ยิ่งใครไปหาหมอบ่อยๆ ชีวิตก็ยิ่งจะสั้นลงได้ง่ายๆ

…..”ผมเป็นหมอมา 40 ปีแล้ว พูดได้เต็มปากว่า ยิ่งใครไปหาหมอบ่อยๆ ชีวิตก็ยิ่งจะสั้นลงได้ง่ายๆ จากยาและกระบวนการรักษา สิ่งสำคัญ อาจไม่ใช่ศรัทธา หรือ ความเชื่อในการรักษาทางการแพทย์ แต่อยากให้ คุณไตร่ตรองอย่างเป็นเหตุเป็นผล มากกว่าครับ”

— นายแพทย์ คนโด มะโกะโตะ บุคคลเกียรติคุณแห่งญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีรักษา ผู้บุกเบิกการรักษามะเร็งเต้านมโดยไม่ตัดทิ้ง —

…..หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย แพทย์ประจำภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอ ผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณแห่งญี่ปุ่น ในฐานะผู้บุกเบิก การรักษามะเร็งเต้านม โดยไม่ตัดทิ้ง

…..แต่คุณหมอคนโด ไม่ได้เขียนหนังสือ เกี่ยวกับ วิธีรับมือกับโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้ สุขภาพแบบองค์รวม ในมุมมองที่คุณคาดไม่ถึงมาก่อน เป้าหมายของคุณหมอ ก็คือให้ คุณห่างไกลยา และ การรักษาที่ไม่จำเป็น

…..*..90 % ของผู้ป่วยโรคมะเร็งในญี่ปุ่น หากปล่อยเนื้อร้ายทิ้งไว้ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างแข็งแรง มากกว่า การเข้ารับการรักษา

…..*..ยาต้านมะเร็ง หรือ เคมีบำบัด (คีโม) เป็นพิษที่ร้ายแรง มีฤทธิ์แค่ “…ทำก้อนเนื้อร้ายเล็กลง ชั่วคราว…” ไม่ได้ช่วย รักษา หรือ มีประโยชน์ ในการยื้อชีวิตออกไป แต่อย่างใด

…..*..มีการปรับมาตรฐาน ค่าความดันโลหิตสูงสุดจาก 160 มิลลิเมตรปรอท ลงมาเป็น 140 ในปี 2000 และ 130 ในปี 2008 ทำให้อยู่ดีๆ คนจำนวนมาก ก็กลายเป็น “…ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง…” ทั้งหมดนี้เอื้ออำนวย ต่อ ธุรกิจขายยาลดความดัน ล้วนๆ

…..*..มะเร็ง ที่ไม่สร้างความเจ็บปวด แม้จะปล่อยไว้ก็มีไม่น้อย เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

…..*..ก้อนมะเร็ง มีทั้งของจริงและของปลอม แต่ไม่ว่าจะจริง หรือ ปลอม วิธีรักษาด้วย การผ่าตัด หรือ ทำคีโม จะเปล่าประโยชน์เสีย 90 %

…..*..ก้อนมะเร็ง ไม่ได้ทำให้เราต้องทุกข์ทรมาน จนกระทั่งเสียชีวิตหรอก แต่สาเหตุคือ “…กระบวนการรักษามะเร็ง…” ต่างหาก

…..*..ยาลดคอเลสเตอรอล ที่ขายกันทั่วโลก (ยาประเภท Statins) มีโอกาส ป้องกันโรค ได้น้อยยิ่งกว่า การถูกล้อตเตอรี่ ในอเมริกา คณะกรรมการที่รณรงค์ ให้ลดค่ามาตรฐาน ของไขมันไม่ดี (LDL Cholesterol) เพื่อให้คนจำนวนมากขึ้น ถูกวินิจฉัยว่า ป่วย รับเงินจากธุรกิจยาถึง 8 ใน 9 คน จนเกิดการประท้วง

…..*..คนร่างกายแข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงการฉายรังสี (เอ๊กซเรย์) และการทำซีทีสแกน แม้ครั้งเดียว ก็เสี่ยงที่จะทำให้เป็นมะเร็ง

…..*..หากไม่รักษามะเร็ง เราก็สามารถควบคุม ความเจ็บปวดได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สติอยู่ครบถ้วน ไม่มีการเลอะเลือน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งจะจากไปอย่างสงบ และเมื่อเทียบกันแล้ว หัวสมองปลอดโปร่งกว่ามาก และไม่ต้องสูญเสียกิจกรรม อย่าง “…การเดินเล่น…” ด้วย

…..*..การบำรุงร่างกาย และ สมอง จำเป็นต้องได้รับไขมัน และ โปรตีน อย่างเพียงพอ แต่ไม่ต้องไปกินอาหารเสริมใดๆ เพียงกินไข่ และดื่มนม ทุกวันก็เพียงพอแล้ว

…..*..ทุกคนควรเขียน “…พินัยกรรมชีวิต…” ไว้ หมายถึง เอกสารแสดงเจตจำนงว่า อยากให้รักษาอย่างไรช่วงก่อนจะเสียชีวิต ควรเขียนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เช่น “…ไม่จำเป็นต้องฝืนให้อาหารเช่นสอดท่อให้อาหารผ่านทางจมูก…” “…ถ้าใส่เครื่องช่วยหายใจครบ 1 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้สติ ให้ถอดเครื่องออกเลย…”

ขอบพระคุณแหล่งที่มา : ชีวิตดี