ครั้งที่เเล้วทางเราได้สอนเทคนิคของการขยายพันธุ์กล้วยไข่ไปแล้วคราวนี้เรามาดูแบบอื่นกันบ้าง
เชื่อได้ว่าชาวเกษตรต้องกำลังต้องการอยู่อย่างแน่นอน
จะเป็นอย่างไรนั้นเราไปชมพร้อมๆกันเลยจ้า
ทำไมต้องกล้วย หอมคาเวนดิช
ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน เกษตรกรกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับการปลูกกล้วย โดยเฉพาะกล้วยหอมคาเวนดิชที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยกล้วยหอมคาเวนดิช เป็นสายพันธุ์ที่มีความสำคัญในตลาดการค้ากล้วยหอมระหว่างประเทศ ทำให้มีการพัฒนาสายพันธุ์หลายชนิด เช่น กล้วยหอมแกรนด์เนนจากอเมริกาใต้
กล้วยหอมวิลเลียมจากอิสลาเอล ทั้งนี้กล้วยหอมคาเวนดิชมีการส่งออกมาถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดโลก สำหรับประเทศไทยการส่งออกกล้วยหอมคาเวนดิชถือว่าน้อยมาก ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งเสริมทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเกษตรกรสนใจปลูกมากที่สุด
ประโยชน์ของกล้วยหอมคาเวนดิช
1. ผลกล้วย ช่วยในการขับถ่าย
2. ผลดิบ ช่วยแก้โรคท้องเสีย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
3 .ผลสุก เป็นอาหารกระตุ้นร่างกายให้ผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุข เป็นยาระบาย
4. เปลือกกล้วย สามารถลดอาการคัน บวมจากการยุงกัดได้
หลักการข้อปฎิบัติในการปลูกกล้วยหอมคาเวนดิช
พื้นที่ปลูกสามารถให้น้ำได้อย่างพอเพียง น้ำไม่ท่วมขัง และสามารถระบายน้ำได้ดี
ต้นพันธุ์ ที่นิยมนำมาปลูกเป็นต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เนื่องจากแข็งแรง ปลอดโรค ให้ผลผลิตที่สม่ำเสมอคุ้มต่อการลงทุน
การปลูกและการดูรักษา
หลุมปลูก ขนาด 303030 รองก้นหลุมด้วย วัสดุปรับปรุงดินอัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น
ระยะปลูก 23 เมตร ปลูกได้ 400 ต้นต่อไร่
การให้น้ำ ในระยะแรกควรให้วันเว้นวัน หลังจากกล้วยสามารถตั้งตัวได้แล้ว จึงเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การใส่ปุ๋ย ในระยะแรกจะใส่วัสดุปรับปรุงดิน และหลังจากการปลูกได้ 1 เดือน จึงใส่ปุ่ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 100 กรัมต่อต้นทุกเดือน หลังจากกล้วยออกปลีแล้ว จะใส่สูตร 8-24-24 อัตรา 500 กรัมต่อต้น โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง หลังจากครั้งแรก 1 เดือน
4. การกำจัดวัชพืช สามารถกำจัดได้หลายวิธี
4.1 วิธีกล ได้แก่ การถอน หรือการถากด้วยจอบ ควรทำการกำจัดก่อนวัชพืชออกดอก
4.2 วิธีเขตกรรม ปลูกพืชแซมที่มีรากตื้น และสามารถใช้ลำต้น เป็นปุ๋ยได้ เช่นพืชตระกูลถั่ว
4.3 ใช้วิธีคลุมดินโดยใบกล้วยหลังการตัดแต่งใบ
5. การตัดแต่งหน่อ หลังจากปลูกกล้วย 3-4 เดือน ให้ตัดหน่อทิ้งจนกว่า กล้วยจะออกปลี เมื่อกล้วยอายุเจ็ดเดือน จึ่งเริ่มไว้หน่อทดแทน โดยหน่อที่ 1 และ 2 ควรมีอายุห่างกัน 4 เดือน
6. การตัดแต่งใบจะเริ่มตัดแต่งใบ ในช่วงกล้วยอายุ 5 เดือน ตัดใบที่แก่และเป็นโรคออกให้เหลือ 5-7 ใบ
7. การตัดปลี ให้ทำการตัดปลีทิ้งหลังจากปลีบานต่อไป จนหวีตีนเต่าอีก 2 ชั้น เพื่อสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว
8. การค้ำกล้วย จะค้ำตอนกล้วยออกปลี เพื่อป้องกันการหักกลางลำต้นหลังจากการตกเครือ ควรค้ำบริเวณเครือหรือใช้ไม้ดามลำต้นให้ตรง
9. การเก็บเกี่ยว หลังจากตัดปลีแล้ว 3-4 เดือน หรือผลแก่เต็มที่ คือลักษณะผลกลมไม่เป็นเหลี่ยม จุกที่ปลายร่วง ถ้าปลูกเศรษฐกิจให้คลุมด้วยถุงพลาสติกขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันใบกล้วยเสียดสีกับผลกล้วย เมื่อมีลมพัดจะช่วยป้องกันแมลงได้ด้วย
สำหรับท่านใดที่สนใจปลูกกล้วยสามารถติดต่อและสอบถามเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการปลูกกล้วยได้ที่
Tel. 093-356-4244, 061-825-0379, 061-646-1915, 091-095-1453 Page Facebook: กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ต้นกล้าพร้อมส่งทั่วประเทศ มีดังนี้
1. กล้วยคาเวนดิส มี 2 สายพันธุ์
– กล้วยหอมแกรนด์ไนน์
– กล้วยหอมทอวิลเลียมส์
2. กล้วยหอมทอง
3. กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50
4. กล้วยไข่เกษตรศาสตร์ 2
ทางเรามีบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ และจัดส่งแบบ Kerry ค่าจัดส่งขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่สั่งเข้ามา
ขอบคุณที่มาจาก : กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ทำไมต้องกล้วย หอมคาเวนดิช
ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน เกษตรกรกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับการปลูกกล้วย โดยเฉพาะกล้วยหอมคาเวนดิชที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยกล้วยหอมคาเวนดิช เป็นสายพันธุ์ที่มีความสำคัญในตลาดการค้ากล้วยหอมระหว่างประเทศ ทำให้มีการพัฒนาสายพันธุ์หลายชนิด เช่น กล้วยหอมแกรนด์เนนจากอเมริกาใต้
กล้วยหอมวิลเลียมจากอิสลาเอล ทั้งนี้กล้วยหอมคาเวนดิชมีการส่งออกมาถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดโลก สำหรับประเทศไทยการส่งออกกล้วยหอมคาเวนดิชถือว่าน้อยมาก ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งเสริมทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเกษตรกรสนใจปลูกมากที่สุด
ประโยชน์ของกล้วยหอมคาเวนดิช
1. ผลกล้วย ช่วยในการขับถ่าย
2. ผลดิบ ช่วยแก้โรคท้องเสีย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
3 .ผลสุก เป็นอาหารกระตุ้นร่างกายให้ผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุข เป็นยาระบาย
4. เปลือกกล้วย สามารถลดอาการคัน บวมจากการยุงกัดได้
หลักการข้อปฎิบัติในการปลูกกล้วยหอมคาเวนดิช
พื้นที่ปลูกสามารถให้น้ำได้อย่างพอเพียง น้ำไม่ท่วมขัง และสามารถระบายน้ำได้ดี
ต้นพันธุ์ ที่นิยมนำมาปลูกเป็นต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เนื่องจากแข็งแรง ปลอดโรค ให้ผลผลิตที่สม่ำเสมอคุ้มต่อการลงทุน
การปลูกและการดูรักษา
หลุมปลูก ขนาด 303030 รองก้นหลุมด้วย วัสดุปรับปรุงดินอัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น
ระยะปลูก 23 เมตร ปลูกได้ 400 ต้นต่อไร่
การให้น้ำ ในระยะแรกควรให้วันเว้นวัน หลังจากกล้วยสามารถตั้งตัวได้แล้ว จึงเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การใส่ปุ๋ย ในระยะแรกจะใส่วัสดุปรับปรุงดิน และหลังจากการปลูกได้ 1 เดือน จึงใส่ปุ่ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 100 กรัมต่อต้นทุกเดือน หลังจากกล้วยออกปลีแล้ว จะใส่สูตร 8-24-24 อัตรา 500 กรัมต่อต้น โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง หลังจากครั้งแรก 1 เดือน
4. การกำจัดวัชพืช สามารถกำจัดได้หลายวิธี
4.1 วิธีกล ได้แก่ การถอน หรือการถากด้วยจอบ ควรทำการกำจัดก่อนวัชพืชออกดอก
4.2 วิธีเขตกรรม ปลูกพืชแซมที่มีรากตื้น และสามารถใช้ลำต้น เป็นปุ๋ยได้ เช่นพืชตระกูลถั่ว
4.3 ใช้วิธีคลุมดินโดยใบกล้วยหลังการตัดแต่งใบ
5. การตัดแต่งหน่อ หลังจากปลูกกล้วย 3-4 เดือน ให้ตัดหน่อทิ้งจนกว่า กล้วยจะออกปลี เมื่อกล้วยอายุเจ็ดเดือน จึ่งเริ่มไว้หน่อทดแทน โดยหน่อที่ 1 และ 2 ควรมีอายุห่างกัน 4 เดือน
6. การตัดแต่งใบจะเริ่มตัดแต่งใบ ในช่วงกล้วยอายุ 5 เดือน ตัดใบที่แก่และเป็นโรคออกให้เหลือ 5-7 ใบ
7. การตัดปลี ให้ทำการตัดปลีทิ้งหลังจากปลีบานต่อไป จนหวีตีนเต่าอีก 2 ชั้น เพื่อสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว
8. การค้ำกล้วย จะค้ำตอนกล้วยออกปลี เพื่อป้องกันการหักกลางลำต้นหลังจากการตกเครือ ควรค้ำบริเวณเครือหรือใช้ไม้ดามลำต้นให้ตรง
9. การเก็บเกี่ยว หลังจากตัดปลีแล้ว 3-4 เดือน หรือผลแก่เต็มที่ คือลักษณะผลกลมไม่เป็นเหลี่ยม จุกที่ปลายร่วง ถ้าปลูกเศรษฐกิจให้คลุมด้วยถุงพลาสติกขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันใบกล้วยเสียดสีกับผลกล้วย เมื่อมีลมพัดจะช่วยป้องกันแมลงได้ด้วย
สำหรับท่านใดที่สนใจปลูกกล้วยสามารถติดต่อและสอบถามเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการปลูกกล้วยได้ที่
Tel. 093-356-4244, 061-825-0379, 061-646-1915, 091-095-1453 Page Facebook: กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ต้นกล้าพร้อมส่งทั่วประเทศ มีดังนี้
1. กล้วยคาเวนดิส มี 2 สายพันธุ์
– กล้วยหอมแกรนด์ไนน์
– กล้วยหอมทอวิลเลียมส์
2. กล้วยหอมทอง
3. กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50
4. กล้วยไข่เกษตรศาสตร์ 2
ทางเรามีบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ และจัดส่งแบบ Kerry ค่าจัดส่งขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่สั่งเข้ามา
ขอบคุณที่มาจาก : กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ