หลายคนล้วนเคยเก็บเงินมาแล้วทั้งนั้น บางคนเก็บได้ หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน แต่เก็บได้ไม่นาน ก็มักมีเรื่องต้องใช้ ต้องจ่าย
สุดท้ายก็ต้องนำเงินที่เก็บออกมาใช้ และเงินของเราก็หมดไป เหมือนเช่นเคย
หลักคิดในเรื่องนี้ก็คือ “เงินเก็บนั้น ต้องไม่ใช่เงินก้อนเดียวที่เรามี”
คำถามคือ รู้ได้อย่างไรล่ะว่าเรามีเงินก้อนเดียว?
คำตอบก็คือ ให้เราจินตนาการว่า หากเราจำเป็นต้องใช้เงินสักก้อน เช่น จะลงทุนทำธุรกิจ จะเรียนต่อ เป็นหนี้จะใช้หนี้ จะซื้อบ้าน
ซื้อรถ ซื้อมือถือ หรือไปเที่ยวต่างประเทศ เราจะเอาเงินมาจากที่ไหน เราต้องเอาเงินก้อนนี้มาใช้ ใช่หรือไม่?
ถ้าคำตอบคือ ใช่ นั่นก็หมายความว่า เรามีเงินอยู่ก้อนเดียว เงินก้อนนี้ ก็ยังไม่ใช่เงินเก็บ จริงๆ
สำหรับคนที่พยายามเก็บเงินแล้ว ยังไม่สำเร็จสักที ไม่เป็นไรครับ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ มีวิธีสุดยอดมาฝากกัน
การเก็บเงินให้อยู่ ต้องเปลี่ยนทั้งวิธีคิดและวิธีทำ ต้องเก็บเงินจริงจัง และเก็บอย่างต่อเนื่อง
สำคัญที่สุด ก็คือ ความมีวินัยและความต่อเนื่อง
เคล็ดลับก็คือ ให้เปิดบัญชีธนาคารใหม่ 1 บัญชี ขอย้ำนะครับ ต้องเป็น “บัญชีใหม่” เท่านั้น บัญชีเก่า
หรือบัญชีใช้แล้ว ไม่เอา และข้อสำคัญ ต้องไม่มีบัตร ATM และไม่ใช้แอพ อย่างเด็ดขาด
หลังจากเปิดบัญชีแล้ว ให้ทำตามกฎเหล็ก 3 ข้อ
ข้อแรก.. ห้ามอัพสมุดเด็ดขาด อย่างน้อย 5 ปี
เรื่องนี้ดูเหมือนง่ายแต่ทำยากมาก เพราะเราฝากเงิน เราก็อยากรู้ว่า มีเงินเท่าไร แถมบางคนกลัวเงินหาย กลัวไม่มีการบันทึก
ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ต้องกลัวครับ เงินไม่หายหรอก ขอเพียงตอนโอนเงินเข้าไป ตรวจสอบให้ถูกต้องก็พอ
ข้อสอง.. ห้ามถอนโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าจะมีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้น ให้เปรียบสมุดเงินเก็บเล่มนี้ เสมือนสาวบริสุทธิ์
ห้ามผ่านมือชายเด็ดขาด ถ้าถอนเงินแล้ว ใช้ไม่ได้ ถือว่าเสียไป ต้องเปิดเล่มใหม่ทันที
ข้อสุดท้าย.. ห้ามฝากเท่ากันทุกครั้งหรือทุกเดือน
เหตุผลก็คือเราจะจำได้ แม้จะไม่ได้อัพสมุด เก็บเดือนละหมื่น ปีละแสนสอง ห้าปีก็หกแสน อย่างนี้เป็นต้น เมื่อเรารู้ว่า
เรามีเงินเก็บเท่าไร เรามีก็จะมีเรื่องให้ใช้เงินอยู่ร่ำไป และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่สุด ที่ทำให้เราเก็บเงินไม่อยู่
นี่แหละครับ เรื่องของการเก็บเงิน และได้ชื่อว่ามีเงินเก็บอย่างแท้จริง เพียงแค่ปฏิบัติตามกฎเหล็ก 3 ข้อ ง่ายๆ เพียงเท่านี้
ขอเพียงตั้งใจ มีวินัย สม่ำเสมอ เราก็จะมีเงินเก็บเหมือนคนอื่นเขา เมื่อเรามีเงิน บุคลิกหน้าตาจะดูดี มีสภาพคล่อง ไม่ดูจนอีกต่อไป
สุดท้ายนี้ ต้องเข้าใจให้ได้ว่า บ้าน รถ มือถือ ที่ไม่ได้ซื้อเงินสด ไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่เป็นหนี้สิน มีคนจำนวนไม่น้อย ที่พอถูกถามว่า
มีเงินเก็บหรือไม่ มักจะบอกว่า เก็บเงินโดยการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือเก็บเงินแบบประกันออม ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่จะการันตีได้ว่า เรามีเงินเก็บกับเขาแล้วจริงๆ
ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูครับ แล้วจะรู้ว่า มันใช้ได้ผลแน่นอน เพราะทำให้เราพูดได้เต็มปากว่า เรามีเงินเก็บอย่างแท้จริงนั่นเองครับ
ที่มา โค้ชวันพุธ อ.กฤตวัฏ