สวัสดีจ้า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แฟนเพจทุกๆท่าน
วันนี้ก็มาพบกับแอดมินอัพยิ้มอีกเช่นเคย
วันนี้แอดมินก็จะมาพูดถึงพฤติกรรมของผู้ปกครอง
ที่มีการพูดคุยกับเด็กที่ผิดวิธี ทำให้เด็กโตขึ้นแบบผิดปกติ อย่างขู่เขาว่า
อย่าดื้อนะ ถ้าดื้อตุ๊กแกจะมากินตับ หรือ อย่าดื้อนะ
เดี๋ยวผีจะมาเอาไปอยู่ด้วย มันอาจจะเป็นคำพูดที่พ่อแม่ ผู้ปกครองเคยใช้
หรือเป็นค่านิยมแบบนี้มานานเนื่องจากขู่แบบนี้แล้วทำให้เด็กหยุดทำ
หรือหยุดดื้อได้ แต่คุณจะรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกบ้าง
เด็กมีจินตนาการสูงเขาอาจทำสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็ได้
อย่างงั้นแอดมินก็เลยได้รวบรวบวิธีพูด
วิธีคุยกับลูกอย่างไรให้ลูกไม่ผิดปกติ และทำให้ลูกไม่หวาดกลัวได้
ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่เราบอก เราเตือน
พ่อแม่ผู้ปกครองอยากทราบวิธีกันแล้วใช่ไหมคะ
ถ้าอย่างงั้นเราไปอ่านรายละเอียดพร้อมๆกันเลยจ้า
ขู่ลูกให้กลัว
“เดี๋ยวตุ๊กแกจะมากินตับ”“เดี๋ยวผีมาเอาไปนะ”“เดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลย”เป็นหนึ่งในหลายประโยคคลาสสิค
ที่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณเคยได้ยินหรือเคยใช้มาบ้าง
บางคนก็อาจมีประสบการณ์โดนขู่มาเหมือนกัน
ข้อดีของการขู่ คือ เมื่อเด็กกลัว
เด็กก็จะหยุดทำพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์นั้นๆ และยอมทำตามแต่โดยดี
ผู้ใหญ่จึงติดใจ ใช้วิธีนี้อยู่เรื่อยๆ
แต่ทราบไหมคะว่าการขู่นั้นมีผลกระทบต่อเด็กๆ อย่างไร
ขู่ลูก ให้กลัวผี, งู, ตุ๊กแก (+ สารพัดสัตว์) = ทำให้เด็กกลัวกลางคืน
“ขู่” หมายถึง ทำให้เกรงกลัว เมื่อเราพูดเด็กจะรู้สึกกลัวสิ่งที่เรานำมาขู่ ซึ่งถ้าโดนเรื่อยๆ ก็จะกลัวมากขึ้น มากขึ้น จนอาจส่งผลให้บางคนอยู่คนเดียวตอนกลางคืนไม่ได้ (เพราะกลัวผีมาเอาไป) กลัวสัตว์เลื้อยคลานแบบเอาเป็นเอาตาย แค่เห็นก็อาจตื่นตระหนกจนคุมตัวเองไม่อยู่ (เพราะกลัวมันมากินตับ)
“ขู่” หมายถึง ทำให้เกรงกลัว เมื่อเราพูดเด็กจะรู้สึกกลัวสิ่งที่เรานำมาขู่ ซึ่งถ้าโดนเรื่อยๆ ก็จะกลัวมากขึ้น มากขึ้น จนอาจส่งผลให้บางคนอยู่คนเดียวตอนกลางคืนไม่ได้ (เพราะกลัวผีมาเอาไป) กลัวสัตว์เลื้อยคลานแบบเอาเป็นเอาตาย แค่เห็นก็อาจตื่นตระหนกจนคุมตัวเองไม่อยู่ (เพราะกลัวมันมากินตับ)
ขู่ลูก ให้กลัวหมอ = ทำให้เด็กเกลียดการรักษา
บางคนชอบขู่ว่าจะพาไปให้หมอฉีดยา เด็กจะติดใจกลัวหมออย่างมาก เมื่อไม่สบายต้องไปหาหมอ เด็กก็จะไม่ยอมเข้าห้องตรวจ ไม่ร่วมมือในการรักษา (เพราะกลัวหมอฉีดยา…แหะๆ อันนี้แม้แต่จิตแพทย์ก็เจอบ่อยค่ะ แม้ว่าในความจริง จิตแพทย์ไม่เคยฉีดยาเด็กๆ แต่เด็กก็จะกลัวจนคุยกันไม่ได้เลยก็มี)
บางคนชอบขู่ว่าจะพาไปให้หมอฉีดยา เด็กจะติดใจกลัวหมออย่างมาก เมื่อไม่สบายต้องไปหาหมอ เด็กก็จะไม่ยอมเข้าห้องตรวจ ไม่ร่วมมือในการรักษา (เพราะกลัวหมอฉีดยา…แหะๆ อันนี้แม้แต่จิตแพทย์ก็เจอบ่อยค่ะ แม้ว่าในความจริง จิตแพทย์ไม่เคยฉีดยาเด็กๆ แต่เด็กก็จะกลัวจนคุยกันไม่ได้เลยก็มี)
เมื่อเด็กกลัวจนส่งผลกระทบต่อชีวิตตามที่หมอเล่าข้างต้น
ผู้ใหญ่ที่เป็นคนขู่เองก็จะเดือดร้อนไปด้วย บางคนก็ดุด่าเด็กซ้ำว่า
“กลัวอะไรไม่เป็นเรื่อง”ซึ่งลืมไปหรือเปล่าว่าความกลัวของเด็กนี้มาจากใครกันที่สื่อให้เขารู้สึกกลัว
ง่ายมาก.. เปลี่ยนวิธีขู่เป็นให้แรงเสริม “ชม” “ให้รางวัล”
แม้วิธี “ ขู่ลูกให้กลัว ” จะทำให้เด็กหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใหญ่ไม่เหนื่อย แต่ไม่เป็นผลดีในระยะยาว จะดีกว่าไหมถ้าเด็กๆ ของเราเลือกทำสิ่งที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเขาเอง มาจากการควบคุมตัวเองเป็นและรู้จักรับผิดชอบพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งเป็นวินัยที่จะติดตัวเขาไปจนโต
แม้วิธี “ ขู่ลูกให้กลัว ” จะทำให้เด็กหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใหญ่ไม่เหนื่อย แต่ไม่เป็นผลดีในระยะยาว จะดีกว่าไหมถ้าเด็กๆ ของเราเลือกทำสิ่งที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเขาเอง มาจากการควบคุมตัวเองเป็นและรู้จักรับผิดชอบพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งเป็นวินัยที่จะติดตัวเขาไปจนโต
เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ แสดงความชื่นชม
เมื่อเขาแสดงพฤติกรรมที่ดี น่าชมเชย และเมื่อถูกตักเตือน
ก็ต้องรีบใช้โอกาสนี้ สอนสิ่งที่ถูกที่ควรว่า ลูกควรแสดงออกอย่างไร
เมื่อเขาเข้าใจการกระทำของตนเอง และเปลี่ยนแปลงเพราะได้รับคำชม
เขาก็จะกลายเป็นเด็กที่รู้อะไรควรไม่ควร
..เพราะเด็ก ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเงยเป็นต้นไม้ใหญ่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งผู้ปลูกอย่างคุณพ่อคุณแม่ ต้องดูแลรดน้ำไปทุกวัน จนกว่าจะเติบใหญ่ ดังนั้น เด็กถือเป็นผลผลิตครอบครัวที่สำคัญค่ะ
..เพราะเด็ก ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเงยเป็นต้นไม้ใหญ่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งผู้ปลูกอย่างคุณพ่อคุณแม่ ต้องดูแลรดน้ำไปทุกวัน จนกว่าจะเติบใหญ่ ดังนั้น เด็กถือเป็นผลผลิตครอบครัวที่สำคัญค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ
ผู้ปกครองบ้านไหนที่ยังทำแบบนี้อยู่ แอดมินขอเตือนให้หยุด
และหันมาคุยและเตือนเขาด้วยเหตุด้วยผล
และจะทำให้เขาเป็นเด็กที่มีเหตุผลตั้งแต่เด็กได้ด้วยนะคะ
พ่อแม่ผู้ปกครองก็นำไปปรับใช้กับลูกๆด้วยนะคะ
สำหรับวันนี้แอดมินก็ขอตัวไปก่อน แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าจ้า