูสอนก็ชอบก่อกวน ชอบทะเลาะ ชกต่อยกับเพื่อนเสมอ
และเพราะเหตุนี้เองทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนมาแล้วกว่า 7 แห่ง
เพราะโดนไล่ออก แต่สิ่งที่ดีมากคือ พ่อแม่ไม่เคยยอมแพ้ในตัวเขา
และไม่เคยลงโทษเขาด้วยการตีเลย
พ่อแม่ของเขามีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างจากคนไทยส่วนใหญ่มาก
พวกเขาเลี้ยง “แบบปล่อย” ให้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก ไม่เคยห้าม
เหมือนตอนเด็กที่หกล้มก็ไม่เคยเข้ามาอุ้ม แต่จะปล่อยให้ลุกขึ้นเอง ตอนอายุ
11 ปีเพราะเขาแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งจึงวิ่งไปหาที่เรียนกีตาร์เอง
หลังจากนั้นมาเขาก็ค้นพบตนเองว่าเป็นคนชอบดนตรีมาก
เขาเรียนดนตรีอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย
เขาเริ่มเขียนเพลงให้คนอื่นร้อง ตั้งทำนอง
เนื้อเพลงต่างๆเขามีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก
แต่กลับไม่ตั้งใจเรียนเอาเวลาส่วนใหญ่ไปแต่งเพลง
ในตอนนี้เขาสามารถหาเงินได้ไม่น้อย Faai มีชื่อเสียงเล็กน้อยในเชียงใหม่
ก่อนหน้านี้เขาเคยตั้งวงดนตรีที่มีชื่อว่า “Gravity” เขาเป็นมือเบสของวง
เขาเคยออกอัลบั้ม ออกรายการทีวี
และเคยมีส่วนร่วมในการแสดงดนตรีในเทศกาลขนาดใหญ่มากมาย
แต่ปัจจุบันเขาไม่ขึ้นเวทีอีก แต่ชอบมานั่งเล่นกีตาร์ที่ร้านกาแฟมากกว่า
เขาบอกว่านี่เป็นเหมือนฝันที่เขาสร้างได้สำเร็จแล้ว Faai
บอกว่าการเปิดร้านกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะทั่วเชียงใหม่มีร้านกาแฟมากกว่า 10,000 ร้าน มีแค่ 10%
เท่านั้นที่สามารถเปิดร้านขายได้นานนับปี
แต่ร้านกาแฟของเขากลับมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาเล่าว่า
“เมื่อเห็นร้านของคนอื่นประสบความสำเร็จก็อยากเปิดเองบ้าง
ช่วงนี้ที่เชียงใหม่กำลังนิยมน้ำโซดา ร้านต่างๆก็พากันไปทำตาม
ในสายตาคนทั่วไปมักติดตามแฟชั่น แต่ไม่มีความหลงใหลหรือรักในสิ่งนั้น”(only
fashion, no passion)
เขาเล่าว่าตอนที่คิดเปิดร้านนี้
ไม่มีเพื่อนสักคนที่สนับสนุนและคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จ
แม้กระทั่งตนเองก็ไม่มีความมั่นใจ แต่เพราะความชอบและหลงใหล
ทำให้เขาสามารถยืนหยัดมาได้
ร้านนี้เปิดมาได้ 4 ปีแล้วและมีรายได้ที่ดีมาก
รู้สึกว่ามีความสุขและโชคดีมาก
เพราะไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรทักษะไม่ใช่ตัววัดถึงความสำเร็จทั้งหมด
แต่โชคก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน
แหล่งที่มา : liekr.com