อีก2-3ปีข้างหน้า คน5ประเภท จะไม่มีงานทำ หางานไม่ได้
ในทุกวันนี้ เศรษฐกิจบ้านเมืองของเราก็เริ่มย่ำแย่ลงทุกวัน โรงงานอุตสาหกร รมต่างๆก็นำหุ่นยนต์เข้ามาทำงานกันมากขึ้น และปลดพนักงานออก การนำหุ่นยนต์มาใช้จะทำให้ผลผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็ว และตรงกับความต้องการ
ในวันนี้เรามีบทความที่เกี่ยวข้องกับ หาก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สำหรับคน 5 ประเภทนี้ บอกไว้เลยว่าอาจจะไม่มีงานทำ อาจจะต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ไปดูกันเลยดีกว่าว่าคนแบบไหนที่จะตกงานแล้วไม่มีงานทำในภายภาคหน้า
อีกไม่กี่ปีข้างหน้าแล้ว หลายคนจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ และถูกเลิกจ้าง ทางด้านอาจารย์ต่างประเทศคนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทยักษ์ใหญ่จะเริ่มทยอยปลดพนักงานออกเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย
10 ปีข้างหน้า งานมากกว่า 50 เปอร์เซ็น ของมนุษย์ จะถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์และเครื่องจักรต่างๆ และในปัจจุบันนี้เราเห็นได้ว่าหลายโรงงานมีการเริ่มใช้หุ่นยนต์และเครื่องจักรในการทำงานแล้ว
เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและปัญหาต่างๆได้มาก เนื่องจากหุ่นยนต์และเครื่องจักรไม่เคยบ่นไม่เคยอู้งาน หากในปัจจุบันนี้ใครที่ยังไม่ปรับตัวก็อาจจะอยู่ได้ยากมากขึ้น และจะต้องลำบากมากขึ้น คุณ 5 ประเภทนี้ที่อาจจะอยู่ยากมากขึ้นมีดังต่อไปนี้
1 คนที่ไม่รู้จักวิธีการลงทุนในตัวเอง
หลายคนมักจะถูกสอนให้รู้จักประหยัดอดออม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหาเงิน สร้างรายได้ให้มากขึ้น หากเราใช้เวลา 1 ปี เพื่อให้มีเงินเก็บ 1 แสน เท่ากับว่า 10 ปี เราจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน
แต่แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าคุณเก่ง เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อเก็บเงิน 1 ล้าน ในขณะที่บางคนอาจจะหาได้ในปีเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในการนำไปสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การอดการออม แต่เป็นการที่เรารู้จักลงทุนกับตัวเองให้ถูกทาง
คุณก็จะได้กลับคืน มามากกว่านั้นหลายเท่า บางคนจ่ายเงินเพื่อ ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย จนมีไอเดียและช่องทางที่จะทำธุรกิจ ขายอาหาร เสริมสำหรับคนรักสุขภาพ หรือเปิดยิมเป็นของตัวเอง
แถมยังมีลูกค้าที่เจอในฟิตเนสตอนไปออกกำลังกายอีก บางคนจ่ายเงินเพื่อ ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก ทำให้ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ได้เห็นธุรกิจใหม่ๆที่ต่างประเทศ
ที่ไม่มีในประเทศตัวเอง แล้วก็นำกลับมาต่อยอ ดที่บ้านตัวเอง เวลา จะช่วยบอกเอง ว่าเงินที่คุณลงทุนไปกับตัวเอง มันทำให้คุณได้อะไรกลับมาบ้าง
และมันทำให้คุณมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า หาเงินได้เยอะขึ้นหรือเปล่า และมันจะเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่มันก็จะให้ประสบการณ์ที่หาซื้ อที่ไหนไม่ได้กับคุณอยู่ดี
2 คนที่ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น
มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง กำลังรับสมัครพนักงาน และมีผู้มาสมัครงาน 6 คน ก่อนรับเข้าทำงาน ทางบริษัทจึงได้ให้เงินจำนวน 75 บาท แก่ผู้สมัครงานทั้ง 6 คน เพื่อไปซื้อข้าวกินด้วยกันในงบที่ให้ไป
แต่เมื่อไปถึงร้าน ข้าวจานหนึ่งอย่างต่ำก็ 15 บาทแล้ว และเงินที่ให้มานั้นไม่พอที่จะซื้อข้าวคนละจานได้แน่ๆ จึงพากันกลับไปที่บริษัท และเมื่อถึงบริษัท ประธานรู้เข้าก็ถึงกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า ขอโทษด้วย ผมรับพวกคุณเข้าทำงานไม่ได้จริงๆ
พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทของเรา เหตุผลก็เพราะว่า ร้านอาหารร้านนั้นมีโปรซื้อ 5 แถม 1 ซึ่งทั้ง 6 คนไม่มีใครรู้ หรืออ่านรายละเอียดเลย มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจ และถึงแม้จะไม่มีโปร ก็ยังสามารถซื้อข้าวมา 5 จาน
แล้วแบ่งใส่เพิ่มอีก 1 จานได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คน ไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน จึงไม่มีความเป็นทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง หากเข้ามาอยู่ในองค์กรก็จะไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม และนั่นก็คงไม่ต่างกับการทำงานแบบหุ่นยนต์
3 คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ
หลายคนชอบงานที่ทำแบบซ้ำๆเดิมๆทุกวัน เพราะไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เช่น การแพ็คของ เรียงสินค้า งานที่อาศัยการจับวาง ไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์ หรือการตัดสินใจ เป็นการทำงานแบบหุ่นยนต์
ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยหยุดงาน ไม่อู้งาน ไม่ต้องพักกินข้าว หรือเรียกร้องขึ้นเงินเดือน หรือสวัสดิการอะไรเพิ่ม ปัญหาก็น้อยลงตามไปด้วย
4 คนที่จบงาน ก็ไม่เรียนรู้อะไรอีกแล้ว
โดยเฉลี่ยนคนเราจะใช้เวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ซึ่งมีคนรู้จักที่ได้ทำงานอยู่ในโกดังแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือ การเช็คจำนวนสินค้าในคลัง ซึ่งเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย เสี่ยงที่จะ
ถูกหุ่นยนต์มาแทนที่ในอนาคต แต่ในการทำงานปีแรกของเขา มีของที่ถูกส่งมาเป็นจำนวน มาก และหลังเลิกงาน เขาจะใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เขาค้นพบว่า ของบางอย่างเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก
และด้วยความที่เขาทำงานในแวดวงนี้ ทำให้เขาหาแหล่งผลิตที่ได้ต้นทุนในราคาถูก จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งสินค้ามาขายในออนไลน์ และก็ยังคงทำงานในโกดังเหมือนเดิม ผ่านไป 3 ปี ธุรกิจค้าขายออนไลน์ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 7 ปี
เขาก็สามารถเปิดกิจการเป็นของตัวเองได้ นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชั่วโมง เขายังคงทำงานและเรียนรู้เพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่แตกต่างกับคนอื่นๆ เขาไม่เคยหยุดเรียนรู้นอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมงในเวลาทำงาน
ทำให้เขาเติบโตและไปได้ไกลกว่าคนอื่น และด้วยยุคสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน เป็นแหล่งที่จะหาความรู้เพิ่มเติมได้ทุกวัน มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะมองหาโอกาสและลงมือทำ หรือจะปล่อยเวลาแต่ละวันไป ได้ใช้เวลาพักผ่อนแค่หลังเลิกงานแปบเดียว ก็ต้องกลับไปทำงานเป็นลูกจ้างต่อ รอเวลาที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์
5 คนที่มองอะไรสั้นๆ ไม่มองไปข้างหน้า
นาย A และ นาย B ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ไปทำงานในบริษัทนั้น แต่บริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2 ไปศึกษาดูงานที่สำนักต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี โดยได้เงินเดือนแค่ครึ่งเดียว
และไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นาย A รู้สึกว่าเงินเดือนที่ได้ น้อยเกินไปและยังต้องลำบากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไม่มีเพื่อนฝูงอีก จึงตัดสินใจที่จะไม่ไป ในขณะที่นาย B ตัดสินใจไปศึกษางานที่ต่างประเทศ
เพราะคิดว่าได้ไปหาประสบการณ์ก็คุ้มแล้ว แต่นี่ยังได้เงินเดือนอีกตั้งครึ่งหนึ่ง เมื่อผ่านไป 2 ปี นาย A ยังคงทำงานที่ตำแหน่งเดิม เงินเดือนขยับขึ้น มานิดหน่อย ในขณะที่นาย B ได้กลับมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของบริษัท
และมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านาย A ถึง 5 เท่า เรื่งอนี้ไม่ใช่ว่า นาย A ตัดสินใจผิดพลาด หรือนาย B ตัดสินใจถูก แต่เป็นเพราะว่าทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ในมุมมองของตัวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ทุกอย่างจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตัดสินใจในอดีตของเรา จะพาเราก้าวไปข้างหน้าได้มากน้อยแค่ไหน จากตัวอย่ างที่ได้หยิบยกขึ้น มาให้ดูกัน ไม่ได้เจาะจงที่อาชีพใด หรืองานแบบไหน แต่ทุกอาชีพล้วนมีโอกาสตกงาน
โอกาสที่คุณจะถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์มากขึ้นทุกวัน หาความสามารถของคุณยังมีไม่ได้เท่าหุ่นยนต์ แต่ทัศนคติของคุณนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่แตกต่างจากหุ่นยนต์ มันสามารถเป็นตัวตัดสินใจว่าคุณจะถูกแทนที่หรือจะได้ไปต่อในยุคสมัยใหม่
ยุคสมัยใหม่เปลี่ยนเทคโนโลยีเข้าเปลี่ยนมากขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแล้วมนุษย์เราควรรู้จักวิธีการเอาตัวรอด รู้จักการเรียนรู้และปรับปรุง แก้ไขสิ่งที่ตัวเองผิดพลาด และรู้จักการพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปให้ได้ไกลมากกว่าหุ่นยนต์
ขอขอบคุณ : bitcoretech