มืดแปดด้านเจอทางตัน ทำ 3 บุญใหญ่ ทำได้ในทันที

 


มืดแปดด้านเจอทางตัน ทำ 3 บุญใหญ่ ทำได้ในทันที

เคยสังเกตตัวเองกันดูไหมว่า ทำไมในบางครั้งปัญหาต่างๆก็รุมเร้าเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ มึดทั้ง 8 ด้าน หันไปมองทางไหนก็หาทางออกไม่เจอ เจอทางตันไม่มีใครเหลียวแล

เขาว่ากันว่าบุญของตนที่ได้ทำมานั้นจะเป็นตัวช่วยในการฝ่าความมืดที่มีอยู่ ให้หนีออกไปได้ หรือการมีชีวิตที่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งดีขึ้นไปร้อยเท่าพันเท่า

บุญแรกคือ บุญจากการกตัญญู

หากถามว่ากตัญญูใครพ่อแม่มาเป็นอันดับแรก เพราะท่านทั้งสองคนมีบุญคุณที่เราไม่สามารถจะทดแทนได้ ท่านทั้งสองให้กำเนิดทั้งทำให้เรา เป็นผู้เป็นคนจนถึงทุกวันนี้

แต่การสำนึกบุญคุณนั้นยังคงไม่พอ เราจะต้องตอบแทนท่านทั้งสองคนอย่างดีที่สุดเท่าที่จะมีกำลัง คนที่มีบุญกับพ่อแม่นั้นจะไม่มีวันมีภัย และจะไม่มีวันตก ต่ำบุญนี้จะเป็นตัวช่วยหนุนนําให้ชีวิตก้าวหน้าไปข้างหน้า

บุญที่สอง คือ บุญของตนเอง

ที่เราสร้างขึ้นมาในภพนี้ ทั้งจากการทำทาน จากศีล การภาวนาทั้ง 3 ช่องทางนี้ล้วนเป็นบุญใหญ่ที่จะนำพาให้เรารอดจากปัญหาพ้น จากอุปสรรค

เราจำเป็นที่จะต้องสะสมบุญเป็นของตัวเอง ทานไม่มีเงินก็ให้อภัยทาน เมื่อมีบ้ า งก็ทำสลึง 2 สลึงด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จิตใจที่ยิ่งใหญ่ ผลบุญที่ได้กลับมานั้นจะมีค่ามากกว่าเงินพันล้านเสีย

การสร้างบุญให้กับตัวเราเองนั้นสามารถทำได้ในทุกที่และทุกเวลา การเข้าวัดทำบุญ การถวายสังฆทาน การช่วย เหลือผู้ที่ยากไร้ ให้คำแนะนำไปในทางที่ดี การสวดมนต์ตั้งจิตภาวนา นั่งสมาธิ กรวดน้ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการทำบุญที่สามารถทำได้ในทุกที่ทุกเวลา จะทำให้เราเป็นคนที่มีจิตใจดีมีสมาธิ ไม่ร้อนรุ่ม

บุญสุดท้าย คือ บุญแห่งการอโหสิกร ร ม

ตามความเชื่อว่ากันเอาไว้ว่า บ่วงกร ร มที่รัดตัวเราไว้ ดึงเราไว้ที่ไม่ให้เดินไปข้างหน้าไม่ให้พบกับความสำเร็จ ปิด กั้นทางโชค ปิดความเจริญ นั่นก็คือ เจ้าก ร ร มนายเวร

ปลดปล่อยซึ่งกันและกัน อย่าได้มีเวรก ร ร มต่อกัน การให้อภัยเป็นสิ่งที่เราควรมี หากตัวเราปล่อยวางได้ตัวเราก็จะเป็นสุขได้เร็ว หากยังไม่ปล่อยวางและยังคงคิด มันก็จะรบกวนจิตใจของเรา ทำให้ตัวเราไม่มีความสุข ไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อน บริวารคนรอบข้าง การให้อภัย การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทุกคนควรมี

บทอธิษฐานขออโหสิกรร ม

กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง

อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม

กรร มใดๆ ไม่ว่าจะเป็น กายกรร ม วจีกรร ม มโนกรร ม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใดทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรร ม นายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรร มให้แก่ข้าพเจ้าอย่าได้ จองเวรจองกรร ม ต่อกันอีกเลย แม้แต่กรร มใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรร ม ให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้า เป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้น กลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรร มต่อกันตลอดไป

ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจน วงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณ ของข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก เข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุขสวัสดี มีชัย เสนียดจัญไร และ อุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม ขอให้สิ่งนั้น จงสำเร็จพลัน เทอญ นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ

ขอให้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม ขอบุญรักษา

ขอบคุณข้อมูลจาก : ธ.ธรรมรักษ์