แค เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสกุลโสน วงศ์ Fabacea หรือวงศ์ถั่ว
เป็นต้นไม้พื้นที่พบเห็นได้ทั่วไปตามทุ่งนา ตามสวนต่างๆ
ปลูกได้ง่ายแทบทุกสภาพดิน เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้นทั่วไป นิยมนำดอก
ฝักอ่อน และยอดอ่อนมาประกอบอาหาร
ดอกแคมีสรรพคุณเป็นยาโดยแท้ ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกแค และฝักอ่อน นิยมลวกน้ำร้อนใช้กินร่วมกับน้ำพริกกะปิหรือน้ำพริกปลาร้า
ดอกอ่อนนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น แกงส้มดอกแค แกงจืดดอกแค ดอกแคผัดหมูหรือกุ้ง และดอกแคชุบแป้งทอดกินกับน้ำพริก ทั้งนี้มักจะเอาเกสรตัวผู้ออก จากดอกแคก่อนใช้ประกอบอาหารเพื่อลดความขม
หมอแผนโบราณ จะต้มใบแคสด ดื่มแก้โรคเกาต์ ปวดตามข้อ ใบอ่อนของแคมีสารบีตา-แคโรทีนสูงมาก บำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อ
การวิจัยของประเทศอินเดียพบว่า สารสกัดเอทานอลของใบแคมีฤทธิ์ป้องกันการถูกทำลายของตับจากสารเคมี สารกันเสีย อาหารแปรรูป สุรา ได้ดี
ใครที่มีภาวะตับอักเสบ ไขมันพอกตับ มีอาการปวดเสียดชายโครงด้านขวา ท้องอืดประจำ อาหารไม่ย่อย มีลมในกระเพาะ ลำไส้มาก ลองทานอาหารจากดอกแคบ่อยๆ แต่ถ้าจะทานเป็นยาไม่ต้องเด็ดเกสรตัวผู้ออก เพราะยาดีอยู่ที่นี่
ส่วนใครที่มีภาวะไขมันพอกตับ ไตรกลีเซอไรด์สูง หมอแนะนำให้ทานยาประสะเจตและตรีผลามหาพิกัดครับ ทานติดต่อกัน 3 เดือนแล้วตรวจเลือดดูนะครับ
2.แคเป็นพืชที่มีจุลินทรีย์ที่ปมราก เมื่อจับกับก๊าซไนโตรเจนในอากาศจะผลิตเป็นปุ๋ยที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ต้นแคจึงเป็นพืชที่ช่วยปรับปรุงดินไปได้ในตัวอีกด้วย
3.ใบใช้เป็นอาหารสัตว์ เลี้ยงโคกระบือได้ดี และเป็นที่ชื่นชอบของโคกระบือ
4.ไม้ใช้ทำเป็นฟืนหรือเชื้อเพลิงได้
5.ลำต้นนิยมนำมาใช้ในการเพาะเลี้ยงเห็ดหูหนูได้ดี
6.ประโยชน์ของดอกแค ฝักอ่อน ยอดอ่อน และใบอ่อน สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เมนูดอกแค เช่น แกงแค, แกงส้มดอกแค, ดอกแคสอดไส้, ดอกแคห่อกุ้งทอด, แกงเหลืองปลากะพง, แกงจืดดอกแค, ดอกแคชุบแป้งทอด, ดอกแคผัดหมู, ดอกแคผัดกุ้ง, ดอกแคผัดเต้าเจี้ยว, ดอกแคผัดกะเพรา, ยำดอกแค, ส่วนใบอ่อน ยอดอ่อน และฝักอ่อนนำมาลวกจิ้มกินกับน้ำพริกก็ได้ เป็นต้น
7.สำหรับชาวอีสานนิยมนำดอกแคและยอดอ่อนมานึ่งหรือย่าง รับประทานร่วมกับลาบ ก้อย แจ่ว และดอกยังนำมาปรุงเป็นอาหารประเภทอ่อมอีกด้วย
8.บ้านเรานิยมกินดอกและยอดอ่อน แต่สำหรับประเทศอื่น ๆ บางประเทศจะนิยมกินดอกแคสดหรือนำมานึ่งเป็นสลัดผัก ส่วนฝักจะใช้รับประทานเหมือนกับถั่วฝักยาว
ดอกแคมีสรรพคุณเป็นยาโดยแท้ ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกแค และฝักอ่อน นิยมลวกน้ำร้อนใช้กินร่วมกับน้ำพริกกะปิหรือน้ำพริกปลาร้า
ดอกอ่อนนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น แกงส้มดอกแค แกงจืดดอกแค ดอกแคผัดหมูหรือกุ้ง และดอกแคชุบแป้งทอดกินกับน้ำพริก ทั้งนี้มักจะเอาเกสรตัวผู้ออก จากดอกแคก่อนใช้ประกอบอาหารเพื่อลดความขม
หมอแผนโบราณ จะต้มใบแคสด ดื่มแก้โรคเกาต์ ปวดตามข้อ ใบอ่อนของแคมีสารบีตา-แคโรทีนสูงมาก บำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อ
การวิจัยของประเทศอินเดียพบว่า สารสกัดเอทานอลของใบแคมีฤทธิ์ป้องกันการถูกทำลายของตับจากสารเคมี สารกันเสีย อาหารแปรรูป สุรา ได้ดี
ใครที่มีภาวะตับอักเสบ ไขมันพอกตับ มีอาการปวดเสียดชายโครงด้านขวา ท้องอืดประจำ อาหารไม่ย่อย มีลมในกระเพาะ ลำไส้มาก ลองทานอาหารจากดอกแคบ่อยๆ แต่ถ้าจะทานเป็นยาไม่ต้องเด็ดเกสรตัวผู้ออก เพราะยาดีอยู่ที่นี่
ส่วนใครที่มีภาวะไขมันพอกตับ ไตรกลีเซอไรด์สูง หมอแนะนำให้ทานยาประสะเจตและตรีผลามหาพิกัดครับ ทานติดต่อกัน 3 เดือนแล้วตรวจเลือดดูนะครับ
ประโยชน์ของแค
1.ประโยชน์ของต้นแค นิยมปลูกไว้เป็นรั้วบ้าน ปลูกตามคันนา ริมถนนข้างทาง และปลูกไว้ในบริเวณบ้าน2.แคเป็นพืชที่มีจุลินทรีย์ที่ปมราก เมื่อจับกับก๊าซไนโตรเจนในอากาศจะผลิตเป็นปุ๋ยที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ต้นแคจึงเป็นพืชที่ช่วยปรับปรุงดินไปได้ในตัวอีกด้วย
3.ใบใช้เป็นอาหารสัตว์ เลี้ยงโคกระบือได้ดี และเป็นที่ชื่นชอบของโคกระบือ
4.ไม้ใช้ทำเป็นฟืนหรือเชื้อเพลิงได้
5.ลำต้นนิยมนำมาใช้ในการเพาะเลี้ยงเห็ดหูหนูได้ดี
6.ประโยชน์ของดอกแค ฝักอ่อน ยอดอ่อน และใบอ่อน สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เมนูดอกแค เช่น แกงแค, แกงส้มดอกแค, ดอกแคสอดไส้, ดอกแคห่อกุ้งทอด, แกงเหลืองปลากะพง, แกงจืดดอกแค, ดอกแคชุบแป้งทอด, ดอกแคผัดหมู, ดอกแคผัดกุ้ง, ดอกแคผัดเต้าเจี้ยว, ดอกแคผัดกะเพรา, ยำดอกแค, ส่วนใบอ่อน ยอดอ่อน และฝักอ่อนนำมาลวกจิ้มกินกับน้ำพริกก็ได้ เป็นต้น
7.สำหรับชาวอีสานนิยมนำดอกแคและยอดอ่อนมานึ่งหรือย่าง รับประทานร่วมกับลาบ ก้อย แจ่ว และดอกยังนำมาปรุงเป็นอาหารประเภทอ่อมอีกด้วย
8.บ้านเรานิยมกินดอกและยอดอ่อน แต่สำหรับประเทศอื่น ๆ บางประเทศจะนิยมกินดอกแคสดหรือนำมานึ่งเป็นสลัดผัก ส่วนฝักจะใช้รับประทานเหมือนกับถั่วฝักยาว
สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้านแหล่งที่มา : คลินิกสมุนไพรหมอศุภการแพทย์แผนไทย