5 วิธีการดูอาหารบูด แบบง่ายๆ ฉบับชาวบ้าน

ใครยังดูอาหารบูดไม่เป็นมาทางนี้เลย เพราะว่าวันนี้แอดมินคนสวยจะมาบอกเคล็ดลับการดูอาหารบูดในตู้เย็นว่าเค้าดูยังไงกัน ขอบอกว่ามีประโยชน์มากจริงๆ สำหรับบทความนี้ เพราะว่าบางคนยังดูไม่เป็นเลยจ้า เพราะว่าบางคนชอบซื้อของมาแล้วก็แช่ไว้ในตู้เย็นแล้วก็เอามาอุ่นอีกทีประมานนี้ แล้วบางทีเอามาอุ่นก็ไม่รู้ว่าอันไหนกินได้ อันไหนกินไม่ได้ วันนี้แหละเราจะได้รู้กัน เอาเป็นว่าลองไปดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง

1.พบสิ่งแปลกปลอมในอาหาร
คนเราสามารถแยกแยะไหนว่าอันไหนกินไหนอันไหนกินไม่ได้ หากเราพบสิ่งแปลกปลอมในอาหารแล้วเราก็ควรที่ละจะละเว้นในการกินอาหารนั้นๆ เพราะมิฉะนั้นอาจจะเกิดอันตรายจากอาหารที่กินเข้าไปก็ได้

2.กลิ่นของอาหารเปลี่ยนไป
การดมนั่นเอง เป็นวิธีที่ใช้การสังเกตง่ายๆ เลยครับคือการใช้สัมผัสแรก ก่อนที่จะตักเข้าปากรับประทาน แน่นอนว่าทุกคนก็ต้องดมอาหารก่อนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หากว่ากลิ่นของอาหารนั้นเปลี่ยนไป เหม็นเปรี้ยว เหม็นหื่น หรือเรียกง่ายๆ ว่ากลิ่นอาหารไม่เหมือนเดิม ให้ฟันธงได้เลยว่าอาหารของคุณนั้นบูดแน่นอน

3.การดูวันหมดอายุของอาหาร
ส่วนมากอาหารในร้านสะดวกซื้อจะมีวันหมดอายุบอกอยู่ทุกชิ้น แต่มาดูอาหารที่ไม่มีวันหมดอายุบอกบ้างเช่น ข้าวราดแกงที่มีกะทิ หากเก็บไว้นานกว่า 3 วันแล้วให้โยนทิ้งไปได้เลยเพราะว่าน้ำกะทิบูดแล้วแน่นอน รวมทั้งอาหารที่ผลิตจาก นม โยเกิร์ต อย่างเช่น เค้ก ขนมปัง เบเกอร์รี่ต่างๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เมื่อผ่านไป 7 วันแล้วก็ไม่ควรที่จะกินอีกเช่นกัน

4.เนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป
จากโยเกิร์ตที่เด้งดึ๋ง เนียนนุ่ม ตักง่าย กลายเป็นเนื้อแข็งๆ เป็นก้อนๆ ไม่เนียนละเอียดเหมือนเดิม ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่ามันเสียแล้ว นอกจากโยเกิร์ตก็อาจเป็นอาหารประเภทแกง อย่างแกงกะทิต่างๆ ที่อาจจะเนื้อข้น ติดช้อน มีฟอง รวมไปถึงข้าวที่จากเนื้อร่วนๆ เป็นเม็ดๆ อาจจะกลายเป็นข้าวแฉะๆ เหนียวๆ ไม่น่าทานเหมือนเดิม เป็นต้น

5.รสชาติของอาหารเปลี่ยนไป
เมื่อรสชาติอาหารที่เคยกินอยู่ประจำ มันไม่เหมือนเดิม จากการที่เก็บไว้ในตู้เย็นเพียงข้ามคืน วันนี้เอามาอุ่นกินอีกครั้ง แต่ทำไมรสชาติมันเปรี้ยวผิดปกติ จากเหตุการณ์แบบนี้ให้คุณมั่นใจได้เลยว่า อาหารที่กำลังจะกินนั้นเน่าเสียหรือบูดแล้วอย่างแน่นอน