รวมสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยา
ราชธานีเก่าของไทย เมืองมรดกโลก
มากมายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและทรงคุณค่า เที่ยวได้สบาย ๆ
ในวันเดียว
อยุธยา ราชธานีกรุงเก่าเมื่อครั้งอดีตของไทย ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากว่า 417 ปี แม้ว่าจะถูกทำลายจากภัยสงคราม แต่ก็ยังคงเหลือโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของยุคสมัย จนในปี 2534 องค์กรยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้เป็นเมืองมรดกโลก และนั่นยิ่งทำให้อยุธยากลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลางทางท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวชายไทยและต่างชาติ
และช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสการเที่ยวอยุธยากำลังกลับมาอินเทรนด์อีกครั้ง อาจเป็นเพราะด้วยกระแสของละคร "บุพเพสันนิวาส" ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อย อยากจะลองเที่ยวตามรอยละครดูบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้ว นอกเหนือจากโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญแล้ว อยุธยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั้งตลาดน้ำ พิพิธภัณฑ์ และที่เที่ยวเชิงธรรมชาติสวย ๆ เหมาะสำหรับเป็นโปรแกรมเที่ยววันหยุดอีกเพียบ วันนี้เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยามาฝาก บอกเลยว่าเที่ยวได้แบบไม่มีเบื่อ
1. วัดพนัญเชิงวรวิหาร
ภาพจาก Virojt Changyencham / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสัก วัดเก่าแก่และมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในอยุธยา เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" หรือ "เจ้าพ่อซำปอกง" อันเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ" ซึ่งมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค และ "ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก" ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก อนุสรณ์ความรักอันน่าเศร้าของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ของไทย และพระนางสร้อยดอกหมาก จากแผ่นดินจีน
2. วัดพุทไธศวรรย์
3. วัดไชยวัฒนาราม
4. วัดพระศรีสรรเพชญ์
5. วัดนิเวศธรรมประวัติ
6. วัดมหาธาตุ
7. วัดมงคลบพิตร
8. วัดพระงาม
9. ปราสาทนครหลวง
10. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเจ้าสามพระยา
ภาพจาก thanat sasipatanapa / Shutterstock.com
11. ไร่สตรอว์เบอร์รีเอพี
ไร่สตรอว์เบอร์รีเปิดใหม่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบัวหลวง ล้อมรอบด้วยบรรยากาศและธรรมชาติที่แสนสดชื่น สวยงามด้วยดอกไม้สีสันต่าง ๆ และที่สำคัญมีมุมถ่ายภาพต่าง ๆ อยู่รอบไร่ คราวนี้คุณจะได้เที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ พลาดไม่ได้กับการเก็บผลสตรอว์เบอร์รีแสนหวาน สามารถเด็ดกินได้ฟรี นอกจากนี้ยังของฝากให้เลือกซื้อมากมาย คราวนี้ก็ไม่ต้องเดินทางขึ้นไปเที่ยวเหนือ ก็มีสตรอว์เบอร์รีหวาน ๆ ให้ได้กินแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ไร่สตอเบอรี่เอพี อยุธยา
12. ฟาร์มเมลอน Papa’SAM
ฟาร์มเมลอนน่าเที่ยวของอยุธยา ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร ที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้เข้าเที่ยวชมสวนเมล่อน เยี่ยมชมโรงเรือนเพาะปลูก และยังได้ชิมเมลอนหลากหลายสายพันธุ์อร่อย ๆ อีกด้วย ซึ่งเมลอนแต่ละลูกเนื้อหอม หวาน และฉ่ำ ด้วยเพราะการดูและและใส่ใจในทุกขั้นตอนการปลูก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้บริโภคผลผลิตคุณภาพเยี่ยมและมีคุณภาพจากฟาร์มเมล่อน Papa’SAM นั่นเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก
ฟาร์มเมล่อน Papa'SAM บางไทร โทรศัพท์ 091 784 2345
13. ตลาดกรุงศรี
ตั้งอยู่บริเวณถนนเลี่ยงเมืองด้านข้างศาลากลางจังหวัดหลังเก่า เพลิดเพลินกับการเดินช้อปตลาดโบราณ ท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีการจำลองสถานที่และตกแต่งร้านค้าแนวย้อนยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อค้า แม่ค้า จะแต่งกายด้วยชุดไทยโบราณ จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน เช่น อาหารไทย ขนมไทย และผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP นอกจากนี้ยังมีส่วนของการจัดพื้นที่ลานวัฒนธรรม และมุมให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพที่ระลึกอีกด้วย เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น. หรือเฟซบุ๊ก ตลาดกรุงศรี และโทรศัพท์ 086 322 0289
14. หมู่บ้านญี่ปุ่น
ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเรียน อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา โดนในช่วงราวศตวรรษที่ 16 โดยพระเจ้าแผ่นดินไทยได้มีพระบรมราชานุญาต ให้ชาวญี่ปุ่นมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ชาวญี่ปุ่นจึงเข้าอาศัยอยู่ในอยุธยาเพิ่มมากขึ้นถึง 1,000-1,500 คน หัวหน้าชาวญี่ปุ่นในขณะนั้นคือ นากามาซา ยามาดา เป็นผู้มีอำนาจและเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จนได้รับแต่งตั้งเป็นออกญาเสนาภิมุขรับราชการต่อมาจนได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจนสิ้นชีวิต และปัจจุบันหมู่บ้านญี่ปุ่นได้รับความร่วมมือจากสมาคมไทย-ญี่ปุ่น ในการช่วยดูแลรักษาเป็นอย่างดี เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. หรือโทรศัพท์ 035 244 340
15. บ้านฮอลันดา
ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา เดิมพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นหมู่บ้านของชาวฮอลันดา ปัจจุบันได้ตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศเนเธอร์แลนด์ บอกเล่าความเป็นมาเมื่อครั้งอดีตของการเข้ามาตั้งถิ่นฐานการทำการค้า และวิถีความเป็นอยู่ของชาวฮอลันดาในประเทศไทย โดยในส่วนชั้นล่างของอาคาร ยังมีคาเฟ่สไตล์ดัตช์ ไว้เป็นพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย และยังชมวิวริมแม่น้ำสวย ๆ อีกด้วย เปิดให้บริการทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรศัพท์ 035 245 683
16. ตลาดโก้งโค้ง (บ้านแสงโสม)
ตั้งอยู่บริเวณถนนบางปะอิน-วัดพนัญเชิง (ติดวัดบ้านเลน) ฟินไปกับกลิ่นอายบรรยากาศตลาดสมัยโบราณ แบบสมัยกรุงศรีอยุธยา มากมายด้วยการจำหน่ายพืช ผัก แลผลไม้ รวมทั้งอาหารคาว หวาน นานาชนิด พ่อค้า แม่ค้าแต่งกายย้อนยุค นอกจากนี้ในช่วงเช้าก่อนเปิดตลาด พ่อค้า แม่ค้า จะมีพิธีรำวงถวายพ่อปู่โสม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณตลาดแห่งนี้ รวมถึงเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายก็แต่งกายชุดย้อนยุครอให้ลูกค้าได้ยลโฉมเช่นกัน เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. หรือเฟซบุ๊ก ตลาดโก้งโค้ง โทรศัพท์ 089 107 8443
17. พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด
18. วังช้างอยุธยา แล เพนียด
19. พระราชวังบางปะอิน
20. พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น (เกริก ยุ้นพันธ์)
ภาพจาก NikomMaelao Production / Shutterstock.com
21. ตลาดน้ำทุ่งบัวชม
ตั้งอยู่บริเวณถนนวังน้อย-สระบุรี ที่นี่ได้รวมสินค้าที่เป็นของดีสี่ภาคของขึ้นชื่อ รวมไปถึงของฝากจากอยุธยาหลากหลายรายการมาให้เลือกช้อปและชิมกันไปอั้น ทั้งยังยังมีสินค้าสไตล์เก่า ๆ ดีไซน์เก๋ ๆ รวมถึงงานแฮนด์เมดเจ๋ง ๆ เช่น ปลาตะเพียนใบลาน ตุ๊กตาชาววัง งอบ บ้านเรือนไทยจำลอง มีดอรัญญิก หม้อดินเผา และหินแกะสลัก เป็นต้น รวมถึงยังมีสวนน้ำทุ่งบัวชม เอาไว้ให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้เล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนานอีกด้วยค่ะ เปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น. หรือเฟซบุ๊ก ตลาดน้ำทุ่งบัวชม พหลโยธิน กม.78 วังน้อย-สระบุรี โทรศัพท์ 035 723 127
22. ตลาดอโยเดีย (ตลาดนานาชาติ)
เป็นตลาดที่อยู่ก่อนถึงทางเข้าตลาดน้ำอโยธยา โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์วินเทจ มากมายด้วยสีสันความสดใส และดึงเอาสถาปัตยกรรมจากหลากหลายประเทศมาไว้รวมกัน ละลานตาด้วยโซนช้อปปิ้งเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารเครื่องดื่มต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถแวะสักการะรูปปั้นพระพิฆเนศองค์ใหญ่ และยังมีบันไดขึ้นไปดูวิวเจดีย์ช้างล้อมจากมุมชั้นสองอีกด้วย เหมาะกับการพาเด็กๆ มาถ่ายรูปเล่น หรือจะมาเป็นครอบครัวก็ได้
23. ตลาดน้ำอโยธยา
ภาพจาก Jamesboy Nuchaikong / Shutterstock.com
ภาพจาก itman__47 / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ที่ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา หนึ่งในที่เที่ยวตลาดน้ำที่เป็นที่รู้จักกันดีของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของคนในสมัยก่อน และเพลิดเพลินไปกับการเลือกซื้อสินค้ามากมาย พลาดไม่ได้กับของกินอร่อย ๆ ทั้งคาวและหวาน เช่น ไก่ย่าง, ส้มตำ, ขนมจีน, ก๋วยเตี๋ยว, ห่อหมก, อาหารทะเล, หมูสะเต๊ะนมสด, หมูย่าง, โรตีสายไหม และทับทิมกรอบ เป็นต้น มีทั้งร้านค้าที่อยู่บนเรือและท่าน้ำ สะดวกแบบไหน ก็เลือกนั่งทานกันได้เลยชิล ๆ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 035 881 733
24. ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
25. โบสถ์เซนต์ยอเซฟ
26. ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ
ตั้งอยู่ที่ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแก่ประชาชนทั่วไป โดยนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมทำกิจกรรมตามฐานต่าง ๆ เช่น ฐานกิจกรรมปักดำนา, ฐานกิจกรรมเลี้ยงแพะและแกะ, ฐานกิจกรรมปลาตะเพียนสาน, ฐานกิจกรรมไก่ไข่, ฐานกิจกรรมอาหารบ้านของพ่ และฐานกิจกรรมบ้านนของพ่อบ้านของฉัน เป็นต้น ใครอยากเรียนรู้และเข้าใจถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ หรือเฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ หรือโทรศัพท์ 064 932 1838
27. คุ้มขุนแผน
ตั้งอยู่ที่ถนนป่าโทน ใกล้กับวัดมงคลบพิตร สร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์บ้านของขุนนางในสมัยก่อนไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา มีลักษณะเป็นหมู่บ้านเรือนไทยหมู่แบบโบราณ มีหลังคาจั่วยอดแหลม ตัวคุ้มประกอบด้วยเรือนหลายหลัง เรียกว่า "หอ" โดยมีหอกลางเป็นประธานอยู่ตรงกลาง โอบด้วยหอนั่งหรือหอหน้า คือ เรือนเล็กที่อยู่ด้านหน้า ต่อมา คือ หอซ้าย อยู่ทางทิศเหนือ หอขวา อยู่ทางทิศใต้ และหอใหญ่ อยู่ด้านทิศตะวันตก นับเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบบ้านไทยโบราณที่ทรงคุณค่าและหาดูได้อยากยิ่ง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-16.30 น.
อย่างที่บอกไว้แล้วตั้งแต่ต้น อยุธยามีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมายจริง ๆ ค่ะ และแต่ละสถานที่ยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่แตกต่างกัน เหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ทุกครั้งเมื่อมาเยือนอยุธยา ใครมีเวลาว่างวันหยุดสั้น ๆ แวะมาเที่ยวอยุธยากันนะคะ ^ ^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก Tat Ayutthaya, เฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ , เฟซบุ๊ก ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำทุ่งบัวชม พหลโยธิน กม.78 วังน้อย-สระบุรี, เฟซบุ๊ก วังช้างอยุธยา แล เพนียด Ayutthaya Elephant Palace & Royal Kraal, เว็บไซต์ changdee.com, เฟซบุ๊ก อุทยานหลวงปู่ทวด อยุธยา, เฟซบุ๊ก ตลาดโก้งโค้ง , เฟซบุ๊ก ตลาดกรุงศรี , เฟซบุ๊ก ฟาร์มเมล่อน Papa'SAM บางไทร, เฟซบุ๊ก ไร่สตอเบอรี่เอพี อยุธยา
อยุธยา ราชธานีกรุงเก่าเมื่อครั้งอดีตของไทย ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากว่า 417 ปี แม้ว่าจะถูกทำลายจากภัยสงคราม แต่ก็ยังคงเหลือโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของยุคสมัย จนในปี 2534 องค์กรยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้เป็นเมืองมรดกโลก และนั่นยิ่งทำให้อยุธยากลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลางทางท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวชายไทยและต่างชาติ
และช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสการเที่ยวอยุธยากำลังกลับมาอินเทรนด์อีกครั้ง อาจเป็นเพราะด้วยกระแสของละคร "บุพเพสันนิวาส" ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อย อยากจะลองเที่ยวตามรอยละครดูบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้ว นอกเหนือจากโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญแล้ว อยุธยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั้งตลาดน้ำ พิพิธภัณฑ์ และที่เที่ยวเชิงธรรมชาติสวย ๆ เหมาะสำหรับเป็นโปรแกรมเที่ยววันหยุดอีกเพียบ วันนี้เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยามาฝาก บอกเลยว่าเที่ยวได้แบบไม่มีเบื่อ
ภาพจาก Virojt Changyencham / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสัก วัดเก่าแก่และมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในอยุธยา เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" หรือ "เจ้าพ่อซำปอกง" อันเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ" ซึ่งมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค และ "ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก" ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก อนุสรณ์ความรักอันน่าเศร้าของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ของไทย และพระนางสร้อยดอกหมาก จากแผ่นดินจีน
2. วัดพุทไธศวรรย์
ตั้งอยู่ในเขตตำบลสำเภาล่ม
อำเภอพระนครศรีอยุธยา หนึ่งในวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
ภายในเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อดำ" พระประธานในประอุโบสถ
งดงามด้วยศิลปะแบบอู่ทอง เป็นที่เล่าขานในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์
ในการดลบันดาลให้หายจากการเจ็บป่วย
หรือใครที่อยากมีบุตรก็สามารถขอได้สมความปรารถนา นอกจากนี้ยังมี
"องค์ปรางค์ประธาน" ภายในประดิษฐานพระเจดีย์องค์เล็ก ๆ และรอยพระพุทธบาท
ให้กราบสักการะ, "ตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์"
เชื่อกันว่าเป็นที่ประทับของพระพุทธโฆษาจารย์
พระเถระชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระเพทราชา รวมถึงยังมี
"วิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ" ที่มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้บูชาอย่างต่อเนื่อง
3. วัดไชยวัฒนาราม
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านป้อม
อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
โปรดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2173 เดิมพื้นที่วัดไชยวัฒนาราม
เป็นที่อยู่ที่สุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ของพระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในช่วงที่ยังไม่เสวยราชสมบัติ
เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แล้ว
จึงได้โปรดให้สร้างวัดไชยวัฒนารามนี้ขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่พระราชมารดา
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ "พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ"
เป็นปรางค์ประธานของวัด, "พระระเบียง"
ภายในพระระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย และ "พระอุโบสถ"
ภายในมีซากพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย เป็นต้น
4. วัดพระศรีสรรเพชญ์
ตั้งอยู่บนถนนศรีสรรเพชญ์
อำเภอพระนครศรีอยุธยา เดิมบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์
เป็นที่ประทับของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
แต่ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ย้ายพระราชวังไปทางเหนือ
และอุทิศที่ดินเดิมนี้เพื่อสร้างวัดภายในพระราชวัง
เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ แต่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
งดงามด้วยศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า อย่าง "เจดีย์" สำคัญทั้ง 3 องค์
ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
และยังมีวิหาร, หอระฆัง และพระอุโบสถ เป็นต้น
ซึ่งล้วนแต่มีความเก่าแก่และสวยงามอย่างยิ่ง
5. วัดนิเวศธรรมประวัติ
ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา
ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน เป็นวัดเพียงแห่งเดียวในไทย
ที่ภายในเป็นวัดพุทธ แต่สถาปัตยกรรมเป็นแบบคริสต์
จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่ความงดงามของพระอุโบสถแบบโกธิค
ประดับด้วยกระสีต่าง ๆ สวยงาม ภายในประดิษฐาน "พระพุทธนฤมลธรรโมภาส"
และพระสาวก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังเที่ยวชมพระตำหนักฯ
สมเด็จพกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, สุสานสวนหินดิศกุลอนุสรณ์
และนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าวัด ซึ่งเป็นวิธีการสัญจรเดียว
เนื่องจากวัดนิเวศธรรมประวัติตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำนั่นเอง
6. วัดมหาธาตุ
อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา
เป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร ความน่าสนใจของวัดมหาธาตุ
ได้แก่ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ตั้งอยู่ในรากโพธิ์
และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของวัด, เจดีย์แปดเหลี่ยม, วิหารเล็ก,
พระปรางค์ประธาน, จิตรกรรมฝาผนัง, วิหารหลวง และพระอุโบสถ เป็นต้น
วัดมหาธาตุ
จึงเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญที่รวมไว้ซึ่งศิลปะและสถาปัตยกรรมหลากยุคหลายสมัย
ควรค่าแก่การเข้าเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
7. วัดมงคลบพิตร
ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย
อำเภอพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งวัดสำคัญของจังหวัดอยุธยา
ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อมงคลบพิตร" พระพุทธรูปบุสำริดปางมารวิชัย
มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง อันสะท้อนภูมิปัญญาในศาสตร์แห่งโลหะ
และความชำนิชำนาญของช่างฝีมือไทย
โดยเฉพาะงานหล่อสำริดโลหะสำคัญในสมัยอยุธยา
นอกจากนี้ด้านหน้าบริเวณวัดยังมีการจำหน่ายของพื้นเมือง อาหารคาวหวาน ผลไม้
ขนม โรตีสายไหม เครื่องจักสาน
และของดีเมืองอยุธยาหลากหลายชนิดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมอีกด้วย
8. วัดพระงาม
ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยาทางด้านทิศเหนือ
หนึ่งในวัดเก่าแก่ของอยุธยาที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า
มีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นประธานของวัด โดยไฮไลท์สำคัญของวัดนั่นคือ
"ประตูแห่งกาลเวลา" มีลักษณะเป็นซุ้มประตูก่อด้วยก้อนอิฐมอญ
และมีต้นโพธิ์ใหญ่โอบล้อมทั่วทั้งซุ้มประตู ทั้งงดงามและแปลกใหม่
อีกทั้งยังเป็นมุมถ่ายภาพไฮไลท์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย
จนกลายเป็นอีกหนึ่งความอันซีนของอยุธยา
ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อย ๆ
9. ปราสาทนครหลวง
ตั้งอยู่ที่ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง
ปูชีนยสถานสำคัญคู่เมืองอยุธยา งดงามด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างไทยและขอม
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
สิ่งที่น่าสนใจของปราสาทนครหลวง ได้แก่ "ปรางค์" มีทั้งหมด 30 องค์
รูปทรงคล้ายปรางค์ขอม แต่ก่อด้วยอิฐ ไม่ใช่ศิลาแลง, "ระเบียงคด"
ปัจจุบันเหลือแต่ผนังของระเบียงคด, "พระพุทธบาทสี่รอย"
มีลักษณะเป็นพระพุทธบาทซ้อนกันสี่รอย ลึกลงไปในเนื้อหิน และ
"ตำหนักนครหลวง" มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอาคารจัตุรมุข พระปลัด (ปลื้ม)
หรือพระครูวิหาร-กิจจานุการได้นำพระจันทร์ลอยจากวัดเทพจันทร์ลอย
ตำบลพระจันทร์-ลอย อำเภอนครหลวง
ซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทนครหลวงมาประดิษฐานไว้ เป็นต้น
10. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเจ้าสามพระยา
ภาพจาก thanat sasipatanapa / Shutterstock.com
ตั้งอยู่บนถนนโรจนะ ตำบลประตูชัย
อำเภอพระนครศรีอยุธยา ประกอบทั้งหมด 3 อาคาร คือหมู่อาคารเรือนไทย,
อาคารศิลปะในประเทศไทย และอาคารเจ้าสามพระยา
แต่ละอาคารจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้คนในอดีต
ศิลปวัตถุสำคัญมากมายจากสมัยอยุธยา
เป็นพิพิธภัณฑ์อันมั่งคั่งด้วยสมบัติล้ำค่า
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ของอาณาจักรอยุธยา ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม
ศาสนา และสังคม (เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00
น. หรือโทรศัพท์ 035 241 587)
11. ไร่สตรอว์เบอร์รีเอพี
ไร่สตรอว์เบอร์รีเปิดใหม่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบัวหลวง ล้อมรอบด้วยบรรยากาศและธรรมชาติที่แสนสดชื่น สวยงามด้วยดอกไม้สีสันต่าง ๆ และที่สำคัญมีมุมถ่ายภาพต่าง ๆ อยู่รอบไร่ คราวนี้คุณจะได้เที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ พลาดไม่ได้กับการเก็บผลสตรอว์เบอร์รีแสนหวาน สามารถเด็ดกินได้ฟรี นอกจากนี้ยังของฝากให้เลือกซื้อมากมาย คราวนี้ก็ไม่ต้องเดินทางขึ้นไปเที่ยวเหนือ ก็มีสตรอว์เบอร์รีหวาน ๆ ให้ได้กินแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ไร่สตอเบอรี่เอพี อยุธยา
12. ฟาร์มเมลอน Papa’SAM
ฟาร์มเมลอนน่าเที่ยวของอยุธยา ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร ที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้เข้าเที่ยวชมสวนเมล่อน เยี่ยมชมโรงเรือนเพาะปลูก และยังได้ชิมเมลอนหลากหลายสายพันธุ์อร่อย ๆ อีกด้วย ซึ่งเมลอนแต่ละลูกเนื้อหอม หวาน และฉ่ำ ด้วยเพราะการดูและและใส่ใจในทุกขั้นตอนการปลูก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้บริโภคผลผลิตคุณภาพเยี่ยมและมีคุณภาพจากฟาร์มเมล่อน Papa’SAM นั่นเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก
ฟาร์มเมล่อน Papa'SAM บางไทร โทรศัพท์ 091 784 2345
13. ตลาดกรุงศรี
ตั้งอยู่บริเวณถนนเลี่ยงเมืองด้านข้างศาลากลางจังหวัดหลังเก่า เพลิดเพลินกับการเดินช้อปตลาดโบราณ ท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีการจำลองสถานที่และตกแต่งร้านค้าแนวย้อนยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อค้า แม่ค้า จะแต่งกายด้วยชุดไทยโบราณ จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน เช่น อาหารไทย ขนมไทย และผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP นอกจากนี้ยังมีส่วนของการจัดพื้นที่ลานวัฒนธรรม และมุมให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพที่ระลึกอีกด้วย เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น. หรือเฟซบุ๊ก ตลาดกรุงศรี และโทรศัพท์ 086 322 0289
14. หมู่บ้านญี่ปุ่น
ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเรียน อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา โดนในช่วงราวศตวรรษที่ 16 โดยพระเจ้าแผ่นดินไทยได้มีพระบรมราชานุญาต ให้ชาวญี่ปุ่นมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ชาวญี่ปุ่นจึงเข้าอาศัยอยู่ในอยุธยาเพิ่มมากขึ้นถึง 1,000-1,500 คน หัวหน้าชาวญี่ปุ่นในขณะนั้นคือ นากามาซา ยามาดา เป็นผู้มีอำนาจและเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จนได้รับแต่งตั้งเป็นออกญาเสนาภิมุขรับราชการต่อมาจนได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจนสิ้นชีวิต และปัจจุบันหมู่บ้านญี่ปุ่นได้รับความร่วมมือจากสมาคมไทย-ญี่ปุ่น ในการช่วยดูแลรักษาเป็นอย่างดี เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. หรือโทรศัพท์ 035 244 340
15. บ้านฮอลันดา
ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา เดิมพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นหมู่บ้านของชาวฮอลันดา ปัจจุบันได้ตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศเนเธอร์แลนด์ บอกเล่าความเป็นมาเมื่อครั้งอดีตของการเข้ามาตั้งถิ่นฐานการทำการค้า และวิถีความเป็นอยู่ของชาวฮอลันดาในประเทศไทย โดยในส่วนชั้นล่างของอาคาร ยังมีคาเฟ่สไตล์ดัตช์ ไว้เป็นพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย และยังชมวิวริมแม่น้ำสวย ๆ อีกด้วย เปิดให้บริการทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรศัพท์ 035 245 683
16. ตลาดโก้งโค้ง (บ้านแสงโสม)
ตั้งอยู่บริเวณถนนบางปะอิน-วัดพนัญเชิง (ติดวัดบ้านเลน) ฟินไปกับกลิ่นอายบรรยากาศตลาดสมัยโบราณ แบบสมัยกรุงศรีอยุธยา มากมายด้วยการจำหน่ายพืช ผัก แลผลไม้ รวมทั้งอาหารคาว หวาน นานาชนิด พ่อค้า แม่ค้าแต่งกายย้อนยุค นอกจากนี้ในช่วงเช้าก่อนเปิดตลาด พ่อค้า แม่ค้า จะมีพิธีรำวงถวายพ่อปู่โสม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณตลาดแห่งนี้ รวมถึงเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายก็แต่งกายชุดย้อนยุครอให้ลูกค้าได้ยลโฉมเช่นกัน เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. หรือเฟซบุ๊ก ตลาดโก้งโค้ง โทรศัพท์ 089 107 8443
17. พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด
ตั้งอยู่หลักกิโลเมตรที่ 44 ทางหลวงหมายเลข
32 (สายเอเซีย) บนรอยต่ออยุธยา-อ่างทอง
ซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
จึงได้ชื่อว่า "พุทธอุทยานมหาราช"
ชมความงดงามของรูปเหมือนสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
สร้างจากปูนหุ้มสัมฤทธิ์เคลือบสีทองทั้งองค์
นับได้ว่าเป็นรูปเหมือนพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
บริเวณใกล้เคียงกันนั้น ยังมี "ตลาดน้ำหลวงปู่ทวด"
ให้คุณได้เดินเลือกซื้อของกิน ของฝาก และของที่ระลึกมากมาย
รับรองว่าถูกใจขาช้อปแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก อุทยานหลวงปู่ทวด อยุธยา
18. วังช้างอยุธยา แล เพนียด
เดิมชื่อว่า ปางช้างอยุธยา แล เพนียด
ตั้งอยู่ริมถนนป่าโทน ตำบลประตูชัย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอยุธยาส่วนใหญ่
ต้องไม่พลาดมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชมช้างและขี่ช้าง
ซึ่งจะมีเส้นทางให้เลือกตามความใกล้-ไกล หากไปในวันเสาร์-อาทิตย์
หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
จะได้ชมการโชว์ความสามารถของช้างน้อยประกอบกับเสียงดนตรี
และเสริมด้วยกิจกรรมลอดท้องช้าง ให้เป็นสิริมงคลสำหรับผู้มาเยือน
เป็นกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากกิจกรรมหนึ่งอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ changdee.com หรือเฟซบุ๊ก วังช้างอยุธยา แล เพนียด Ayutthaya Elephant Palace & Royal Kraal หรือโทรศัพท์ 098 419 6295
19. พระราชวังบางปะอิน
ตั้งอยู่ในอำเภอบางปะอิน
เป็นพระราชวังโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ใช้เป็นสถานที่ทรงใช้ประทับแรม ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเข้าชมได้
ภายในเขตพระราชวังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น หอเหมมณเฑียรเทวราช
ปรางค์ศิลาจำลองแบบจากปรางค์ขอม, พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์
เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงทรงจตุรมุขอยู่กลางสระน้ำ รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไทย,
อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และหอวิฑูรทัศนา
ตั้งอยู่กลางเกาะน้อยในสวนเขตพระราชวังชั้นใน เป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวัน
สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักพระราชวังบางปะอิน โทรศัพท์ 035 261 044, 035
261 549, 035 261 673
20. พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น (เกริก ยุ้นพันธ์)
ภาพจาก NikomMaelao Production / Shutterstock.com
ตั้งอยู่บริเวณตำบลท่าวาสุกรี
ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านนอกอาคารพิพิธภัณฑ์
จัดเป็นสวนพักผ่อน ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ
มีของเล่นเป็นม้าโยก ตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้า และส่วนที่สอง คือ
อาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังใหญ่ 2 ชั้น
พบโมเดลการ์ตูนขนาดใหญ่ที่คอยยืนต้อนรับทุกคนอยู่
เรียกได้ว่าคุณจะมีความสุขกับการได้ชื่นชมกับเหล่าของเล่นและข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณอย่างเต็มที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 081 890 5782, 086 334 4581 หรือเว็บไซต์ milliontoymuseum.com
21. ตลาดน้ำทุ่งบัวชม
ตั้งอยู่บริเวณถนนวังน้อย-สระบุรี ที่นี่ได้รวมสินค้าที่เป็นของดีสี่ภาคของขึ้นชื่อ รวมไปถึงของฝากจากอยุธยาหลากหลายรายการมาให้เลือกช้อปและชิมกันไปอั้น ทั้งยังยังมีสินค้าสไตล์เก่า ๆ ดีไซน์เก๋ ๆ รวมถึงงานแฮนด์เมดเจ๋ง ๆ เช่น ปลาตะเพียนใบลาน ตุ๊กตาชาววัง งอบ บ้านเรือนไทยจำลอง มีดอรัญญิก หม้อดินเผา และหินแกะสลัก เป็นต้น รวมถึงยังมีสวนน้ำทุ่งบัวชม เอาไว้ให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้เล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนานอีกด้วยค่ะ เปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น. หรือเฟซบุ๊ก ตลาดน้ำทุ่งบัวชม พหลโยธิน กม.78 วังน้อย-สระบุรี โทรศัพท์ 035 723 127
22. ตลาดอโยเดีย (ตลาดนานาชาติ)
เป็นตลาดที่อยู่ก่อนถึงทางเข้าตลาดน้ำอโยธยา โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์วินเทจ มากมายด้วยสีสันความสดใส และดึงเอาสถาปัตยกรรมจากหลากหลายประเทศมาไว้รวมกัน ละลานตาด้วยโซนช้อปปิ้งเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารเครื่องดื่มต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถแวะสักการะรูปปั้นพระพิฆเนศองค์ใหญ่ และยังมีบันไดขึ้นไปดูวิวเจดีย์ช้างล้อมจากมุมชั้นสองอีกด้วย เหมาะกับการพาเด็กๆ มาถ่ายรูปเล่น หรือจะมาเป็นครอบครัวก็ได้
23. ตลาดน้ำอโยธยา
ภาพจาก Jamesboy Nuchaikong / Shutterstock.com
ภาพจาก itman__47 / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ที่ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา หนึ่งในที่เที่ยวตลาดน้ำที่เป็นที่รู้จักกันดีของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของคนในสมัยก่อน และเพลิดเพลินไปกับการเลือกซื้อสินค้ามากมาย พลาดไม่ได้กับของกินอร่อย ๆ ทั้งคาวและหวาน เช่น ไก่ย่าง, ส้มตำ, ขนมจีน, ก๋วยเตี๋ยว, ห่อหมก, อาหารทะเล, หมูสะเต๊ะนมสด, หมูย่าง, โรตีสายไหม และทับทิมกรอบ เป็นต้น มีทั้งร้านค้าที่อยู่บนเรือและท่าน้ำ สะดวกแบบไหน ก็เลือกนั่งทานกันได้เลยชิล ๆ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 035 881 733
24. ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
แหล่งเรียนรู้และสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับราษฎรที่สำคัญ
โดยมุ่งฝึกอาชีพงานศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ ได้แก่
การประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยพืช การแกะสลัก การจักสาน การทำตุ๊กตา
การทำดอกไม้ประดิษฐ์ การทำเครื่องเรือน การทอผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า การย้อมสี
ช่างเชื่อม และเครื่องเคลือบดินเผา
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะส่งไปจำหน่ายที่ร้านจิตรลดาแต่ละสาขาทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 035 366 252 หรือเฟซบุ๊ก ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
25. โบสถ์เซนต์ยอเซฟ
ตั้งอยู่ที่ตำบลสำเภาล่ม
อำเภอพระนครศรีอยุธยา ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์แห่งแรกในประเทศไทย
สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลังจากคณะธรรมทูตรุ่นแรกแห่งปารีส คือ
ท่านลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต กับพระสงฆ์อีก 2 รูป ได้เดินทางมากรุงศรีอยุธยา
ท่านและคณะได้ทำประโยชน์ต่อชาวกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก และยังได้เข้าเฝ้า
เพื่อทูลสร้างวัดและโรงเรียน โบสถ์เซนต์ยอเซฟ
จึงได้เริ่มสร้างขึ้นในสมัยนั้น โดยตัวอาคารหันหน้าเข้าสู่แม่น้ำ
ลักษณะเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีหอคอยหรือหอระฆัง อยู่ด้านหน้าวัด
สวยงามตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอย่างแท้จริง เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00-17.00
น. หรือโทรศัพท์ 035 242 589, 035 321 447
26. ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ
ตั้งอยู่ที่ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแก่ประชาชนทั่วไป โดยนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมทำกิจกรรมตามฐานต่าง ๆ เช่น ฐานกิจกรรมปักดำนา, ฐานกิจกรรมเลี้ยงแพะและแกะ, ฐานกิจกรรมปลาตะเพียนสาน, ฐานกิจกรรมไก่ไข่, ฐานกิจกรรมอาหารบ้านของพ่ และฐานกิจกรรมบ้านนของพ่อบ้านของฉัน เป็นต้น ใครอยากเรียนรู้และเข้าใจถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ หรือเฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ หรือโทรศัพท์ 064 932 1838
27. คุ้มขุนแผน
ตั้งอยู่ที่ถนนป่าโทน ใกล้กับวัดมงคลบพิตร สร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์บ้านของขุนนางในสมัยก่อนไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา มีลักษณะเป็นหมู่บ้านเรือนไทยหมู่แบบโบราณ มีหลังคาจั่วยอดแหลม ตัวคุ้มประกอบด้วยเรือนหลายหลัง เรียกว่า "หอ" โดยมีหอกลางเป็นประธานอยู่ตรงกลาง โอบด้วยหอนั่งหรือหอหน้า คือ เรือนเล็กที่อยู่ด้านหน้า ต่อมา คือ หอซ้าย อยู่ทางทิศเหนือ หอขวา อยู่ทางทิศใต้ และหอใหญ่ อยู่ด้านทิศตะวันตก นับเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบบ้านไทยโบราณที่ทรงคุณค่าและหาดูได้อยากยิ่ง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-16.30 น.
อย่างที่บอกไว้แล้วตั้งแต่ต้น อยุธยามีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมายจริง ๆ ค่ะ และแต่ละสถานที่ยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่แตกต่างกัน เหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ทุกครั้งเมื่อมาเยือนอยุธยา ใครมีเวลาว่างวันหยุดสั้น ๆ แวะมาเที่ยวอยุธยากันนะคะ ^ ^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก Tat Ayutthaya, เฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ , เฟซบุ๊ก ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำทุ่งบัวชม พหลโยธิน กม.78 วังน้อย-สระบุรี, เฟซบุ๊ก วังช้างอยุธยา แล เพนียด Ayutthaya Elephant Palace & Royal Kraal, เว็บไซต์ changdee.com, เฟซบุ๊ก อุทยานหลวงปู่ทวด อยุธยา, เฟซบุ๊ก ตลาดโก้งโค้ง , เฟซบุ๊ก ตลาดกรุงศรี , เฟซบุ๊ก ฟาร์มเมล่อน Papa'SAM บางไทร, เฟซบุ๊ก ไร่สตอเบอรี่เอพี อยุธยา