Home »
Uncategories »
รู้ซะ!! “กรรมที่เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง” เงินทองไม่พอใช้ สงสัยกันไหมว่าเกิดจากอะไร!
รู้ซะ!! “กรรมที่เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง” เงินทองไม่พอใช้ สงสัยกันไหมว่าเกิดจากอะไร!
“กรรมที่เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง” เงินทองไม่พอใช้ สงสัยกันไหมว่าเกิดจากอะไร?
การกระทำที่ทำให้เกิดผลกรรมนี้ มีอยู่สองเหตุ เหตุจากกรรมเก่าที่มองย้อนหลังในอดีตชาติรู้ซะ! กรรมที่เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินทองไม่พอใช้ สงสัยกันไหมว่าเกิดจากอะไร!?
คนที่มีปัญหาเรื่องเงินขาดมืออยู่บ่อยๆ มาจากในอดีตชาตินั้นทำทานมาไม่ครบ ซึ่งหมายถึงเวลาในการทำทานนั้นยังมีจิตที่ตกอยู่ยังคงเสียดายทานที่ทำไป
อย่างเช่น
ตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง
พอเอาเข้าจริงหรือเวลาลงมือปฏิบัติในทานนั้น
กลับรู้สึกเสียดายหรือว่าด้วยเหตุอะไรก็ตามจึงทำทานนั้นน้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้
ไปลดปริมาณของลงเสีย ให้เหลือเพียงอย่างหรือ สองอย่าง
อีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่วัตถุทานนั้นไม่บริสุทธิ์มีบาปเจือปน คือ
ทานนั้นอาจจะซื้อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นเงินมาจากการเล่นการพนัน
เงินมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้าย
ทำลายชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น เช่น การไปฆ่ าไก่มาต้มข่าถวายพระ
การไปเด็ดดอกไม้จากสวนเพื่อนบ้านโดยไม่ขออนุญาตเอามาถวายพระ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้บุญกุศลที่เคยทำมาจึงมีลักษณะแบบครึ่งๆ
กลางๆ เดี๋ยวมีเงิน พอผ่านไประยะเงินหมดขาดมือหมุนไม่ทัน
จะไปหยิบยืมใครเขาก็ยาก หรือเกิดความยากลำบากที่เขาจะช่วยเหลือ
บางครั้งต้องโดนเขาต่อว่าต่อขานหรือดูถูกเอาด้วยซ้ำ
คนที่เขาต่อว่าดูถูกเหล่านี้
เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรคือเคยเป็นเจ้าของวัตถุทานที่เราเคยไปขโมยเขามานั่นเอง
ส่วนเหตุจากกรรมใหม่ ในภพชาติปัจจุบัน
การที่เราหาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลังนั้น
ไม่ใช่ว่าเกิดจากกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว
เราต้องมาพิจารณาว่าเราทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่
สิ่งที่เราทำนั้นสมบูรณ์เพียงพอที่จะทำให้มีเงินทองใช้อย่างไม่ขาดมือหรือไม่
ถ้าดูแล้วว่ายังไม่พอยังไม่ถึงเหตุต้องเปลี่ยนกรรมของตนเสีย
ทำให้สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้น เรายังเป็นคนใจเร็วตัดสินในเร็ว
บางครั้งทำให้ชวดโอกาสสำคัญ ก็ให้ใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
หากบอกว่าไม่มีความรู้ความสามารถก็ต้องพยายามขวนขวายเรียนรู้
เพื่อเอาความรู้นั้นมาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเงิน
เราอาจยังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
ก็หันกลับด้านความคิดเสีย
ให้ดูว่าของที่เราจะซื้อนั้นสมควรหรือไม่ที่จะซื้อ
เมื่อซื้อแล้วทำให้เราต้องเงินขาดมือหรือไม่ ของที่จะซื้อรอได้อีกหรือไม่
พิจารณาให้ดีๆ
ส่วนหนึ่งที่เงินขาดมือมาจากการซื้อของโดยไม่คิดเน้นซื้อของโดยมุ่งประโยชน์เทียมมากกว่าประโยชน์แท้
เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้วแต่ชอบซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เป็นประจำ
เปลี่ยนมือถือทุก 3
เดือนโดยเน้นเรื่องฟังก์ชั่นใช้งานให้หลากหลายอยู่ตลอดเวลา
ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ก็เป็นเพียงอุปกรณ์เอาไว้ติดต่อสื่อสารรับส่งข้อมูลเท่านั้น
คือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมโดยหันมาประหยัดเน้นประโยชน์แท้มากกว่าประโยชน์เทียม
การแก้ไขควรเป็นไปทั้งสองทางทั้งทางโลกและทางธรรมเพื่อให้เกิดการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน
ควรให้หมั่นทำทานเสียใหม่ประกอบไปด้วยทาน 3 อย่างที่เกิดบุญมากอย่างสม่ำเสมอ คือ วัตถุทาน ธรรมทาน และ อภัยทาน
1. วัตถุทาน
ที่จะทำเอาแบบที่ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหนให้ทำแบบนั้น อยากทำ 1บาท ก็ 1 บาท
อยากทำ 100 บาท ก็ 100 บาท อยากถวายข้าวเปล่าก็ข้าวเปล่าไม่ต้องเสียดาย
อย่าให้จิตตกไปพะวงว่าคนที่รับทานนั้นเขาจะเอาไปทำอะไรไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์
คนทั่วไปแม้แต่ขอทานก็อย่าไปคิด เอาแบบให้แล้วให้เลยขาดกัน
เป็นการทำด้านวัตถุทาน
2. ธรรมทาน คือ
การเอาความรู้ไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทาง เช่น
ไปสอนเขาปลูกผักให้ถูกต้อง
ไปสอนเขาทำอาหารให้ดีให้เก่งไปทำเป็นอาชีพได้บอกทางให้เขาได้เดินชีวิตถูกต้อง
การให้กำลังใจเขาให้สู้ชีวิต การไปร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์
หรือแม้แต่เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
ก็เป็นผู้นำบุญไปบอกไปเชิญชวนให้คนมาร่วมพิมพ์หนังสือหรือชวนคนทำบุญ ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้น
3. อภัยทาน
เรื่องนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุด
ทำลักษณะการทำนั้นทำได้ง่ายด้วยตัวเองไม่ต้องเสียเงินทอง
แต่อภัยทานแม้รูปแบบจะทำได้ง่าย
แต่ทว่ากลับทำได้ยากที่สุดในทานทั้งหมดเพราะว่าวิสัยของปุถุชนย่อมมีความโกรธเคือง,อาฆ
าตพยาบาท อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนทำให้เป็นประจำ
การให้อภัยนั้นควรเริ่มจากการตั้งจิตให้สงบเสียก่อน
คือให้ละจากอารมณ์โกรธเคียดแค้นใด ๆให้ได้ก่อน
แม้ความขัดเคืองในใจยังมีอยู่แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้
จากนั้น ให้อโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเขาเสียไม่ให้มีเวรกรรมติดค้างกันอีก
ต้องให้อภัยต่อคนรอบข้างทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก ญาติมิตร คนร่วมงานกัน คู่ค้า
ลูกค้า สัตว์เลี้ยง สรรพสัตว์ต่างๆ หมั่นให้อภัยทานบ่อยๆ
จิตเราจะมีกำลังมาก ทำอะไรก็สำเร็จไม่มีกรรมมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้
แต่ต้องให้อภัยทั้งหมดทั้งกาย วาจา และใจ
และที่สำคัญพยายามให้คนรอบข้างที่มีส่วนในชีวิตของเราให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน
เคล็ดลับสำคัญ คือ
เมื่อทำทานครั้งใดเสร็จสิ้นให้อุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาทันที
พูดด้วยภาษาง่ายๆ ก็ได้ให้เขามารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว
ยินดีในบุญแล้วขอให้เขาอโหสิกรรมให้ ถอนตัวไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินนี้
ระบุไปอย่างเจาะจงเลย และต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว
ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเราอยู่ ซึ่งจะบอกให้ทราบว่า
ทุกคนมีเทวดาประจำตัวแน่นอนอย่างน้อย 2
ตนขึ้นไปและดวงวิญญาณที่คุ้มครองด้วย
ท่านเหล่านี้มาจากคนที่รักเรา
เมตตาเราอย่างจริงใจและมีกรรมดีผูกพันกันมา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตชาติ
พ่อแม่ ปู่ย่าตา ยาย พี่น้อง ลูก ญาติหรือเพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ที่ตา
ยไปแล้วและอยู่ในภพภูมิอื่น
หมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่านเพื่อให้ท่านมีบุญเพิ่มขึ้น
และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่นมั่นคง ท่านจะรักและเมตตาเรามากขึ้นไปอีก
ท่านเหล่านี้มีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะช่วยดลใจให้เราพบช่องทางการหาเงินที่ถูกต้องถูกธรรม
ไม่มีกรรมชั่วติดมาด้วย ช่วยดลใจให้เราพบคนดีที่จะช่วยเหลือ
ดลใจให้เราพบโชคลาภที่ถึงเวลาจะได้จากที่เคยช้าก็จะเร็วขึ้น
ส่งผลให้มีเงินทองไม่ขาดมือแน่นอน
การสร้างทานใหญ่ด้วยวัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทานแล้วอุทิศบุญไปตามที่บอกไว้ ควรทำในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ ทุกท่านจะเห็นผลแบบอัศจรรย์ พร้อมกับเปลี่ยนกรรมใหม่ให้ตรงกับผลที่อยากได้คือ อยากมีเงินทองใช้จ่ายไม่ขาดมือ
ขอขอบคุณข้อมูล : adchips