วันนี้มีสูตรขนมไทยโบราณมาแบ่งปัน ขนมไข่เหี้ย หรือ ขนมไข่หงส์ ถือว่าเป็นสูตรขนมชาววังที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่ตอนนี้ถ้าจะหาทานร้านอร่อยจริงๆ ต้องบอกเลยว่าหายากนะคะ แต่ไม่เป็นไร แอดมินนำเอาสูตรวิธีการทำมาฝากแฟนเพจแล้วจ้า พร้อมแล้วไปดูสูตรวิธีการทำขนมไข่หงส์(สูตรชาววัง) กันเลยจ้า
*ส่วนผสมและวัตถุดิบขนมไข่หงส์ (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 30 ชิ้น)
**ส่วนผสมแป้ง
1. แป้งข้าวหนียว 3 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
3. มะพร้าวขูดขาว 2 ถ้วย
4. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
6. น้ำอุ่น 1/2 ถ้วย
7. น้ำมันสำหรับทอด
**ส่วนผสมไส้
1. ถั่วทอง (ถั่วเขียวเลาะเปลือกออก) 3/4 ถ้วย
2. หอมแดงสับหยาบ 1/4 ถ้วย
3. น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
6. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ (ตามใจชอบ)
*น้ำตาลสำหรับเคลือบ
1. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
2. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
***วิธีการทำขนมไข่หงส์
1. ล้างถั่วให้สะอาดแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน (หรือแช่น้ำอุ่นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง) ล้างถั่วให้สะอาดอีกครั้ง
2. นำไปนึ่งบนลังถึงที่ปูผ้าขาวบางรองไว้ บนน้ำเดือดไฟกลางจนสุก พักให้เย็นแล้วโขลกถั่วนึ่งให้ละเอียดพักไว้
3. ผัดหอมแดงกับน้ำมันให้มีกลิ่นหอม ใส่ถั่วที่โขลกไว้ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ พริกไทย ผัดต่อจนส่วนผสมเริ่มร่อนจากกระทะ ปิดไฟพักไว้ให้เย็น ปั้นเป็นก้อนกลมน้ำหนักก้อนละ 10 กรัมเตรียมไว้
4. ใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า และมะพร้าวขูดขาวลงในอ่างผสม นวดให้เข้ากัน จนมะพร้าวเริ่มมีน้ำมันออกมาเล็กน้อย ใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือ ผสมพอเข้ากันค่อย ๆ ใส่น้ำทีละน้อย
5. นวดต่อจนปั้นเป็นก้อนได้ พักแป้งไว้ประมาณ 20 นาที ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม น้ำหนักก้อนละ 15 กรัม นำไปห่อไส้ให้มิด
6. จากนั้นนำไปทอดในกระทะน้ำมันด้วยไฟอ่อนประมาณ 10 นาที หรือจนแป้งเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ตั้งกระทะใส่น้ำตาลและน้ำด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน (เปลวไฟสูงประมาณ 1 ซม.) เคี่ยวจนเหนียวและเดือดเป็นฟองเล็ก ๆ เต็มกระทะ ใส่ขนมที่ทอดลงคลุกให้เคลือบทั่วก้อน ปิดไฟแล้วคลุกต่อจนน้ำตาลตกผลึกเคลือบเป็นสีขาวทั้งหมดและแห้งสนิท
7. เสร็จเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
*เกร็ดความรู้
ก่อนจะนิยมเรียกกันในชื่อ “ขนมไข่หงส์” ในปัจจุบัน คนโบราณเรียกว่า “ขนมไข่เหี้ย”
สมัยก่อนมีตำนานเล่าว่า เจ้าจอมแว่นหรือที่เรียกกันว่า คุณเสือ เป็นต้นคิดทำขนมไข่เหี้ยขึ้นเป็นครั้งแรก คือครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(ร.1) มีพระประสงค์จะเสวยไข่เหี้ย ซึ่งในสมัยนั้นกินกับมังคุด แต่ว่าไข่เหี้ยในระยะนั้นหายาก เจ้าจอมแว่นจึงได้ประดิษฐ์ขนมไข่เหี้ยขึ้นถวายแทน
ขนมไข่เหี้ยฟังดูไม่เพราะ คนที่รังเกียจชื่อเขาก็เอามาเรียกกันใหม่ว่า “ไข่สวรรค์” บ้าง “ไข่หงส์” บ้าง แล้วแต่จะนึกชื่ออะไรที่ดีๆกว่านั้นได้ แต่คนส่วนมากก็ยังเรียกไข่เหี้ยอยู่ เพราะเป็นชื่อที่เรียกขานกันมาแต่โบราณนานแล้ว
เมื่อพูดถึงขนมไข่เหี้ย มีนักภาษาคนหนึ่งเคยออกความเห็นว่าน่าจะเรียกว่า “ขนมฟองแลน” ความจริงฟองแลนก็หมายถึงไข่เหี้ยนั่นเอง ภาษาถิ่นใต้เรียกเหี้ยและตะกวดว่าแลน ส่วนทางอีสานเรียกเฉพาะตะกวดว่าแลน เรียกเหี้ยว่าเหี่ย แต่ถึงกระนั้นก็แทนกันไม่ได้อยู่ดี เพราะขนมฟองแลนตัวจริงเขามีอยู่แล้ว ไส้ทำด้วยถั่วเขียวอย่างเดียวกับไส้ขนมไข่นกกระสา หุ้มด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมแป้งข้าวเหนียวมีฟักทองนวดผสมอีกอย่างหนึ่ง ปั้นเป็นรูปไข่ ทอดสุกแล้วจึงฉาบด้วยน้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวกับหัวกะทิ บางสูตรก็มีงาขาวโรยด้วย ดูก็คล้ายๆกับขนมไข่เหี้ยเหมือนกัน แต่ส่วนผสมแป้งและใส้ต่างกัน จึงถือว่าเป็นคนละสูตรกันค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่จะนำไปทำขายเพื่อเพิ่มเป็นรายได้เสริม ก็สามารถปรับเพิ่มส่วนผสมตามสัดส่วนได้ตามต้องการนะคะ ขั้นตอนอาจจะเหมือนยาก แต่ลองทำทานเองสัก 2 รอบจะเริ่มคล่องขึ้น จากนั้นค่อยๆปรับสูตรให้ได้รสชาติตามที่ต้องการนะคะ รับรองสามารถทำขายได้ ลูกค้าติดใจแน่นอนจ้า ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ อย่าลืมกดแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานกันด้วยนะคะ
ขอบคุณภาพและข้อมูลและสูตรจาก บ้านเนิ่นน้ำ สมาชิกเว็บ bloggang