วันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับทราบว่ามีหนุ่มดีกรีรัฐศาสตร์
ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรปลูกคะน้าไซต์ยักษ์ รายได้ปีล่ะกว่า 1 ล้านบาท
จึงเดินทางไปพบกับ นายยอดชาย รังสีธนกุล หรือยอด อายุ 35 ปี ชาว ต.มดแดง
อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์
การปกครอง จากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง
หลังจากเรียนจบก็ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรแบบเต็มตัว
เพื่อสืบสานอาชีพของครอบครัวที่ทำนากว่า 50 ไร่ มาหลายสิบปี
แต่ช่วงระยะหลังประสบปัญหาเรื่องน้ำ ศัตรูพืช และราคาข้าวตกต่ำ
เลยคิดลองไปเรียนรู้ศึกษาการทำเกษตรกรในรูปแบบอื่นดูบ้าง
เลยตัดสินใจเลิกทำนา และหันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน
และตั้งใจเรียนรู้อย่างจริงจัง ใช้พื้นที่กว่า 50 ไร่ ปลูกคะน้าเป็นหลัก
ส่วนรอบๆ ก็ปลูกผักชีและพริกเสริมรายได้อีกทาง โดยลองผิดลองถูกมานับไม่ถ้วน
นายยอดชาย เปิดเผยว่า หลังเรียนจบมาแม่ก็ขอให้มาช่วยกิจการของครอบครัว โดยเริ่มต้นจากการมาเป็นชาวนาก่อน แต่ตอนนั้นราคาข้าวก็ตกต่ำ และทำได้เพียงปีละ 2 ครั้ง อีกทั้งยังประสบปัญหาเรื่องน้ำอีก ตนจึงคิดว่าน่าจะลองหันไปปลูกผักชนิดอื่นดูบ้างที่ให้ราคาดี และลงทุนไม่มาก จึงได้ไปศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองจากตำราและดูงานจากเกษตรกรที่อื่นบ้าง จึงพบว่าการปลูกคะน้า ก็มีรายได้ดี จึงหันมาปลูกคะน้าในเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ทำมากว่า 3 ปีแล้ว โดยปีหนึ่งทำได้ 5-6 ครั้ง ครั้งหนึ่งก็ได้กำไรหลักแสน รวมปีหนึ่งมีกำไรถึงหลักล้านบาท ซึ่งตนก็คิดว่าการปลูกกคะน้า จึงนับว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้ายรายได้ให้กับครอบครัวได้ดี จึงหันมาสนใจและเรียนรู้กับมันอย่างเต็มที่ ด้วยการทดลองและหาเทคนิคมาปลูกให้มีคุณภาพ และลดการใช้สารเคมี ให้น้อยที่สุด
“หลังจากที่ผมได้ลองผิดลองถูกมาสักระยะ จึงพบว่าการปลูกคะน้าสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จึงตั้งหน้าตั้งหน้าทำอย่างจริงจัง ซึ่งการปลูกคะน้านั้นก็ต้องดูแลอย่างพิเศษ นอกจากรดน้ำ ใส่ปุ๋ยหมัก พรวนดิน ตามสูตรที่ตัวเองใช้ ยังต้องมีเทคนิคพิเศษในการดูแล ด้วยการเอาใจใส่ ไม่ละเลย ตลอดระยะเวลาการเติบโต ตั้งแต่ขั้นตอนการหว่านเมล็ดพันธุ์ จนเริ่มโตตามระยะ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 45-55 วัน จึงสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งผมก็จะมาดูแลด้วยตัวเองพร้อมคนงานในไร่ ส่วนคะน้าไร่ของผมนั้นก็จะมีความแข็งแรง ตัดขายได้ราคาดี มีลำต้นใหญ่ โดยไร่คะน้าของผมก็มีหลายขนาด หลายไซด์ แล้วแต่พ่อค้าที่มารับซื้อจะชอบขนาดแบบไหน” นายยอดชาย กล่าว
นายยอดชาย กล่าวต่อว่า แต่ที่ขายดีที่สุดโดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงไร่ จนปลุกแทบไม่ทัน คือคะน้าไซต์ยักษ์ ซึ่งเป็นคะน้าที่ตนดูแลอย่างดี จนมีขนาดต้นใหญ่มหึมา ความยาวเกือบประมาณ 2 ฟุต น้ำหนักต่อต้น ก็ประมาณ 6-7 ขีด เห็นจะได้ ซึ่งที่ผ่านมา ก็สร้างความฮือฮาให้กับลูกค้าที่มาซื้อที่ไร่ เพราะชอบเรียกกันว่า คะน้ายักษ์ ซึ่งผักคะน้าที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ พ่อค้าที่ซื้อไปก็มีหลากหลาย บางคนก็ชอบต้นเล็ก ต้นกลาง และต้นใหญ่ แต่ต้นใหญ่ก็ขายดีมาก พ่อค้าที่มารับซื้อบอกว่าคะน้าต้นใหญ่ก็จะซื้อไปขายส่งตามร้านอาหาร ร้านข้าวต้ม ที่มีออร์เดอร์ไว้ แล้วนำไปทำเมนู คะน้าผัดน้ำมันหอย ซึ่งคะน้าจะมีรสชาติอร่อย หวานกรอบ และ ราคาถูก ไม่แพง เป็นคะน้าผักสดๆ ตัดมากจากไร่
นายยอดชาย กล่าวต่ออีกว่า มีอีก 10 ไร่ที่เหลือเวลาอีก 10 วัน จะตัดคะน้ายักษ์แล้ว ตอนนี้ก็มีบรรดาชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเตรียมตั้งหน้าตั้งตารอดูและจะขอถ่ายรูปเซลฟี่กับคะน้ายักษ์กันยกใหญ่ เพราะที่ผ่านมา ตนเคยถ่ายลงเฟซบุ๊กส่วนตัว จนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ตนเคยผิดหวังและท้อแท้ชีวิต ในอาชีพเกษตรกรมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ เพราะคิดว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่น อย่าขายแค่ความฝัน เราต้องเดินหน้าสานฝันให้เป็นจริงด้วย ขอแค่มีแรงใจลุกขึ้นมาต่อสู้เท่านั้น อาชีพเกษตรกรจึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ตัวเองตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด และหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมั่นคงต่อไป
ที่มา ข่าวสด
นายยอดชาย เปิดเผยว่า หลังเรียนจบมาแม่ก็ขอให้มาช่วยกิจการของครอบครัว โดยเริ่มต้นจากการมาเป็นชาวนาก่อน แต่ตอนนั้นราคาข้าวก็ตกต่ำ และทำได้เพียงปีละ 2 ครั้ง อีกทั้งยังประสบปัญหาเรื่องน้ำอีก ตนจึงคิดว่าน่าจะลองหันไปปลูกผักชนิดอื่นดูบ้างที่ให้ราคาดี และลงทุนไม่มาก จึงได้ไปศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองจากตำราและดูงานจากเกษตรกรที่อื่นบ้าง จึงพบว่าการปลูกคะน้า ก็มีรายได้ดี จึงหันมาปลูกคะน้าในเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ทำมากว่า 3 ปีแล้ว โดยปีหนึ่งทำได้ 5-6 ครั้ง ครั้งหนึ่งก็ได้กำไรหลักแสน รวมปีหนึ่งมีกำไรถึงหลักล้านบาท ซึ่งตนก็คิดว่าการปลูกกคะน้า จึงนับว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้ายรายได้ให้กับครอบครัวได้ดี จึงหันมาสนใจและเรียนรู้กับมันอย่างเต็มที่ ด้วยการทดลองและหาเทคนิคมาปลูกให้มีคุณภาพ และลดการใช้สารเคมี ให้น้อยที่สุด
“หลังจากที่ผมได้ลองผิดลองถูกมาสักระยะ จึงพบว่าการปลูกคะน้าสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จึงตั้งหน้าตั้งหน้าทำอย่างจริงจัง ซึ่งการปลูกคะน้านั้นก็ต้องดูแลอย่างพิเศษ นอกจากรดน้ำ ใส่ปุ๋ยหมัก พรวนดิน ตามสูตรที่ตัวเองใช้ ยังต้องมีเทคนิคพิเศษในการดูแล ด้วยการเอาใจใส่ ไม่ละเลย ตลอดระยะเวลาการเติบโต ตั้งแต่ขั้นตอนการหว่านเมล็ดพันธุ์ จนเริ่มโตตามระยะ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 45-55 วัน จึงสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งผมก็จะมาดูแลด้วยตัวเองพร้อมคนงานในไร่ ส่วนคะน้าไร่ของผมนั้นก็จะมีความแข็งแรง ตัดขายได้ราคาดี มีลำต้นใหญ่ โดยไร่คะน้าของผมก็มีหลายขนาด หลายไซด์ แล้วแต่พ่อค้าที่มารับซื้อจะชอบขนาดแบบไหน” นายยอดชาย กล่าว
นายยอดชาย กล่าวต่อว่า แต่ที่ขายดีที่สุดโดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงไร่ จนปลุกแทบไม่ทัน คือคะน้าไซต์ยักษ์ ซึ่งเป็นคะน้าที่ตนดูแลอย่างดี จนมีขนาดต้นใหญ่มหึมา ความยาวเกือบประมาณ 2 ฟุต น้ำหนักต่อต้น ก็ประมาณ 6-7 ขีด เห็นจะได้ ซึ่งที่ผ่านมา ก็สร้างความฮือฮาให้กับลูกค้าที่มาซื้อที่ไร่ เพราะชอบเรียกกันว่า คะน้ายักษ์ ซึ่งผักคะน้าที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ พ่อค้าที่ซื้อไปก็มีหลากหลาย บางคนก็ชอบต้นเล็ก ต้นกลาง และต้นใหญ่ แต่ต้นใหญ่ก็ขายดีมาก พ่อค้าที่มารับซื้อบอกว่าคะน้าต้นใหญ่ก็จะซื้อไปขายส่งตามร้านอาหาร ร้านข้าวต้ม ที่มีออร์เดอร์ไว้ แล้วนำไปทำเมนู คะน้าผัดน้ำมันหอย ซึ่งคะน้าจะมีรสชาติอร่อย หวานกรอบ และ ราคาถูก ไม่แพง เป็นคะน้าผักสดๆ ตัดมากจากไร่
นายยอดชาย กล่าวต่ออีกว่า มีอีก 10 ไร่ที่เหลือเวลาอีก 10 วัน จะตัดคะน้ายักษ์แล้ว ตอนนี้ก็มีบรรดาชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเตรียมตั้งหน้าตั้งตารอดูและจะขอถ่ายรูปเซลฟี่กับคะน้ายักษ์กันยกใหญ่ เพราะที่ผ่านมา ตนเคยถ่ายลงเฟซบุ๊กส่วนตัว จนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ตนเคยผิดหวังและท้อแท้ชีวิต ในอาชีพเกษตรกรมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ เพราะคิดว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่น อย่าขายแค่ความฝัน เราต้องเดินหน้าสานฝันให้เป็นจริงด้วย ขอแค่มีแรงใจลุกขึ้นมาต่อสู้เท่านั้น อาชีพเกษตรกรจึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ตัวเองตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด และหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมั่นคงต่อไป
ที่มา ข่าวสด