แต่ทั้งนี้วิธีการป้องกันทุเลาภูมิแพ้เบื้องต้นเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง คือการปรับสภาพที่อยู่อาศัยให้มีปลอดโปร่ง เช่น การหาต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศมาปลูกในบริเวณที่อยู่อาศัยก็สามารถช่วยให้อาการภูมิแพ้เราทุเลาลงได้ ซึ่งมีนักวิจัยคนหนึ่ง Kamal Meattle พำนักที่ Delhi ประเทศอินเดีย สภาพอากาศใน Delhi มีมลภาวะสูง ละอองฝุ่นผงมีปริมาณสูง ทำให้ Kamal Meattle
ป่วยเป็นโรคแพ้อากาศรุนแรง หมอได้ทำการตรวจปอดอย่างละเอียด พบอาการแพ้ของเธอทำให้ปอดทำงานได้เพียง 70% เท่านั้น หากไม่ทำการรักษา อาการจะยิ่งทรุดถึงขั้นเสียชีวิตได้ Kamal จึงรีบลงมือหาข้อมูลทันที เพื่อฟื้นฟูสุขภาพตนเอง เขาได้รับการช่วยเหลือด้านคำแนะนำ/ผลการทดลองต่างๆจาก IIT ,TERI และ NASA พบว่าปลูกต้นไม้ 3 ประเภทนี้ช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศภายในอาคารได้
1. ว่านหางจระเข้
ถ้าเธอมีว่านหางจระเข้ในครอบครอง ก็เหมือนมีอาวุธลับอยู่ในบ้านนั่นแหละ เพราะรักษาโรคก็ได้ ดูแลเกี่ยวกับความสวยความงามก็ได้ อีกทั้งยังช่วยฟอกอากาศ เป็นเสมือน ‘ระเบิดออกซิเจน’ ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียจากกลไกดูดซับคาร์บอนไดร์ออกไซด์ ฟอร์มาดีไฮด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์มากกว่าต้นไม้อื่นๆ โดยการปลูกนั้น ต้องปลูกในพื้นที่ที่มีแสงมากเพียงพอ และมีการระบายน้ำที่ดี เหมาะสมจ้ะ
หมายเหตุ – บ้านไหนมีสัตว์เลี้ยง ระวังอย่าให้เข้าใกล้ว่านหางจระเข้ เพราะถ้ากินเข้าไปอาจไม่สบาย อาเจียนได้จ้ะ
2. เดหลี
ชื่อไม่คุ้นหู แต่ขอบอกว่าหาซื้อง่ายตามร้านขายต้นไม้เลย ต้นไม้ชนิดนี้มีความอัศจรรย์มากนะ มันสามารถกำจัดก๊าซฟอร์มาดีไฮด์ เบนซิน ไซลิน ไทรคลอโรเอทิลีน และแอมโมเนียออกจากอากาศได้ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การพูดลอยๆ แต่มีการการันตีจาก NASA เลยทีเดียวล่ะ วิธีการปลูกก็คืออย่าให้ต้นเดหลีโดนแดดมากเกินไป นางชอบร่มเงา แค่รดน้ำอาทิตย์ละครั้งก็ทำให้เดหลีอยู่ได้แล้วล่ะ
หมายเหตุ – บ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงซนๆก็อย่าไปปลูกให้มันคุ้ยเล่นได้ล่ะ
3. เศรษฐีเรือนใน
บ้านไหนเป็นคอนโด เป็นตึก ไม่ต้องน้อยใจนะ เธอก็มีอากาศบริสุทธิ์ได้แค่ปลูกเศรษฐีเรือนในเอาไว้เท่านั้น เพราะมันเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่ไม่โดนแสงโดยตรง และยังช่วยกำจัดคราบน้ำมันเชื้อเพลิง ฟอร์มาดีไฮด์ สไตรีน และคาร์บอนมอนอกไซด์ในพื้นที่ 200 ตารางเมตรได้อย่างดีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแค่อยู่ในห้องก็เหมือนได้รับอากาศในสวนสาธารณะเลยล่ะ
4. ตีนตุ๊กแกฝรั่ง
ชื่อแลดูไม่ค่อยน่าปลูกเท่าไหร่ น่ากลัวง่ะ แต่ภาพลักษณ์ของมันไม่ได้น่ากลัว กลับน่ารักด้วยซ้ำเพราะมันเป็นต้นเล็กๆ ใบแฉกๆ แต่อานุภาพในการดูดซับอากาศแย่ๆนั้นสูงมาก สามารถขจัดสารพิษได้มากกว่า 60% และอนุภาคของสิ่งปฏิกูลต่างๆในอากาศ ถึง 85% ในเวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น นับเป็นต้นไม้ที่ปลูกในครัวเรือนได้ แต่ต้องให้นางมีเวลาโดนแสงแดดประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไปจ้ะ
หมายเหตุ – ปลูกในบ้านได้ แต่อาจเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงได้เหมือนกัน พยายามวางไว้ในที่ๆเด็กๆเข้าไม่ถึงด้วยนะ
5. เบญจมาศ
ต้นเบญจมาศ หรืออีกชื่อคือดอกเก๊กฮวย เป็นพืชประดับตกแต่งบ้านเรือนได้ อีกทั้งยังช่วยกรองอากาศได้ด้วย โดยจัดวางเจ้าต้นไม้ชนิดนี้ไว้ตรงหน้าต่าง ให้นางได้รับแสงแดดที่เพียงพอ เจ้าเบญจมาศก็จะดูดซึมเบนซิน และก๊าซฟอร์มาดีไฮด์ได้ถึง 90% ในหนึ่งวัน อีกทั้งแสงแดดจะช่วยทำให้เบญจมาศออกดอกสวยงาม ใครมาเยี่ยมบ้านต้องเอ่ยปากชมแน่นอนเลย
6. พลูด่าง
นับเป็นต้นไม้ที่นิยมปลูกกันมากอยู่แล้ว เพราะคงทน แล้วใบก็มีลวดลายที่สวยงามด้วย แต่คงไม่เคยรู้กันล่ะสิว่าพลูด่าง เป็นเหมือนเครื่องกรองอากาศชั้นดีเลยล่ะ เพราะนางฟอกอากาศได้ แล้วก็ช่วยลดปริมาณเบนซินและสารละลายไตรคลอโรเอทิลีนที่ปนในอากาศด้วย โดยการปลูก ต้องปลูกในที่สว่าง แต่อย่าให้โดนแสงโดยตรงนะ นางจะเติบโตสวยงามแน่นอน
หมายเหตุ – ปลูกให้ห่างจากสัตว์เลี้ยงด้วยเน้อ อาจเป็นพิษต่อเด็กๆได้ อาจทำให้ปากเด็กๆมีอาการบวมนะจ๊ะ
7. ต้นปาล์มหมาก
เป็นต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วแปลงเป็นออกซิเจน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพื้ดี ควรปลูกต้นปาล์มหมาก ความสูงขนาดเท่าหัวไหล่ผู้ใหญ่ จำนวน 4 ต้น/คน วิธีการดูแลต้นไม้ คือ หมั่นเช็ดใบให้สะอาด และนำต้นไม้ออกรับแดดกลางแจ้งทุกๆ 3-4 เดือน
8. ต้นลิ้นมังกร
เป็นต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพในการปรับคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นออกซิเจน โดยเฉพาะช่วงกลางคืน จึงมักปลูกในห้องนอน เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ยามพักผ่อน เพื่อประสิทธิภาพที่ดี ควรปลูกต้นลิ้นมังกร ความสูงเท่าเอว จำนวน 6-8 ต้น/คน
ขอบคุณที่มาจาก : หมอชาวบ้าน