6 ข้อผิดพลาดทางการเงิน ที่คุณมักจะ “เผลอทำ” จนทำให้ไม่เหลือเงินเก็บในบัญชีไปโดยไม่รู้ตัว

คุณเคยไหม? เก็บเงินแทบตายแต่ทำไมยังไม่มีเงินเหลือในบัญชี หลายคนมักจะมีวิธีในการเก็บเงินแตกต่างกันไป แต่ถึงจะเก็บอย่างไรก็ยังไม่มีเงินเก็บ อาจเป็นเพราะหลายเหตุผลแตกต่างกันไป แล้วเหตุผลเหล่านั้นอาจจะมาจากพฤติกรรมบางอย่างที่หลายๆ คนลืมคิดไปหรืออาจเผลอทำบ่อยๆ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นข้อผิดพลาดทางการเงินที่ทำให้ไม่มีเงินเก็บอย่างที่ตั้งใจไว้เสียที วันนี้เรามาสำรวจตัวเองกันดูดีกว่า ว่ามีมีพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่ยังตัดไม่ขาด และทำให้เราเสียเงินเก็บไปโดยไม่รู้ตัว

1. เสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็น

การที่เราพยายามออมเงิน โดยได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.5 – 2.5%  ไม่มีทางเอาชนะดอกเบี้ยบัตรเครดิต อัตรา 15-20% ไปได้เลย ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คือรีบเคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้หมดโดยด่วน รวมถึงไม่สร้างหนี้เพิ่มด้วย ไม่อย่างนั้นออมยังไงก็ไม่มีทางชนะดอกเบี้ยบัตรเครดิตได้แน่นอน



2. ชอปปิ้งบ่อยเกินไป

การช้อปปิ้งของใหม่ๆ ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ถ้าบ่อยเกินไป แน่นอนว่าก็ต้องกระทบกับเงินในกระเป๋าและเงินเก็บอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างรถใหม่ แค่ออกจากศูนย์มา ราคาก็ตกทันทีแล้วค่ะ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะฉะนั้น จงเลือกซื้อในสิ่งที่ใช้ได้นานอย่างคุ้มค่า แล้วคุณจะได้เห็นเงินเก็บอย่างแน่นอน



 3. เป็นพวก “Gadget Addict”

หลายๆ คนเป็นแบบนี้ อุปกรณ์สื่อสารรุ่นไหนมาใหม่  เราต้องใช้คนแรก เราต้องมีก่อน แต่นั่นคือพฤติกรรมที่ทำให้คุณเสียเงินโดยใช่เหตุ ทั้งที่ความจริงหากรอซัก 2 -3 เดือน นอกจากราคาจะลดลงแล้ว ปัญหาต่างๆ จากรุ่นแรก ก็จะถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้วด้วย หรือทางที่ดีหากของเก่ายังใช้ได้อยู่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อของใหม่จริงไหม



4. ยึดติดแบรนด์

สินค้าแบรนด์เนม ถ้ามีไว้ใช้ก็ดูโก้เก๋ดี แต่อย่าลืมว่าเราสามารถซื้อของคุณภาพพอๆ กันได้ วัสดุใกล้เคียงกันในราคาที่ถูกกว่ามาก หากสามารถละทิ้งคำว่าแบรนด์เนมออกไปได้ ยิ่งถ้าไม่ได้มีเหลือกินเหลือใช้สุดๆ ละก็  ของแบรนด์เนม ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเลย



 5. ไม่ได้วางแผนยามเกษียณ

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือการลงทุนในกองทุนต่างๆ นอกจากทำให้คุณมีหลักประกันยามเกษียณแล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดภาษีลงได้อีกด้วย  ดังนั้นเรื่องนี้อย่ามองข้ามโดยเด็ดขาด



 6. ซื้อน้ำกิน

ข้อนี้อาจฟังดูตลก แต่เดี๋ยวนี้ราคาน้ำดื่มบรรจุขวดไม่ได้ถูกแล้วนะ ถ้าเราเปลี่ยนจากการซื้อเป็นขวดๆ ต่อการดื่มน้ำใน 1 วัน เป็นการเติมน้ำจากบ้านหรือออฟฟิศ นอกจากช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว ยังช่วยลดขยะบนโลก จากขวดที่เราทิ้งทุกครั้งเมื่อกินน้ำหมดอีกด้วย




แหล่งที่มา: trueid