เปิดเรื่องเล่าจากชาวบ้าน! ‘เจ้าแม่ดอยนางนอน-เจ้าปู่พญา’ ถ้ำหลวงฯ แม้กลางวันยังไม่มีใครกล้าเข้าถ้ำ!?

เปิดเรื่องเล่าจากชาวบ้าน! ‘เจ้าแม่ดอยนางนอน-เจ้าปู่พญา’ ถ้ำหลวงฯ แม้กลางวันยังไม่มีใครกล้าเข้าถ้ำ!?

ชาวบ้านลือ!! ตำนานลี้ลับ อาถรรพ์ถ้ำหลวงฯ เผยไม่มีใครกล้าเข้า แม้ตอนกลางวัน เชื่อเจ้าแม่ดอยนางนอน หรือ ตำนานเจ้าปู่พญานาค ผู้ดูแลรักษาถ้ำ อาถรรพ์ – จากกรณีมีเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหายเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย

 

คลิป

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมานายดำรงค์ หาญภักดีนิยม หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน สำนักงานพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 รับแจ้งว่ามีผู้ที่พากันเดินทางเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลายคนแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย โดยพบรถจักรยานรองเท้าบริเวณทางเข้าถ้ำ

ล่าสุด วันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Piyavit Srisanyong ได้เล่าเรื่องราวอาถรรพ์ของถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ระบุได้ดังนี้ว่า Piyavit Srisanyong 18 hrs ? #ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน…. ถ้ำอาถรรพ์ ลึกลับ ที่เป็นข่าวขณะนี้….. ถ้ำนี้มีความกว้างใหญ่และลึกมาก

ข้อมูลจากกองอุทยานว่า….มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร….. โดยปกติถ้ำนี้ จะไม่ค่อยมีคนเข้าไปข้างใน เพราะดูลึกลับและน่ากลัวมาก ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีถึงอาถรรพ์ และความลี้ลับที่อยู่ภายในถ้ำ จึงไม่มีใครย่างกรายเข้ามา แม้จะเป็นในเวลากลางวัน….. ถ้ำนี้มีตำนานเล่าขานถึงความลี้ลับมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นตำนานของ เจ้าแม่ดอยนางนอน หรือ ตำนานเจ้าปู่พญานาค ผู้ดูแลรักษาถ้ำแห่งนี้…. การที่จะเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ (ตามความเชื่อ) ต้องขออนุญาต จากผู้ที่ดูแลถ้ำ และเข้าไปชมด้วยความสงบ ห้ามส่งเสียงดัง และพูดจาในสิ่งที่ไม่ควร….

ถ้ำนี้จะแตกต่างจากทุกถ้ำที่ไปมา….เพราะทุกอณูของถ้ำ เหมือนมีชีวิต และเหมือนกำลังจับตามองผู้ที่เข้ามาทุกฝีก้าว…. นี้ไม่มีใครที่กล้าเข้ามาพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งๆที่อยู่ในเขตอุทยาน ขุนน้ำนางนอน

ซึ่งต่างจากถ้ำที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง กลับได้รับการดูแลอย่างดี….. #จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้…ตอนนี้ผ่านมา 24 ชั่วโมงแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปในถ้ำได้ ตอนนี้ได้ทำพิธีเบิกถ้ำ ตามพิธีกรรมโบราณ คิดว่าอีกไม่นาน จะพบผู้ประสบเหตุทุกคนนะครับ

การหายตัวไปอย่างลึกลับของนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชรวม 13 ชีวิต ที่ถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย สร้างความตกใจให้กับคนไทยอย่างมาก และหลายคนก็กำลังเอาใจช่วยให้ทีมผู้ค้นหาเจอพวกเขาในเร็ววัน แต่ทั้ง 13 รายนี้ ไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่หายตัวไปในถ้ำแห่งนี้ เพราะเมื่อปี 2559 ก็เคยเกิดกรณีคนหายในกลุ่มถ้ำเดียวกันนี้มาแล้ว

(18 ส.ค.) พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตระไคร้ ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ กรณีมีผู้แจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวหายไปภายในถ้ำทรายทอง

ซึ่งเป็นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของถ้ำหลายแห่งที่เรียงรายใกล้กัน อยู่ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ ม.9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย ห่างจากถนนพหลโยธินสายแม่สาย-เชียงราย เพียงเล็กน้อย

โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อได้มีชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสินค้าอยู่บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวถ้ำหลวงดังกล่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเที่ยวที่มีรูปพรรณสันฐานเป็นชาวจีนหรือญี่ปุ่น เป็นชายอายุประมาณ 50-60 ปี เดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังปากถ้ำหลวงดังกล่าว

จากนั้นนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้นำจักรยานแบบผู้หญิงสีฟ้าเข้มไปจอดพิงต้นไม้ใกล้กับร้านจำหน่ายอาหารตามสั่งของชาวบ้าน ทำนองว่าต้องการจะฝากจักรยานเอาไว้ เพราะจะเข้าไปท่องเที่ยวภายในถ้ำ

เพราะสามารถใช้ภาษาไทยได้เพียงเล็กน้อยและไม่ชัดเจนนัก สามารถจับใจความได้ว่า จะเข้าไปภายในถ้ำเพื่อนั่งสมาธิราว 2-3 วัน จึงขอฝากจักรยานไว้ด้วย ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็รับปากจะดูให้ ทำให้ชายต่างชาติคนดังกล่าวแบกกระเป๋าเป้ ซึ่งนำไปด้วยเพียงใบเดียวใส่หลังเดินหายไปในถ้ำ กระทั่งผ่านไป 7 วันแล้วก็ไม่ยอมกลับออกมาจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบดังกล่าว

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบที่ปากถ้ำ มีรถจักรยานคันดังกล่าวจอดอยู่จริงและพบขนม น้ำ และผลไม้จำนวนหนึ่ง ซึ่งทราบว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้นำไปเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ บริเวณปากถ้ำก่อนที่จะเดินเข้าถ้ำไป

ส่วนภายในถ้ำพบว่าเป็นถ้ำที่มีลำธารน้ำไหลเชี่ยวออกมาจากตาน้ำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแม้ว่าช่วงแรกของถ้ำจะเป็นลักษณะคล้ายห้องโถงใหญ่ แต่เมื่อเดินลึกเข้าไปก็มีความมืด จนมองเห็นไม่ชัดเจนในช่วงต้นๆ และเมื่อลึกเข้าไปก็มืดสนิท ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เดินสำรวจเข้าไปได้ประมาณ 800 เมตรแล้วไม่พบว่ามีใครใดอยู่เลย

แต่พบเพียงพนังถ้ำช่วงหนึ่งเขียนข้อความเป็น 2 ภาษาคือภาษาจีนเขียนว่า “เห่อยิง” และภาษาอังกฤษอ่านได้ว่า “อาเหว่ย” อยู่ภายในแต่ไม่สามารถระบุชัดได้ว่าเป็นฝีมือของนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวหรือไม่

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้แจ้งหน่วยกู้ภัยให้เดินสำรวจลึกเข้าไปในถ้ำซึ่งทางหน่วยกู้ภัยได้เดินเข้าไปภายในถ้ำลึกประมาณ 2 กิโลเมตรพบว่าน้ำภายในลำธารไหลเชี่ยวในฤดูฝนและผนังน้ำเต็มไปด้วยหยดน้ำรวมทั้งมีความมืดขณะที่ยังไม่พบตัวนักท่องเที่ยวตามที่ได้รับแจ้งแต่อย่างใด

ส่วนกรณีนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทั้ง 13 ชีวิตที่หายไป ได้มีการค้นหาหลังจากทราบเรื่อง ทั้งยังมีหน่วยซีลเข้ามาเสริมปฏิบัติการค้นหาครั้งนี้ แต่ก็ต้องเอาใจช่วยและลุ้นกันต่อไปว่าจะสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากมีอุปสรรคมากมายตั้งแต่ความมืด ความลึกที่มีผลต่ออากาศสำหรับหายใจ และกระแสน้ำ