Edit หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ‘เตรียม ฮ.MI-17’ พร้อมเข้าช่วย 13 ชีวิต กู้ชีพถ้ำหลวง หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ‘เตรียม ฮ.MI-17’ พร้อมเข้าช่วย 13 ชีวิต กู้ชีพถ้ำหลวง สแตนด์บาย / วันที่ 26 มิ.ย. ที่กองบัญชาการทหารบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก จากเหตุการณ์ที่ผู้ฝึกสอนและเยาวชน ทีมฟุตบอลรวม 13 คน ที่ติดค้างและสูญหายภายในบริเวณถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า ล่าสุดพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ล่าสุด ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้ศูนย์การบินทหารบก เตรียมเฮลิคอปเตอร์ แบบ MI 17 พร้อมชุดปฏิบัติการรบพิเศษ จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ทำการฝึกซ้อมในการช่วยเหลือและกู้ภัยทางอากาศ โดยเฉพาะปฏิบัติการจากอากาศสู่พื้นดิน เตรียมพร้อมเพื่ออาจต้องส่งไปสนับสนุนเพิ่มเติมในปฏิบัติการค้นหาที่ จ.เชียงราย หากในพื้นที่มีความต้องการ “อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้กองทัพภาคที่ 3 สนธิกำลังและระดมสรรพกำลัง เครื่องมือ ผู้เชี่ยวชาญ ทุ่มเทปฏิบัติการในครั้งนี้เพื่อให้การค้นหาและช่วยเหลือมีความรวดเร็ว รวมทั้งมอบให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก อำนวยการและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีความจำเป็นต้องสนับสนุนเครื่องมือพิเศษอื่นใดให้พิจารณาโดยเร่งด่วนทันที พร้อมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาทุกหน่วยงานให้สามารถปฎิบัติงานได้สำเร็จรวมถึงกำชับให้ดูแลครอบครัวของนักฟุตบอลที่มาเฝ้าติดตามการค้นหาอย่างดีที่สุด” พอ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณ Siraphop Srakaew ได้โพสต์ข้อความการทำงานร่วมกับ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือ หน่วยซีล ของกองทัพเรือ ที่กำลังเดินเท้าเข้าไปช่วยกลุ่มผู้สูญหาย 13 ชีวิต โดยเปิดภาพการทำงานอย่างทุลักทุเล และยากลำบากของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ที่ต้องประสบกับน้ำที่ไหลเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และโคลนดูด ต่อมาได้ระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องประสบกับการทำงานอย่างยากลำบาก เนื่องด้วยมีประชาชนจากที่ต่างๆ เดินทางเข้ามาในพื้นที่วนอุทยานขุนน้ำนางนอน จนทำให้เกิดรถติดเป็นแถวยาว เจ้าหน้าที่ที่ขนส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิต และสิ่งจำเป็นต่อการทำงาน ต้องเดินลงจากรถเพื่อขนอุปกรณ์เข้าไปแทน จึงอยากแจ้งให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องเดินทางมาในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งหัวหน้าโค้ชทีมหมูป่ายังเผยเด็กน่าจะแวะเข้าไปเที่ยวภายในถ้ำหลวง หลังซ้อมบอลเสร็จ พร้อมกำชับไม่ให้ออกนอกเส้นทางหลังการซ้อม ระบุหลังเช็กไลน์กลุ่มพบมีการแจ้งให้ทุกคนเตรียมไฟฉายมาคนละ 1 กระบอก เชื่อพวกเตรียมตัวมาเดินถ้ำ คาดอาจจะมีเสบียง-กล่องยาติดตัวมาด้วย ยืนยันไม่ได้มาซ้อมฟุตบอลในถ้ำ เพราะคนในพื้นที่รู้ดีว่าหน้าฝนไม่มีใครมาเที่ยวถ้ำหลวง กรณีนักเรียนทีมฟุตบอลทีน ทอล์ค (หมูป่า) อะคาเดมี แม่สาย อายุ 11-16 ปี พร้อมผู้ฝึกสอน อายุ 25 ปี รวม 13 ชีวิต พลัดหลงอยู่ภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หมู่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น กลุ่มผู้ปกครองของ 13 นักเตะยังคงรอคอยอย่างมีความหวัง รวมถึงขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าแม่นางนอนให้ช่วยคุ้มครอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายนพรัตน์ กันทะวงค์ หรือโค้ชนก โค้ชทีมฟุตบอลทีน ทอล์ค (หมูป่า) อะคาเดมี เปิดใจถึงทีมหมูป่าว่า คาดว่าหลังจากซ้อมเสร็จอากาศคงจะร้อน เด็กจะต้องผ่านเส้นทางดังกล่าว จึงอยากแวะเข้าเที่ยวถ้ำ น่าจะเดินเพลินหรืออะไรไม่ทราบ จึงทำให้เข้าไปลึกมากจนถูกน้ำป่าไหลบ่าเข้าภายในถ้ำ อีกทั้งฝนที่ตกหนักทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เด็กหนีออกไปเรื่อยๆ ทำให้ทีมค้นหาไม่เจอ โดยเชื่อว่าเด็กจะยังอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “ปกติการฝึกซ้อมฟุตบอลเด็กจะไม่มาที่ถ้ำแห่งนี้อยู่แล้ว เนื่องจากตนไม่อนุญาตให้เด็กออกนอกเส้นทางหลังการซ้อม นอกเสียจากจะขออนุญาตผู้ปกครองที่จะออกไปกินข้าวบ้างเท่านั้น ครั้งนี้ทางผู้ช่วยโค้ชไม่ได้แจ้งมาให้ตนได้รับทราบว่า จะมาเที่ยวถ้ำหลวงต่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในฐานะหัวหน้าทีมฝึกสอนครั้งนี้ จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของตนที่ไม่รัดกุมในการควบคุมน้องๆ มาซ้อมในพื้นที่ไกลถึง 7 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีวี่แววว่าเด็กจะกล้าขัดคำสั่งหรือกล้าทำอะไรกันแบบนี้ แต่อาจด้วยเด็กวัยกำลังซนอยากรู้อยากเห็น เพราะเท่าที่มีหลักฐานทราบว่าพวกเขาเคยเข้าไปลึกในถ้ำถึง 2 กิโลเมตรมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้น่าจะเตรียมการมาเหมือนกัน” โค้ชนก กล่าว นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากตรวจสอบไลน์กลุ่ม พบว่ามีการแจ้งให้ทุกคนเตรียมไฟฉายมาคนละ 1 กระบอก แสดงว่าพวกเขาเตรียมตัวมาเดินถ้ำ ซึ่งอาจจะมีเสบียงมาด้วย ส่วนเวชภัณฑ์หรือยาอาจมีแน่นอน เพราะโค้ชเอกรับหน้าที่เป็นฝ่ายพยาบาลประจำทีม พกกล่องปฐมพยาบาลหนึ่งกล่องเสมอ ภายในมียาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยานวด อีกส่วนหนึ่งน่าจะตุนของแห้งและน้ำดื่มเข้าไปพอควร เชื่อว่าจนถึงเวลานี้ทางลูกทีมน่าจะมีแสงไฟและเสบียงเหลืออยู่ และน่าจะบริหารเป็น “ปกติวันธรรมดาทางทีมจะซ้อมกันที่สนามกีฬากลางแม่สาย หรือที่รู้กันในชื่อสนาม มปส. ส่วนที่โพสต์ในออนไลน์ว่า การเข้ามาในถ้ำเป็นส่วนหนึ่งในการซ้อมฟุตบอล ยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน นอกจากการซ้อมฟุตบอล สัมผัสลูกฟุตบอล การสัมผัสพื้นหญ้า คือการปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และฟิตเนสเท่านั้น ไม่นำมาซ้อมในถ้ำแน่นอน เชื่อว่าทีมไหนก็คงไม่มีเช่นกัน นอกจากว่าแข่งขันเสร็จจะพามารีแล็กซ์ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่คนในพื้นที่รู้ดีว่าหน้าฝนไม่มีใครมาถ้ำหลวง” นายนพรัตน์ กล่าว หลังจากที่เกิดเหตุกลุ่มนักฟุตบอลพร้อมโค้ชรวม 12 คน ที่เข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวงนางนอน ภายใน วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ ม.9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้ และไม่สามารถออกมาได้ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จนทำให้น้ำป่าไหลหลากปิดปากถ้ำ พบเพียงรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน ที่จอดทิ้งไว้บริเวณปากถ้ำ 12 คัน โดยนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ ถ้ำหลวงนางนอนถ้ำหลวง / จากกรณีมีเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหายเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมานายดำรงค์ หาญภักดีนิยม หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พร้อมสั่งการทุกภาคส่วนช่วยเหลือเด็กซึ่งติดอยู่ในถ้ำอย่างเต็มที่ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 23 มิ.ย.61 ได้มีเจ้าหน้าที่ของวนอุทยานมาพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ 1 คันพร้อมรถจักรยานอีก 11 คัน ที่จอดทิ้งไว้หน้าปากถ้ำจึงได้ตรวจสอบดูพบในตะกร้าหน้ารถมีเป้และอุปกรณ์รองเท้ากีฬาของนักฟุตบอล จึงได้ประสานไปยังหัวหน้าทีมฟุตบอลของตำบลโป่งผาให้มาดู และจากการตรวจดูทางหัวหน้าทีมฟุตบอลยืนยันว่า เป็นชุดกีฬาของทีมโป่งผาจริง ซึ่งมีทั้งหมด11 คน ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นของโค้ช ที่มีอายุ 25 ปี สำนักงานพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 รับแจ้งว่ามีผู้ที่พากันเดินทางเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลายคนแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย โดยพบรถจักรยานรองเท้าบริเวณทางเข้าถ้ำ โดยตลอดวันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ระดมค้นหา โดยส่งทีมนักประดาน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปในถ้ำตลอดทั้งวัน ท่ามกลางการเอาใจช่วยและรอฟังข่าวจากญาติ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนายหนึ่ง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการค้นหา และการเข้าไปในถ้ำ ว่า “เริ่มปฏิบัติการค้นหา 01.15 น. ระยะทาง 4 กม. ถึงจุดที่รองเท้าเด็ก 10 คู่ เข้าไปอีก 500 เมตร พบกระเป๋าสะพาย 2 ใบ ขวดน้ำ 2 ขวด และมีทางแยกซ้ายขวาอยู่สองทาง ทางซ้ายได้มีน้ำอุ่นเต็มหน้าปากทางถ้ำ ส่วนทางขวาระดับน้ำเพิ่มปริมาณมากขึ้นจอทีได้เข้าไปประมาณ 800 เมตรได้ถอยกำลังออกมาเพราะเจอกระแสน้ำแรงและขาดอากาศหายใจ ลักษณะของทางเข้าไปทำให้มีกระแสน้ำเข้าได้เฉพาะตัวบุคคลแค่อย่างเดียวอุปกรณ์อย่างอื่นไม่สามารถที่จะนำเข้าไปได้เพราะอุปสรรคเรื่องช่องแคบและหินย้อย #ถ้ำหลวง