เกิดมาเพิ่งรู้! ‘เมล็ดเงาะคั่ว’ สามารถนำมาทานได้ พร้อมรสชาติที่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ แถมประโยชน์เพียบ!

เชื่อว่าน้อยคนนักจะทราบและเคยทาน เมล็ดเงาะ ผลไม้สุดฮิตในช่วงหน้าร้อน ที่หลายๆคนชอบกิน และทิ้งเมล็ดไปแบบไม่รู้ว่ามันรับประทานได้ ซึ่งล่าสุดคุณ Bonita Lana ได้ออกมาโพสต์ภาพ เมล็ดเงาะคั่ว พร้อมกับยืนยันว่าอร่อยกว่า เม็ดมะม่วงหิมพานต์อีกด้วย  ส่วนหน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปชมกันเลยจ้า



เงาะ ภาษาอังกฤษคือ Rambutan มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Nephelium lappaceum Linn.จัดเป็นผลไม้ตระกูล Spindaceae มีเปลือกสีเขียวหรือแดงตามความอ่อนแก่ มีเนื้อสีขาว และมีเมล็ดข้างในเนื้อ รสชาติของเนื้อเงาะจะหวานฉ่ำ แอบเปรี้ยวนิด ๆ กินแล้วชื่นใจ ซึ่งเงาะถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทย เพราะสามารถแปรรูปและส่งออกได้มากมาย ทั้งเงาะกระป๋อง เงาะกวน เงาะแช่อิ่ม และไวน์เงาะ



ผลและเมล็ด : เงาะมีลักษณะและสีต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นทรงรี มีเปลือกสีเขียว (ผลอ่อน) และสีแดง (ผลแก่) มีเส้นขนอยู่บนเปลือกด้วย เนื้อของเงาะจะมีสีขาวหรือบางพันธุ์ก็ขาวอมชมพู แยกออกจากเปลือกได้ง่าย ส่วนเมล็ดของเงาะจะเป็นทรงรี รูปไข่ มีเปลืองสีน้ำตาลบาง ๆ หุ้ม ซึ่งเงาะบางพันธุ์เนื้อกับเมล็ดจะติดกัน ทำให้แยกออกได้ยาก แต่บางพันธุ์ก็ไม่ติดกัน ซึ่งจะแยกออกได้ง่าย



อาหารว่างวันฝนพรำๆ
เม็ดเงาะคั่วหอมๆมันๆจ้าอร่อยกว่าเม็ดมะม่วง
หิมพานต์….สรรพคุณแก้ร้อนในได้ดี…ลองทำดูนะ
กินเงาะอย่าทิ้งเม็ดมีประโยชน์มาก



เมล็ดที่หลายคนเลือกทิ้ง



น่าทานมากๆ


จากความคิดเห็นที่หลายคนก็ยังไม่เคยรู้มาก่อน


ประโยชน์ของเงาะ สรรพคุณดีงามที่คุณคู่ควร  
1. มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์
เงาะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายเลยค่ะ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม แทนนิน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 3 แถมยังมีวิตามินซีสูงอีกด้วย เรียกได้ว่ากินเงาะอย่างเดียวก็ได้รับสารอาหารเกือบครบถ้วนแล้ว


2. ดับร้อนให้ร่างกาย
เนื้อในของเงาะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่มาก าทานแล้วจะช่วยดับร้อน สร้างความเย็นฉ่ำให้กับร่างกาย อีกทั้งน้ำตาลที่สร้างความหวานฉ่ำให้กับเงาะยังช่วยเติมความสดชื่นให้กับตัวเราด้วยนะ

3. มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แก้ท้องร่วง ท้องเสีย
เงาะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ในร่างกายได้ ดังนั้นการกินเงาะจึงช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องท้อง อันเป็นสาเหตุของโรคบิด ท้องเสีย และท้องร่วงได้ดีทีเดียวค่ะ


4. ลดการอักเสบของช่องปาก
นำเนื้อเงาะไปต้ม แล้วนำน้ำมาดื่มเป็นยาแก้อักเสบก็ช่วยลดการอักเสบของช่องปากได้ด้วยนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าเงาะมีฤทธิ์ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ จึงทำให้ช่องปากเราอักเสบน้อยลงนั่นเอง

5. บรรเทาอาการป่วย
การกินเงาะช่วยบรรเทาอาหารป่วยได้หลากหลาย เช่น ถ้าปวดหัว ให้นำใบเงาะมาวางไว้ที่บริเวณขมับ จะช่วยให้สมองผ่อนคลายและลดอาการปวดหัวได้มากขึ้น ถ้าเจ็บคอให้นำเปลือกเงาะมาต้มแล้วดื่มเพื่อรักษาอาการเจ็บคอ หรือถ้าเป็นไข้ ให้นำรากของเงาะมาต้มแล้วดื่มเพื่อลดไข้ได้ค่ะ


6. ขับของเสียออกจากไต
เนื่องจากในเงาะมีสารฟอสฟอรัสประกอบอยู่ ซึ่งสารฟอสฟอรัสเป็นสารที่ช่วยขับให้ของเสียออกไปจากไตได้ ดังนั้นการกินเงาะจึงช่วยให้ไตขับของเสียออกไปง่ายขึ้น โดยไม่ต้องทำงานหนักมาก นอกจากนั้นสารฟอสฟอรัสในเงาะยังช่วยซ่อมแซมและบำรุงเนื้อเยื้อและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเราได้อีกด้วย การกินเงาะจึงช่วยร่างกายเรารู้สึกแข็งแรงเพิ่มขึ้นได้นั่นเองค่ะ

7.  มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
เปลือกของเงาะมีกรดแกลลิกที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลงได้


8.  ไฟเบอร์สูง ช่วยแก้ท้องผูก 
ในเงาะมีไฟเบอร์และน้ำในปริมาณมาก จึงช่วยให้ลำไส้ย่อยอาหารต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เมื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายก็จะดีตามไปด้วย ทีนี้ก็หมดกังวลเรื่องอาการท้องผูกไปได้ แถมไฟเบอร์และน้ำในเงาะยังทำให้เราอิ่มนานขึ้น และช่วยให้ไม่หิวบ่อย คนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่สามารถทานเงาะเพื่อให้อยู่ท้องได้ แต่ควรทานในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้นนะคะ คือไม่เกิน 1 ส่วน หรือประมาณ 5-6 ผล เพราะในเงาะมีน้ำตาลสูง ถ้ามากไปก็จะทำให้อ้วนได้เหมือนกัน

9. เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน
เงาะมีทั้งแคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ดังนั้นเมื่อเรากินเงาะก็ถือเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันได้ด้วยค่ะ


10. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เห็นเงาะผลเล็ก ๆ แบบนี้แต่มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งรู้กันดีว่าวิตามินซีคือสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างเกราะคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง จึงช่วยป้องกันไข้หวัด เลือดออกตามไรฟันได้ ยิ่งมาผนวกกับธาตุเหล็กและทองแดงที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในเงาะ ก็ยิ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแบบคูณสอง เพราะเหล็กและทองแดงจะช่วยสร้างและรักษาสมดุลของเซลล์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดงและหลอดเลือดด้วยค่ะ

11. บำรุงผิวพรรณ
รู้หรือไม่ว่าเงาะสามารถทำให้ผิวของเราดูนุ่ม อ่อนโยน และชุ่มชิ้นได้ด้วยนะคะ เนื่องจากในเงาะมีสารต้านอนุมูลอิสระและน้ำประกอบอยู่มาก จึงช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเราได้ นอกจากนี้เรายังสามารถนำเมล็ดเงาะมาบดทำเป็นสครับขัดผิวให้นุ่ม แลดูสุขภาพดีได้


12. ดูแลเส้นผม
นอกจากจะช่วยบำรุงผิวกายแล้ว เงาะยังสามารถบำรุงเส้นผมของเราได้อีกด้วยค่ะ ลองนำใบเงาะมาขยี้ แล้วเติมน้ำลงไปพอประมาณ จากนั้นให้คั้นเอาน้ำออก เสร็จแล้วก็สามารถนำน้ำจากใบเงาะมาชโลมบริเวณหนังศีรษะและเส้นผมได้เลย วิธีนี้จะช่วยให้รากผมแข็งแรงและเส้นผมยาวเร็วมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้เห็นผลดีควรทำแบบนี้เป็นประจำนะคะ

13. ประกอบเป็นอาหาร
แน่นอนว่าเงาะเป็นผลไม้ที่กินแค่เนื้อเฉย ๆ ก็อร่อยแล้ว แต่ถ้าใครอยากลองกินแบบเย็น ๆ โดยแกะเนื้อเงาะแช่ตู้เย็นก่อนแล้วค่อยนำมากิน ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะเงาะยังสามารถนำไปแปรรูปเพิ่มมูลค่าและความอร่อยได้อีกมากมาย ทั้งเงาะกระป๋อง เงาะกวน เงาะแช่อิ่ม และแยมเงาะ นอกจากนี้เงาะยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร เช่น  ผัดเปรี้ยวหวาน แกงเผ็ด และต้มจืดเงาะได้ด้วย


14. ใช้ย้อมสีผ้า
หากอยากมีผ้าสีแดงหรือชมพูจากธรรมชาติ สามารถใช้เปลือกเงาะเป็นตัวช่วยได้นะคะ วิธีทำก็ง่าย ๆ ให้นำเปลือกเงาะประมาณ 1 ถ้วยกับน้ำเปล่าประมาณ 2 เท่าของเงาะ เทลงในหม้อแล้วต้มประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วพักให้สีเย็นสักครู่ จากนั้นก็เทสีใส่ในภาชนะที่จะใช้ย้อม แล้วให้นำผ้าที่ล้างน้ำเย็นแล้วมาจุ่มจนได้สีที่ต้องการได้เลย แค่นี้เราก็จะมีผ้าย้อมสีแบบธรรมชาติกันแล้วค่ะ

โทษของเงาะ กินมากเกินไปก็ต้องระวัง
เงาะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงควรหลีกเลี่ยงที่จะทานเงาะ และในเงาะยังมีสารแทนนิน (Tannin) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร ซึ่งถ้าเราได้รับมากเกินไป อาจทำให้ท้องอืดหรือท้องผูกได้


นอกจากนั้นเมล็ดของเงาะก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องระวังด้วยค่ะ เพราะเมล็ดของเงาะมีพิษที่ทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และมีไข้ ถึงแม้จะทำให้สุกแล้ว แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดี ฉะนั้นทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการทานเมล็ดเงาะ และรับประทานเนื้อเงาะในปริมาณพอเหมาะจะดีที่สุดค่ะ

สำหรับใครที่เห็นโพสต์นี้แล้ว ยังไงก็ลองทำตามกันดูนะคะ หรือถ้าใครเคยลองแล้วรสชาติเป็นอย่างไรนั้นแบ่งปันกันเข้ามาได้นะคะ


ขอบคุณที่มาจาก : Bonita Lana