Home »
Uncategories »
“โดนใบสั่ง” จากกล้องฯ จนท.ไม่มีอำนาจอายัดทะเบียน อย่าทำอะไร ตามอำเภอใจ
“โดนใบสั่ง” จากกล้องฯ จนท.ไม่มีอำนาจอายัดทะเบียน อย่าทำอะไร ตามอำเภอใจ
“โดนใบสั่ง” จากกล้องฯ จนท.ไม่มีอำนาจอายัดทะเบียน อ ย่ า ทำ อ ะ ไ ร ตามอำเภอใจ
วันนี้ได้ไปอ่านเจอข้อมูลหนึ่ง จากเพจ ตอบปัญหาข้อกฎหมายกับ ดร.สุกิจ ที่น่าสนใจมาก คาดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนหลายท่าน จึงอยากนำมาแบ่งปันให้ได้ทราบกัน
เกี่ยวกับกรณีที่โดนใบสั่งจากกล้องตรวจจับความเร็ว
ซึ่งกรมการขนส่งทางบกไม่มีอำนาจอายัดทะเบียนการต่อภาษีประจำปีรถยนต์
โดยเป็นข้อมูลจากเพจ ตอบปัญหาข้อกฎหมายกับ ดร.สุกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ตำรวจออกใบสั่งจากกล้องจับความเร็ว กรมการขนส่งทางบกไม่มีอำนาจอายัดทะเบียนการต่อภาษีประจำปีรถยนต์ตำรวจและกรมการขนส่ง ไม่ใช่ ศ า ล ที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
——–////——–
ใบสั่งทางไปรษณีย์ ที่ “ตำรวจ
“ออกและส่งไปยังเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ที่ถูกบันทึกภาพความเร็วที่เกินกว่าที่กฎกระทรวงกำหนด
เป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมายหรือไม่
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย กล่าวว่า ส่วนใหญ่ใบ สั่งทางไปรษณีนั้น
ตำรวจจะตรวจจากสารบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกในการร่วมมือในการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับรถเพื่อทราบว่า
“ใครคือเจ้าของรถ”นั้น
ตำรวจรู้ได้อย่างไรว่า “เจ้าของรถ” ตามใบสั่งทางไปรษณีย์ นั้นเป็นผู้ขับขี่
อันนี้เป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรแก้ไขการออกใบสั่งทางไปรษณีย์ให้ผู้กระทำความผิดที่แท้จริงปฎิบัติตามใบสั่งนั้น
ตำรวจต้องมีประจักพยานรู้เห็นว่า
ผู้กระทำความผิดในวันเกิดเหตุนั้นเป็นใคร ไม่ใช่ออกใบสั่งให้เจ้าของรถ
หรือผู้ครอบครองเสียค่าปรับได้ต้องระบุให้ชัดด้วยว่า
“ผู้ครอบครองรถ”ที่กระทำผิดเป็นใคร
ตำรวจจะทำโดยพละการในลักษณะปัจจุบันนี้ไม่ได้ย่อมเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมาย
จริงอยู่
แม้ตามภาพถ่ายจะมีการบันทึกภาพขณะกระทำผิดว่ารถยนต์ตามใบสั่งทางไปรณีย์ในวันเกิดเหตุมีการกระทำผิดจริงตำรวจไม่ได้กลั่นแกล้งใครก็ตาม
แต่ตำรวจมีหน้าที่สอบสวนว่า
“ผู้กระทำความผิดในวันเกิดเหตุนั้นเป็นใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของรถเป็นผู้กระทำ ผิ ด เสมอไป”
“การออกใบสั่งในลักษณะแบบนี้
ผู้บันทึกภาพถ่ายและกล่าวหาว่ามีการขับรถเร็วและผู้ออกใบสั่งทางไปรษณีย์
ต้องเสี่ยงต่อการถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมต่อ ศ า ล ได้.
ทั้งนี้คดีอาญาเป็นสิทธิเฉพาะตัว. เว้นแต่ทางตำรวจจะพิสูจน์ได้ว่า “เข้าของรถ”นั้นเป็นผู้กระทำผิด
หากผู้มีชื่อทางปลายทะเบียนชึ่งเป็นเจ้าของรถ
ปฎิเสธถึงความรับผิดตามใบสั่งทางไปรษณีย์นั้นไม่ใช่ความผิดชึ่งหน้าที่จับกุมผู้ขับขี่ได้ในวันเกิดเหตุ
และหากเจ้าของรถ มีข้อแก้ตัวอันควร ผล ร้ า ย
ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ออกใบสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้นางจันทิรา
บุรุษพัฒน์รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยต่อสาธารณะชนว่า
“การงดออกเครื่องหมายแสดงการ เ สี
ยภาษีประจำปีสำหรับรถคันที่ตำรวจออกใบสั่งทางไปรษณีย์นั้น
ตำรวจต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป
กรมการขนส่งทางบกไม่มีอำนาจอายัดทะเบียนการต่อภาษีประจำปีรถยนต์ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจที่ออกใบสั่งทางไปรษณีได้โดยชอบ
การเสียภาษีอากรเป็นรายได้ของรัฐ
ตามประมวลกฏหมายรัษฎากรในการบริหารประเทศ
การเรียกเก็บการเสียภาษีจากการใช้ถนนหลวง แล้วตั้งเงื่อนไขขึ้นเองถือว่า
กรมการขนส่งให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นกระทำผิดต้องรับโทษตามที่กฏหมายกำหนดไว้
กรมการขนส่งมีหน้าที่ๆจัดเก็บภาษีตามอำนาจหน้าที่ตามเป๋าหมาย. การที่กรมการขนส่งรับเงินภาษีแก่ผู้ไม่ชำระค่าปรับทางไปรษณีย์แล้ว
แต่ใช้อำนาจตั้งเงื่อนไขขึ้นเอง
ออกป้ายวงกลมให้ผู้เสียภาษีเป็นการชั่วคราวก่อน 30วัน นั้น
ต้องมีกฏหมายรองรับให้กระทำได้ และเจ้าของรถนั้นต้องยินยอมด้วย
หากไม่มีกฏหมายรองรับให้กระทำได้ย่อมเป็นการทำเกินหน้าที่
การกระทำนั้น ย่อมเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมาย
มีความผิดฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบได้
และอาจมีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพของประชาชนได้
และเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำผิดได้
ทั้งนี้ ความผิดตาม
พรบจารจรทางบกเป็นความผิดระหุโทษ ไม่ใช้ความผิดในคดีอุจฉกรรจ์
ที่จะต้องเอาเป็นเอา ต า ย กันถึงขนาด
กำจัดถึงสิทธิเสรีภาพของประชาขนเกินความจำเป็น
“คำสั่ง”นั้นไม่ใช่กฏหมาย ตำรวจจะอ้างเสมอว่า พลเอกประยุทธ จันทราโอชาสั่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ไป ”ริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน “
รัฐบาลเร่งรัดให้ประชาชนไปเสียภาษีหากหลีกเลี่ยงมีความผิดสารกฏหมายที่จะเค้นให้ประชาชน
ประชาชนผู้เสียภาษีตามปกติไปจ่ายภาษีถึงที่ ก็ไปกำจัดสิทธิของเค้า
ตั้งเงื่อนไขต่างๆนานา เกินกว่าความจำเป็นแก่ผู้เสียภาษี
เก็บค่าภาษีแล้วไปกำหนดเงื่อนไข
เจตนาของกฏหมายนั้นไม่เปิดช่องให้กรมการขนส่ง กระทำได้โดยชอบ
หากประชาชนร่วมใจกันไม่เสียภาษี
ตำรวจและกรมการขนส่งจะทำอะไรก็ทำไป ใครจะรับผิดชอบ
“รัฐต้องไปกู้เงินต่างประเทศ “ผล ร้ า ย
ก็ต้องตกที่ประชาชนต้องเป็นหนี้สาธารณะโดยไม่รู้ตัว
ตำรวจและกรมการขนส่ง ไม่ใช่ ศ า ล ที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ก ร ร ม เป็นเครื่องชี้เจตนา
ที่มา เพจ ตอบปัญหาข้อกฎหมายกับ ดร.สุกิจ