Home »
Uncategories »
แก้ไขชีวิตติดขัด! วิธีถอนคำสาบาน แก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จำไม่ได้
แก้ไขชีวิตติดขัด! วิธีถอนคำสาบาน แก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จำไม่ได้
แก้ไขชีวิตติดขัด! วิธีถอนคำสาบาน แก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จำไม่ได้
เนิ่นนานเท่าไหร่แล้วที่เคย…บนบานศาลกล่าวเอาไว้ แล้วใครเล่าจะจำสิ่งนั้นได้
ไม่รู้ว่าสำเร็จไปแล้ว หรือยังไม่สำเร็จจนจำไม่ได้แล้วก็ตาม หรือแม้แต่อดีตชาติที่ผ่านมา
ก็หารู้ไม่ว่า “เราเคยไปบนบานที่ไหนไว้บ้าง” แน่นอนว่า การบนบาน สาบาน หรือ สาปแช่งนี้
คงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วตั้งแต่สมัยก่อนสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการงาน
ความรัก การเรียน สุขภาพ สิ่งไหนที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือกลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ
ก็จะมาขอพรอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้พรนั้นเกิดประสบพบขึ้นกับเรา
เรียกได้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเสมือนที่พึ่งหรือที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจคนไทยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
การอธิษฐานขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อครั้งอดีตชาติ หรือชาติปัจจุบัน
ในบางครั้งเราก็พูดบนบานศาลกล่าวเอาไว้ แต่กลับลืมไปแก้บนตามที่ขอไว้ ซึ่ง
“วิธีการถอนคำอธิษฐาน แก้บนที่จำไม่ได้ด้วยบุญ”
ในครั้งนี้จะหมายรวมถึงการสาบาน หรือไปสาปแช่งใครต่อใครที่เคยโกรธแค้นเคืองไว้ด้วยเช่นกัน
ตั้งจิตให้มั่นคงเสียก่อน แล้วกล่าวตั้งนะโมฯ ๓ จบ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ข้าพเจ้าชื่อ…สกุล…ด้วยสัจจะอธิษฐานทั้งในอดีตชาติและชาตินี้เรื่อง…
(เอาที่จำได้ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดถึง) สิ่งของใดๆ ที่ได้บนบาน สาบาน สาปแช่ง
ที่จำได้ก็ดี และจำไม่ได้ก็ดี มาถึงบัดนี้
ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐาน บนบาน สาบาน สาปแช่งทั้งหมด
ถวายแก้บนทั้งหมด ณ บัดนี้ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากรรมนายเวร
ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายโปรดมารับ โปรดมาโมทนา
โปรดมาอโหสิกรรม และโปรดสงเคราะห์ตามความประสงค์ขอข้าพเจ้าในครั้งนี้
โปรดถอนตัวจากอุปสรรคทั้งปวงทั้งในเรื่องการงาน การเงิน สุขภาพ
ขอโปรดเมตตาให้ข้าพเจ้าได้พบกับกรรมดี บุญกุศลที่เคยทำมา มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง
จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ…
รู้หรือไม่! ในความเชื่อของคนบางกลุ่มนั้นก็มีเคล็ดลับอีกอย่างที่คุณอาจะไม่รู้
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. พระพุทธรูปปรางสมาธิ 1 องค์
2. ผลไม้ 5 หรือ 7 อย่าง แต่ใน5 หรือ 7 อย่างนั้น
ต้องประกอบไปด้วย กล้วยน้ำหว้า 1หวี, มะพร้าว1ลูก, สับปะรด1ผล ผลไม้ตามฤดูกาล
3. หมากพลู บุหรี่ 5 มวน
4. พวงมาลัยดาวเรือง 3 พวง
5. น้ำแดง1ขวด น้ำเขียว1ขวด
6. น้ำเปล่า1ขวด
7. เทียนขาว 2 เล่ม
8. ธูป 16 ดอก
วิธีการแก้บนที่จำไม่ได้
1. จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้วางไว้ให้เรียบร้อย
2. จากนั้นจุดธูป 16 ดอกและกล่าวตามดังนี้
ข้าพเจ้า ชื่อ…นามสกุล…วันเดือนปีเกิด…
ขออันเชิญองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นประธานและสักขีพยาน
ตลอดทั้งอันเชิญเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรวมทั้งเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขา
ให้มารับเครื่องสังเวยเครื่องสักการะที่ลูกได้จัดถวายให้แล้วในวันนี้
เนื่องจากว่าลูกเคยบนบานศาล กล่าวรวมทั้งสาบานมานานแล้วจนถึงปัจจุบันทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ก็ดี ทั้งที่สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม
ก็ขออันเชิญให้มารับเครื่องแก้บนทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อท่านทั้งหลายได้รับแล้ว
ลูกขอถอนคำสาบานคำบนบานศาลกล่าวทั้งหมดขอให้สิ้นสุด ณ วินาทีนี้เป็นต้นไป
ถ้าหากลูกมีความจำเป็นจะต้องบนบานศาลกล่าวอีกก็จะกล่าวบนบานใหม่อีกรอบในคราวต่อไป
สาธุ สาธุ สาธุ (ทำแล้วห้ามขอพรใดๆ)
3. พอพูดจบสาธุให้ทำการปักธูป (หลังจากลาแล้วก็ขอพรได้ในเรื่องที่ต้องการ สาธุสาธุสาธุ)
จงหมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล และกรรมดี เกิดมาหลายภพหลายชาติก็ยังลบล้างกรรมชั่วไม่หมด
ซึ่งมนุษย์เรานั้นก็ทำได้เพียงแต่สร้างกรรมดีใหม่หรือสร้างบุญใหม่
เพื่อนำบุญใหม่นี้อุทิศให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปฏิบัติธรรม หรือดวงจิตวิญญาณต่างๆ
เพื่อการไปขอขมาลาโทษ “บุญ” นั้นนับว่าเป็นความสุขและพลังงานที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด
ในการสร้างบุญนั้นอาจจะเป็นการใส่บาตร ช่วยเหลือผู้อื่น หรืออะไรก็ได้ที่เป็นทานวัตถุ
แต่ต้องเป็นการทำบุญที่เหมาะสมทำแต่พอดีไม่เดือดร้อนตนเองหรือไปเดือดร้อนผู้อื่น
ใช่ว่าทำจนหมดตัวจนไม่มีอันจะกินนั่นก็อาจได้บาปแทนสร้างบุญก็เป็นได้
การกระทำนั้นไซร้ “กระทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น” หมั่นสร้างกรรมดี ใช่กรรมชั่ว
เมื่อกรรมไหนส่งผลจบสิ้นแล้วกรรมอื่นก็เข้ามาส่งผลต่อที่เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม
หรือคำสาปแช่งผู้อื่นก็ย่อมส่งผลย้อนกลับเข้าหาตนเองเมื่อดวงตกเอามาก
ซึ่งเป็นช่วงที่วิบากกรรมไม่ดีมาส่งผลเต็มที่ หรือแม้แต่การบนบานศาลกล่าว
เรื่องใดก็ตามแต่ใจจะปรารถนานี้ก็คงไม่ดีนัก หากไปพูดขอสิ่งใดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้วไม่ทำตามนั้น
ก็นับว่า..ตัวเลือกสุดท้ายที่คนนิยมทำกันนี้เรื่อง ในบางครั้ง “เชื่อไม่เชื่อ! ก็อย่าได้ลบหลู่เชียวล่ะ”
ขอบคุณแหล่งที่มา ธ.ธรรมรักษ์