5 เคล็ดลับฝึกให้หนูน้อยสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันโรคแบบที่ไม่งอแง

พิษโควิด-19 ทำให้ประชาชนทั่วโลกมีความตื่นตัวเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัย ทั้งผู้ที่ป่วย และผู้ที่ยังไม่ป่วย โดยผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์

และผู้ที่แข็งแรงปกติสวมหน้ากากผ้าก็เพียงพอที่จะระวังเชื้อจากผู้อื่นได้แล้ว แต่การสวมหน้ากากในบางครั้งก็ทำให้รู้สึกอึดอัด แม้แต่ผู้ใหญ่เองยังรู้สึกว่าหายใจไม่ถนัด

พอจะสวมให้แก่บุตรหลาน กลายเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน เพราะน้องๆหนูๆ มักต่อต้าน และร้องโยเย จนผู้ปกครองเลิกล้มความตั้งใจที่จะสวมให้ วันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการสวมหน้ากาก มาฝากกัน

5 วิธีสอนหนูน้อยสวมหน้ากากอนามัย เพื่อความปลอดภัยจากโรคติดต่อ

1. ใส่ให้ดู
ในวัย 1 ขวบก็สามารถเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากบังคับให้ใส่ แต่คุณไม่ได้ใส่ก็จะทำให้พวกเขาไม่อยากใส่นั้น และในกรณีเค้าที่ยังไม่เข้าใจเหตุผลด้วย เราจึงควรฝึกพฤติกรรมสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน เพื่อปลูกฝังสุขอนามัยให้เป็นนิสัย

2. ใส่ให้พี่ตุ๊กตา
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ใส่ให้ดูแล้ว พวกเขาอาจจะยังไม่ยอม แต่ถ้ากับพี่ตุ๊กตาตัวโปรด ก็อาจจะดึงดูดความสนใจให้เค้า อยากมีเพื่อนสวมหน้ากากอนามัยไปด้วยกัน วิธีนี้มักได้ผลเสมอ เพราะตุ๊กตาตัวโปรดคือสิ่งที่เค้า มีไว้เพื่อความอุ่นใจ

3. เลือกหน้ากากอนามัยให้พอดีกับลูก
เค้ามักจะปฏิเสธหน้ากากอนามัย เพราะใส่แล้วรู้สึกไม่พอดี ไม่กระชับ และหายใจลำบาก คุณแม่สามารถปรับสายให้กระชับ ด้วยการใช้ตัวช่วยเป็นหนังยางรัดผม หรือพับหน้ากากให้มีขนาดเล็กพอดีกับใบหน้าของหนูน้อย โดยยังคงให้คลุมจมูกและปากอยู่ไม่หลุดง่าย

4. ให้รางวัล
เมื่อหนูน้อยยอมสวมหน้ากากแต่โดยดีแล้ว ชมเชยด้วยคำพูด หรือให้ของรางวัลเพื่อเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาอยากสวมในครั้งต่อๆ ไป และหากครั้งแรกลูกยังไม่ยอมใส่ไม่ควรดุว่า ลองเริ่มใหม่อีกครั้ง

5. พกซองไว้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อไม่ได้ใช้
ระหว่างวันจะมีช่วงที่ต้องถอดหน้ากากเพื่อรับประทานอาหาร หรือต้องการถอดเพื่อทำกิจกรรมอื่นต้องถอดจะต้องเก็บใส่ซองพลาสติกไว้ เพื่อจะได้นำกลับมาใช้ได้อีกได้ในครั้งต่อไป การเก็บหน้ากากในซองพลาสติกหรือกระเป๋าที่สะอาด จะช่วยให้หน้ากากไม่สัมผัสสิ่งสกปรก

เมื่อเลือกใช้หน้ากากผ้า มักจะมีกลิ่นอับ จากคราบอาหารหรือคราบนม ผู้ปกครองต้องหมั่นนำไปซัก และควรมีมากกว่า 1 ผืนเพื่อใส่สับเปลี่ยนกัน เชื่อว่าต่อจากนี้ไปน้องๆหนูๆ ต้องสวมหน้ากากผ้ากันขณะไปโรงเรียน และทำกิจกรรมกับผู้อื่นมากขึ้น จึงควรฝึกไว้เพื่อรับกับสถานการณ์ในอนาคต

อ้างอิงจาก : ThairathOnline
เรียบเรียงโดย : หลิวหล่าวซือ