ข่าวดี! 1 มิ.ย. นี้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ มี 3 จังหวัด ปรับขึ้นสูงสุด

กลายเป็นอีกหนึ่งข่าวดีที่บอกเลยว่าคนแรงงานหรือผู้ทำงานทั้งหลายนั้นจะต้องสนใจเป็นอย่างมากเพราะในตอนนี้ในวันที่ 26 เมษายน 2562 นั้น จะได้มีข่าวคราวที่รายงานออกมาว่าในตอนนี้ได้มีมติให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใน 31 จังหวัดในอัตราราคาซองถึง 10 บาทต่อวันส่วนอีก 46 จังหวัดนั้นจะปรับในอัตรา 2 บาทต่อวันซึ่งในทางกทมภูเก็ตนั้นจะถูกปรับค่าจ้างขั้นสูงสุดก็คือ 10 บาทต่อวัน..

และในกรณีของกทมที่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปี 61 นั้นอยู่ที่ประมาณวันละ 325 บาทก็จะการเปลี่ยนแปลงทำให้ค่าจ้างในขั้นต่ำปี 62 จะอยู่ที่ 335 บาทนั่นเอง แต่ภูเก็ตนั้นเดิมอยู่ที่ประมาณ 330 บาทจะถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 340 บาท ในส่วนบริเวณอุตสาหกรรมต่างด้าวจังหวัดสมุทรปราการจะปรับขึ้น 7 บาทในขณะที่บริเวณชลบุรีและระยองปรับขึ้น 5 บาท

แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากบอร์ดค่าจ้างการมีมติเห็นชอบในเรื่องที่เสนอและอยากจะขอความคิดเห็นจากการประชุมครมในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ก็จะมีการประกาศราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้โดยสำหรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2561 นั้นก็เคยมีการปรับขึ้นตั้งแต่ราคา 5 ถึง 22 บาทโดยมีข้อมูลบังคับใช้ดังนี้

ซึ่งในต่อมาทางนายชาลีลอยสูงรองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานก็ได้มีการกล่าวว่าซึ่งในขณะนี้ก็ได้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแต่ทว่าก็ถูกกระแสกดดันอย่างหนักตั้งแต่เดือนมีนาคมถึง 8 เมษายนที่ผ่านมาจึงทำให้จำเป็นจะต้องมีการเลือกออกไปและมีการประชุม 3-4 ครั้งซึ่งไม่มีข้อยุติใดๆทั้งสิ้นทั้งๆที่สถานะการละเล่นรักให้รีบดำเนินการเนื่องจากค่าน้ำมันและมีราคาปรับขึ้นค่ารถเมล์ปรับราคาขึ้นสินค้าต่างๆก็ขึ้นกันแต่กลับกลายว่าค่าจ้างในไม่ปรับขึ้นและแกเป็นรายจ่ายที่ลูกจ้างจะต้องจ่ายเพิ่ม

โดยคิดว่าทางรัฐบาลนั้นจะจำเป็นต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำแต่ไม่รู้เมื่อใดซึ่งอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 1 มิถุนายนและเมื่อกระแสปรับราคาค่าจ้างสินค้าขึ้นไปก่อนแล้วสมมุติถ้าปรับขึ้นวันที่ 1 มิถุนายนถามว่าลูกจ้างจะได้อะไรหากปรับเพิ่มขึ้นอีก 2 ถึง 10 บาทก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะสินค้าขึ้นไปแล้วดังนั้นควรจะรีบกลับไปเลยและรัฐบาลนั้นควรจะปรับอากาศในวันแรงงานเพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวแรงงานแต่คิดว่าไม่สามารถเป็นไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ตามที่คิด

อันนี้มีเหตุขัดข้องใจในคณะอนุกรรมการค่าจ้างในจังหวัด 46 จังหวัดนั้นก็ไม่มีการเสนออัตราปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพราะว่าไม่มีรูปด้านในพื้นที่มีปัญหาจนต้องวัดค่าจ้างการให้กลับไปทบทวนพิจารณาใหม่และไม่มีการเสนอปรับขึ้นอีกจนกระทั่งในท้ายสุดนี้ทางคณะอนุกรรมการจ้างค่าจ้างวิชาการและการก่อนก็ได้มีมติออกมาซึ่งง่ายเกินไปถือว่าล้มเหลวในการทำหน้าที่เป็นอย่างมาก

และนอกจากนี้อยากจะให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำทั่วกันทั้งประเทศเนื่องจากค่าครองชีพในต่างจังหวัดทั่วประเทศในไม่ต่างกันมากหากมีการปรับขึ้นประมาณ 2 ถึง 10 บาทก็ควรปรับขึ้นเป็น 10 บาทให้เท่าทั่วกันและนายทุนไม่ควรอ้างต้นทุนสูงซึ่งรัฐบาลควรแก้ไขปัญหาให้ถูกจุดและทุกประการเพื่อให้นายทุนและไม่สามารถอ้างเรื่องต้นทุนได้อีกต่อไปควรมองเรื่องค่าครองชีพเป็นหลักมากกว่าการให้เพื่อลูกจ้างอยู่ได้อยู่ได่ดีกว่า