Home »
Uncategories »
หมอมนูญ ชี้ชัดโควิด-19 แพร่ 2 ทาง ทุกคนจะต้องใส่หน้ากากจนมีวัคซีน!
หมอมนูญ ชี้ชัดโควิด-19 แพร่ 2 ทาง ทุกคนจะต้องใส่หน้ากากจนมีวัคซีน!
หลังจากเกิดโรดละบาด
ประชาชนต้องระมัดระวังมากขึ้นสำหรับการดำรงชีวิพเพื่อผ้องกันเชื้อโรค
ทางคุณ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์หัวหน้าประจำห้อง ICU โรคระบบการหายใจ
ผู้ป่วยหนักและประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย
ได้ออกมาโพสต์เป็นความรู้ให้กับคนไทยทุกคน
คุณหมอได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ว่า ทำไมเมื่อมีโรคโควิด-19 ระบาด คนไทยทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย ว่า…
เมื่อเริ่มมีการระบาดของโรคระบาด องค์การอนามัยโลกประกาศอย่างมั่นใจโรคนี้ติดต่อกันได้เพียง 2 ช่องทาง คือ
1.ทางไอ จามรดกันในระยะ 1-2 เมตร
ละอองเสมหะขนาดใหญ่ปนเปื้อนด้วยเชื้อลอยออกมา กระเด็นโดนใบหน้า ตา จมูก
ปากของคนใกล้ชิด แล้วเชื้อเข้าปอดผ่านทางเยื่อบุจมูก ตา ปาก
2 ทางมือ คือ
ละอองเสมหะขนาดใหญ่ตกลงบนพื้นผิวของสิ่งของต่างๆที่ใช้ร่วมกัน
รวมทั้งผู้ป่วยหลังจากเอามือมาป้องปากเวลาไอหรือจาม
แล้วเอามือไปสัมผัสกับของที่ใช้ร่วมกัน
คนอื่นสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อทางมือ แล้วเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก
จับปาก เชื้อเข้าปอดผ่านทางเยื่อบุจมูก ตา ปาก
WHO ใช้ข้อมูลทางสถิติระบาดวิทยาของโรคระบาด ผู้ป่วยติดเชื้อ
คนแพร่เชื้อให้เฉลี่ย 2-2.5 คน น้อยกว่าโรคหัดซึ่งติดต่อกันง่ายกว่า
เพราะติดต่อทางการหายใจ (airborne) ผู้ป่วยโรคหัด 1 คนแพร่เชื้อให้เฉลี่ย
12-18 คน และจากสมมติฐานในอดีต 90 ปีที่แล้ว ขนาดของละอองฝอยต้องต่ำกว่า 5
ไมครอน (ตัดที่ตัวเลขตัวเดียวคือ 5 ไมครอน) ถึงจะติดต่อได้ทางการหายใจ
ปัจจุบันเรามีกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่ดีขึ้น
มีกล้องความเร็วและความละเอียดสูงมากสามารถเห็นภาพและวัดขนาดของกลุ่มละอองฝอยที่ลอยออกมาเวลาพูด
ไอ หรือจาม มีขนาดต่างๆกันตั้งแต่เล็กถึงใหญ่
เราสามารถเห็นละอองฝอยขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอนลอยออกมาในอากาศ เวลาพูด ไอจาม
ปลิวไปได้ไกลถึง 8 เมตร ลอยในอากาศเป็นเวลานาน
เชื่อได้เลยว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ขนาดเล็กมาก 0.1
ไมครอนสามารถเกาะบนละอองฝอยนี้เข้าทางลมหายใจของคนที่ยืนห่างไกลได้เป็น 10
เมตร
เรามีหลักฐาน Super spreader 1
คนแพร่กระจายเชื้อให้คนที่นั่งชมมวยในสนามมวยลุมพินีมากกว่า 60 คน
และซูเปอร์สเปรดเดอร์อีก 1
คนแพร่เชื้อให้นักร้องประสานเสียงในโบสถ์ที่รัฐวอชิงตันในประเทศสหรัฐอเมริกา
45 คนในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ความสามารถในการแพร่เชื้อแบบนี้เกิดจากการแพร่กระจายทางอากาศ (airborne)
ละอองฝอยที่มีเชื้อเกาะอยู่ แขวนลอยอยู่ในอากาศได้นานและปลิวไปได้ไกล
ไม่สามารถอธิบายการติดเชื้อ 45-60 คนเกิดจากการไอจาม รดกันในระยะ 2 เมตร
หรือการสัมผัสทางมือ
ลักษณะอาการทางคลินิกของโรคโรคระบาด คือโรคปอดอักเสบ
โดยเฉพาะส่วนปลายสุดของปอดคือถุงลม
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเซลล์ในถุงลมมีตัวรับเชื้อ (receptor) ที่ชื่อ ACE2
(Angiotensin Converting Enzyme 2) โปรตีน Spike
(ส่วนที่ยื่นออกมาจากอนุภาคคล้ายหนาม)ของเชื้อสามารถเสียบเข้ากับตัวรับเหมือนรูกุญแจ
เปิดประตูให้เชื้อเข้าไปในเซลล์
และบังคับให้เชลล์ในถุงลมผลิตเชื้อเพิ่มจำนวน หลังจากเชื้อทำลายเซลล์
เชื้อออกมาเข้าเซลล์ของถุงลมอื่นๆต่อไป ตัวรับ ACE 2 receptor
ของเซลล์ในเยื่อบุจมูก
หลังโพรงจมูก และทางเดินหายใจส่วนบน พบได้น้อยกว่าในถุงลมมาก
อธิบายว่าทำไมอาการของทางเดินหายใจส่วนบน เช่นน้ำมูกไหล คัดจมูก
เจ็บคอถึงได้น้อย และมีไข้ ไอ เหนื่อยเป็นอาการสำคัญจากการอักเสบของถุงลม
ถ้าวัดจำนวนเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ
จะพบจำนวนเชื้อมากที่สุดในถุงลมมากกว่าในลำคอและหลังโพรงจมูก
เมื่อเรารับเชื้อโรคระบาด ทางการหายใจ แม้ปริมาณของเชื้อจะน้อย
แต่เนื่องจากมีตัวรับ receptor ในถุงลมมาก คนจึงป่วยได้
โดยไม่จำเป็นต้องรับผ่านทางเยื่อบุจมูก ตา ปากเสมอไป
ยิ่งเวลาผ่านไป นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทั่วโลกยิ่งเชื่อว่าโรคระบาด
ติดต่อกันได้ 3 ทาง ไอ จาม ทางมือ และทางหายใจ (airborne)
เราขาดการทดลองที่สำคัญคือต่อท่อระบายอากาศจากห้องนอนของผู้ป่วยติดเชื้อ
ไปห้องของอาสาสมัครที่อยู่คนละชั้น
เพื่อพิสูจน์ว่าอาสาสมัครจะติดเชื้อทางอากาศได้หรือไม่
แต่คงไม่มีใครทำการทดลองนี้ เนื่องจากอันตรายเกินไป
การป้องกันการติดเชื้อทางการหายใจเป็นเรื่องยาก
ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้าน เวลาอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น
และเวลาอยู่ในบ้าน ยกเว้นเวลาอยู่คนเดียวไม่ต้องใส่ ถ้าเราป่วย
หน้ากากจะลดการแพร่เชื้อเวลาหายใจออก พูด ไอ หรือจาม ถ้าเราไม่ป่วย
หน้ากากจะลดการรับเชื้อทางการหายใจเข้า
เราควรอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท เปิดหน้าต่าง อยู่ในที่โล่งแจ้ง
ไม่อยู่ในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท
ห้องหรือบริเวณที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน
ประเทศตะวันตกมีจำนวนคนป่วยและคร่าชีวิตจากโรคโควิด-19
มากกว่าประเทศในเอเชีย
สาเหตุหนึ่งคือ คนตะวันตกไม่นิยมสวมหน้ากาก ปัจจุบันหลายประเทศเช่น
สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรีย สาธารณรัฐเช็ก สาธารณรัฐสโลวีเนีย
เริ่มแนะนำให้ทุกคนสวมหน้ากากแล้ว
สำหรับการป้องกันวันนี้การสวมหน้ากากอนามัยมีความสำคัญเท่ากับการล้างมือ
และการเว้นระยะห่างทางบุคคล เราต้องยอมรับและปรับตัวอยู่กับโรคโควิด-19
จนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้
แหล่งที่มา : thaihitz.com , dailynews.co.th