สูตร “ขนมปลากริมไข่เต่า” หรือขนมแชงม้า กินคู่กันหวานมันกลมกล่อม

 


วันนี้มีสูตรขนมโบราณมาแบ่งปัน “ขนมแชงม้า หรือ ขนมปลากริมไข่เต่า” สูตรของคุณAlice Kiatwaranalin สมาชิกเว็บ cookpad ขนมแชงม้า..เป็นขนมที่ผสมกันระหว่างขนมปลากริมกับขนมไข่เต่า ซึ่งขนมปลากริมจะมีรสชาติหวานจัดด้วยน้ำตาลปึกหอมน้ำอ้อย เมื่อกินคู่กันกับขนมไข่เต่าที่มีรสเค็มเพราะเกลือ ข้นด้วยกะทิก็จะเข้ากันดีมาก ถ้ากินคู่กันแบบนี้ โบราณจะเรียกว่า ขนมแชงม้า แต่ถ้ากินแยกกันจะเรียกว่า ขนมปลากริม และขนมไข่เต่า ปัจจุบันแม้จะกินรวมกันทั้งหวานและเค็มก็จะเรียกว่า ขนมปลากริมไข่เต่าซะมากกว่าค่ะ

*ส่วนผสม

-ส่วนของแป้ง

-แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม

-แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม

-แป้งมัน 50 กรัม

-น้ำร้อน 250 มล

ส่วนของน้ำกะทิปลากริม (หวาน)

-น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย

-กะทิเรียลไทย 250 มล

-แป้งข้าวเจ้า 2 ชช

-ใบเตย

ส่วนของน้ำกะทิไข่เต่า (เค็ม)

-น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย

-กะทิเรียลไทย 250 มล

-แป้งข้าวเจ้า 2 ชช

-เกลือ 1/2 ชต

**ขั้นตอน

1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมันให้เข้ากันดี แล้วค่อย ๆ ใส่น้ำร้อนทีละนิด คนให้เข้ากับแป้ง

..พอเริ่มอุ่น ๆ ให้นวดจนแป้งเนียน

..จากนั้นก็ปั้นแป้งเป็นเส้นยาวแหลมเพื่อทำตัวปลากริม และปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ รี ๆ เพื่อทำตัวไข่เต่า

.. ปั้นเสร็จแล้วนำไปต้มทีละอย่างในน้ำเดือด

..เมื่อแป้งสุกจะลอยขึ้นมา.. ตักใส่น้ำเย็น แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้

2.ทำกะทิส่วนของปลากริม ซึ่งมีรสหวาน

..ใส่น้ำกะทิ เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวให้ละลายเป็นสีสวย ใส่กะทิลงไปคนให้เข้ากัน อย่าให้กะทิแตกมัน มัดใบเตยใส่ลงไปเพิ่มความหอม

..ให้ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อนนะคะ จากนั้นใส่แป้งข้าวเจ้าละลายน้ำนิดนึง คนให้เข้ากันเพื่อให้น้ำกะทิมีความข้นขึ้น

..ใส่แป้งปลากริมลงไปเพื่อให้ดูดน้ำกะทิจะเป็นสีน้ำตาลทองและมีรสหวานหอม..

3.ทำกะทิส่วนของไข่เต่า ซึ่งมีรสเค็ม

.. ใส่น้ำกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อ ใช้ไฟอ่อน มัดใบเตยใส่ลงไป ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และแป้งข้าวเจ้าละลายน้ำนิดนึงลงไปให้ข้นขึ้นคนให้เข้ากันดี

..ใส่แป้งไข่เต่าลงไปให้ดูดน้ำกะทิจะเป็นสีขาวและมีรสเค็ม

4.ตักใส่ถ้วยทั้งหวานและเค็ม..พร้อมอร่อยแบบขนมไทยโบราณได้เลยเจ้าค่ะ..

ปลากริมไข่เต่า สูตรนี้ ความหวานของปลากริมผสมกับรสเค็มๆมันๆของไข่เต่า กินคู่กันอร่อยกลมกล่อมมากค่ะ เก็บไว้ทำขายก็ขายดีนะคะ เพราะทุกวันนี้ก็เริ่มหาซื้อได้ยากแล้ว หาซื้อกินไม่ได้เก็บสูตรไว้ทำกินได้เลย

ขอขอบคุณข้อมูลสูตรจาก คุณAlice Kiatwaranalin สมาชิกเว็บ cookpad