Home »
Uncategories »
“ขอเพียงลุกขึ้นสู้ ก็ไม่มีคำว่าแพ้” ข้อคิดดี ๆ จากลุงขับรถส่งอาหาร วัย 65 ปี
“ขอเพียงลุกขึ้นสู้ ก็ไม่มีคำว่าแพ้” ข้อคิดดี ๆ จากลุงขับรถส่งอาหาร วัย 65 ปี
วันนี้เรามีข้อคิดดี ๆ จากลุงขับแกร็บ ที่ออกมาเล่าประสบการณ์ชีวิต วัย
65 ที่ไม่ใช่อุปสรรคกับการเริ่มงานใหม่ แนะจัดตารางงานกับสุขภาพอย่างสมดุล
การแพร่ระบาดของโควิด-19
เป็นวิกฤติครั้งสำคัญของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย
คนกรุงส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวและใช้ชีวิตในรูปแบบของการทำงานที่บ้าน
หรือ Work from Home
แต่ใครอีกหลาย ๆ คน กลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น
ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องหยุดชะงักเช่นนี้
ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ถูกพักงาน และหลายคนไม่ใช่การพักงาน
หาไม่มีงานให้กลับไปทำ
ใครที่กำลังสิ้นหวังกับสภาวการณ์ที่ไม่แน่นอนอยู่นั้น
ลองฟังแง่คิดและแรงบันดาลใจ จาก ลุงพันธ์ หรือ นายจักรพันธ์ ช้อยสุชาติ
อายุ 65 ปี ลุงพันธุ์ เคยคิดว่าหน้าทางข้างหน้าริบหรี่เมื่อถึงวัยเกษียณ
ด้วยงานรับจ้างอิสระเป็นคนคุมงานก่อสร้าง
ทำให้มีรายได้ที่ไม่แน่นอนมาตลอด
ทำให้ชีวิตหลังเกษียณไม่ได้มีเงินเก็บมากนัก
และเงินสนับสนุนเพียงเดือนละหกร้อยบาทที่ได้รับจากภาครัฐก็ไม่เพียงพอจะจุนเจือครอบครัว
กระทั่งตัดสินใจมาทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารผ่านแกร็บตั้งแต่เดือน ก.ย.
ปีที่ผ่านมา
“ผมทำงานบ้านอยู่บ้านเฉย ๆ หลายปี ลำบาก แล้วก็รู้สึกเบื่อมาก
เพราะอาชีพรับจ้างที่เคยทำไม่มีรายได้สม่ำเสมอ
พอเกษียณออกมาเลยกลายเป็นว่าหน้าที่หารายได้หลักตกเป็นของภรรยา
พอดีมีคนรู้จักขับแกร็บอยู่
เขาบอกว่าผมสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ก็เลยลองดู
โชคดีที่แกร็บไม่กำหนดอายุของพาร์ทเนอร์คนขับ
ผมเลยได้โอกาสกลับมาทำงานอีกครั้ง ตอนนี้ก็ขับมาได้ 6-7 เดือนแล้ว ก็ดีนะ
ได้ออกมาข้างนอกทุกวันทำให้ผมไม่เหงา
แถมยังมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวเพิ่มขึ้นด้วย”
ลุงพันธ์เล่าต่อว่า ช่วงที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ รายได้ค่อนข้างดี
ลุงมักจะขี่รถส่งอาหารบริเวณห้างเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต
ไปให้ลูกค้าบริเวณใกล้เคียงทุกวัน
“ตั้งแต่เจอกับโรคระบาดโควิด-19 รายได้ก็ตกลงไป
ถึงแม้ว่ายังมีลูกค้าสั่งอยู่สม่ำเสมอ
แต่ตอนนี้มีคนมาขี่แกร็บส่งอาหารมากขึ้นทำให้ต้องกระจายรายได้กันไป
ทุกวันนี้ผมขับวันละประมาณ 10 เที่ยว มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500-600 บาทต่อวัน
ถือว่าน้อยลงแต่ก็เข้าใจได้นะ เราต้องแบ่ง ๆ กันไป”
แม้อายุมากแล้วแต่ลุงพันธุ์ยังชอบเล่นโซเชียล
และชอบเข้าไปอ่านข่าวสารจากโลกออนไลน์ การใช้เทคโนโลยีจึงไม่ยากเกินไป
ตอนที่คิดอยากจะลองขี่รถส่งอาหารผ่านแกร็บก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าไรนะ
ผมเข้าไปดูในเว็บไซต์เขาแล้วก็ลองสมัครออนไลน์ดู
ตอนแรกก็กังวัลนิดหน่อยว่าแอพจะใช้ยากไหม แต่จริง ๆ แล้วไม่ยาก ง่ายพอ ๆ
กับเล่นโซเชียลเลย แล้วก็มีคนมาช่วยสอนใช้ด้วย
เลยใช้งานเองได้อย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญคือถึงแม้ว่าเรื่องเทคโนโลยีจะเป็นเรื่องใหม่เรื่องยาก
แต่ถ้ากล้าจะลองมันก็ไม่มีอะไรยาก
แล้วการที่ออกมาวิ่งส่งυองก็ยังทำให้ผมได้พบเจอกับมิตรภาพดี ๆ
เวลาไม่รู้อะไรก็ถาม มีแต่คนคอยช่วยเหลือสอนงาน แม้จะอยู่ในวัย 65 ปี
แต่อายุก็ไม่ใช่อุปสรรค ลุงพันธ์ยังคงออกมาวิ่งงานหกวันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่
10 โมงเช้าถึงสองทุ่ม
เหลือวันหยุดประจำสัปดาห์ไว้หนึ่งวันเพื่อดูแลทำงานบ้าน
“ผมพยายามไม่หักโหม วิ่งเท่าที่ร่างกายไหว
อายุเราไม่ใช่น้อยแล้วแถมสุขภาพก็ไม่ดีเหมือนก่อน
จึงต้องรู้จักประมาณกำลังตัวเอง ที่ออกไปขับรถเกือบทุกวัน
ผมพยายามหาเวลาให้ตัวเองพักระหว่างวัน ช่วงไหนยุ่งมาก ๆ เหมือนช่วงนี้
กว่าจะได้กินข้าวกลางวันบางทีปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว
แต่เมื่อถึงเวลาต้องกินก็จะพักเลย
นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีวันหยุดพักผ่อนให้ตัวเอง
เวลาพักผ่อนผมก็จะออกกำลังกาย ไม่ก็ทำงานบ้าน การซักผ้า
หรือกวาดถูกบ้านก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง”
จากคนเคยทำงานแต่ต้องมาอยู่บ้านเฉย ๆ นานหลายปี ลุงพันธ์
บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะมีปัญหาสุขภาพและรายได้ที่หดหาย
รวมถึงการอยู่บ้านเฉย ๆ ทำให้จมอยู่กับความคิดตัวเอง
“สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะบอกทุกคนคือ ต้องระวังความคิดตัวเองให้ดี
อย่าปล่อยให้ความคิดหรือความเครียดบอกเราว่าเราคือคนไร้ค่า หมดประโยชน์
ไม่อย่างนั้นคุณจะจมดิ่งเลยนะ
เมื่อไหร่ที่ตัวเองกำลังคิดอย่างนั้น ให้ลุกออกมา หาอะไรก็ได้ทำ
ออกมาเจอคนอื่น เจอโลกข้างนอกบ้าง
สำหรับผมของขวัญที่มากกว่ารายได้ก็คือการที่ได้ออกมาพบกับลูกค้า
กับเพื่อนร่วมอาชีพที่คอยให้มิตรภาพ ให้กำลังใจกันซึ่งช่วยได้มาก” ลุงพันธ์
กล่าว
เป็นแง่คิดจากลุงพันธ์ อีกหนึ่งกำลังใจสำหรับคนที่กำลังท้อถอย ในช่วงที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่รู้จะจบเมื่อไหร่
แหล่งที่มา: naewna
เรียบเรียงโดย esancuisine.com