“ทูลกระหม่อม” ทรงขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ถ้ำหลวง เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ช่วย 13 ชีวิต

“ทูลกระหม่อม” ทรงขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ถ้ำหลวง เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ช่วย 13 ชีวิต

“ทูลกระหม่อม” ทรงขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ถ้ำหลวง เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ช่วย 13 ชีวิต วันที่ 26 มิ.ย. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ ถึงกรณีเด็กและโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชน ติดอยู่ในถ้ำ ระบุว่า

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเจ้าป่าเจ้าเขา ณ ถ้ำหลวงนางนอนเปิดทางให้ผู้ค้นหาทั้งหน่วยซีล เจ้าหน้าที่อุทยาน และผู้ค้นหาทุกคนรวมทั้งหุ่นยนต์ดำน้ำด้วยให้หาทีมหมูป่าและโค้ชทั้ง 13 คนให้ได้อย่างปลอดภัยทั้งผู้ช่วยเหลือและผู้ถูกช่วยเหลือด้วย สาธุ🙏🏻🙏🏻🙏🏻 และ #วันนี้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก # อย่าลืมภารกิจของเรา!”

ซึ่งก่อนหน้านี้จากกรณีเด็กนักเรียนและโค้ชฟุตบอล 13 ราย เข้าไปติดอยู่ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาทางช่วยเหลือให้ทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัย

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ข้อความทางอินสตาแกรม ประทานกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ระบุว่า

“ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดถ้ำ ขอให้พระคุ้มครองทั้งคนช่วยและคนถูกช่วย”

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 มิ.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ทางราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แจ้งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและโค้ชฟุตบอล จำนวน 13 ราย ที่ยังติดอยู่ในภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

รวมทั้งทรงห่วงใยกลุ่มผู้ประสบภัยทุกคน และทรงให้กำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัยทุกคน ขอให้ทุกคนปลอดภัย รวมถึงทรงให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามค้นหาขอให้ประสบความสำเร็จ

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงการช่วยเหลือล่าสุดว่า สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ทราบมาว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการที่จะนำความช่วยเหลือเข้าไป

เช่น อาหาร ชุดปฐมพยาบาล ซึ่งตนได้ให้คำแนะนำไปยังผู้ปฏิบัติในพื้นที่ การเข้าไปช่วยเหลือต้องระมัดระวังเรื่องของอากาศภายในกับฝนที่ตกลงมาเพิ่ม อาจทำให้ระดับน้ำภายในถ้ำสูงขึ้น เชื่อว่าทุกคนน่าจะปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ก็ทุ่มเทกันเต็มที่ และมีมาตรการในการประสานติดต่อช่วยเหลือ

จากกรณีมีเด็กนักฟุตบอลและโค้ชผู้ฝึกสอน รวม 13 คน หายเข้าไปใน ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน วนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะนี้ หน่วยซีล หรือ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ได้เข้าไปในถ้ำเพื่อหาร่องรอยและช่วยเหลือแล้วตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 25 มิ.ย.

ช่วงเช้าวันที่ 25 มิ.ย. เจ้าหน้าที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) หรือหน่วยซีล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าไปภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน หมู่บ้านจ้องวัด ม.9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการค้นหานักฟุตบอลเยาวชน และผู้ฝึกสอนทั้ง 13 ชีวิตอย่างเต็มที่ โดยครอบครัวผู้สูญหายต่างเฝ้ารอและติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิดบริเวณปากถ้ำ

โดยเจ้าหน้าที่หน่วยซีลยังคงเดินหน้าค้นหา แต่ยังไม่พบตัวเด็ก เจอเพียงร่องรอยที่เชื่อได้ว่าทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตอนนี้ยังเจอปัญหา

เนื่องจากในถ้ำยังมีน้ำท่วมเป็นช่วงๆ บางจุดถึงมิดหัว จึงอาจเป็นเรื่องยากหากพบตัวทั้ง 13 ชีวิตแล้วจะช่วยพาออกมาได้อย่างง่ายดาย เบื้องต้นจึงประสานไปยังกรมชลประทาน ดูความเป็นไปได้ในการสูบน้ำออกจากถ้ำ เพื่อช่วยทั้ง 13 ชีวิตออกมา

สำหรับความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า บริเวณเหนือถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน มีปล่องที่ทะลุออกมานอกถ้ำได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจบริเวณเหนือถ้ำ ก่อนเจอปล่องตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน โดยปล่องดังกล่าวมีระยะห่างจากโถงจุดแรกภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ประมาณ 800 เมตร

แต่ภายในถ้ำจะมีเส้นทางที่คดเคี้ยวและระยะทางที่ยาวกว่านั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่จึงโยนอาหารและขนมลงไปในปล่องดังกล่าว พร้อมกระดาษที่เขียนขอความว่า ถ้าเจอขนมให้หยุดรอหน่วยซีล กำลังเดินไปตามหาทาง 7 ก.ม. นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมสำรวจเส้นทางของปล่องที่อยู่เหนือถ้ำด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยซีลได้คัดเลือกมนุษย์กบ 4 นาย ซึ่งมีฝีมือดีและดำน้ำเก่ง เพื่อเปิดปฏิบัติการดำน้ำเข้าไปค้นหาภายในถ้ำ พร้อมเร่งสูบน้ำระบายออกมา เนื่องจากในพื้นที่มีฝนตก ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยตอนนี้อยู่ระหว่างปฏิบัติการค้นหาทั้ง 13 ชีวิต

ล่าสุดเวลา 17.45 น. เจ้าหน้าที่หน่วยซีลต้องยุติการค้นหาบริเวณโถงกลางในถ้ำหลวงฯชั่วคราว หลังน้ำเริ่มท่วมปิดปากถ้ำ ทำให้มีความเสี่ยงและอาจได้รับอันตราย แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ทั้ง 13 ชีวิตยังมีชีวิตอยู่ จากนี้เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนเข้าช่วยเหลืออีกครั้ง

โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่หน่วยซีลและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง กำลังประเมินสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาและท่วมบริเวณปากน้ำแบบนาทีต่อนาที ซึ่งหากฝนหยุดตกและระดับที่ท่วมลดลง เจ้าหน้าที่หน่วยซีลได้เตรียมไฟส่องสว่างและนำทีมเข้าไปช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตภายในถ้ำในคืนนี้อีกรอบทันที