ยุคนี้ “คนบูชาวัตถุ” คนรวยก็รวยเอาคนจนก็จนเอา

ยุคนี้ “คนบูชาวัตถุ”

มีคนกลุ้มใจกับการหาเงินเพื่อใช้หนี้ก้อนโตให้เร็วที่สุด

คนที่โชคดีกว่าใคร ๆ คือรู้จักพอประมาณตนและไม่ก่อหนี้

ยุคนี้ “ทุกอย่างเร็วไปหมดสมองเรารับข่าวสารนับไม่ถ้วน”

คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่รู้ว่าข่าวไหนควรรับและข่าว

ไหนควรทิ้งปิดกั้นความคิดไม่รับพวกข่าวพวกขยะ

ยุคนี้ “คำคมมันเยอะของดีมีจนเอียน”

คนที่โชคดีที่สุดคือพวกที่อ่านแล้วเลือกเก็บไม่เชื่ออะไรง่ายๆ

กล้าที่จะลงมือทำก่อนใคร

ยุคนี้ “คนบูชาคนเก่งจากใบกระดาษ”

คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่แยกออกว่าคนเก่งจริงนอกจากเรียนเก่งยังไม่พอ

ต้องนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และทำงานร่วมกับคนอื่นได้ด้วย

ยุคนี้ “สร้างภาพง่ายสุด ๆ”

มีเครื่องมือพร้อมให้อวดได้ทุกเวลาฉันไปกินโน่นมาฉันซื้อนี้มาใหม่ฉันไปเที่ยวที่นี้มาต่างคนต่างอวดคนที่โชคดีสุด ๆ

คือ คนที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขในทุกเวลา ปราศจากตำแหน่งหรือ

หัวโขนถึงมีก็ไม่อยากอวดไม่มีก็ไม่เป็นไรแค่ปัจจัย 4 ก็เพียงพอ ไม่ต้องแบกภาระสร้างภาพอะไรทั้งนั้น

ยุคนี้ “คนรวยก็รวยเอาคนจนก็จนเอา”

คนที่โชคดีที่สุดคือ คนที่รู้ตัวว่าตัวเองจนและพัฒนาตัวเองให้ฐานะดีขึ้น

คนที่รู้ว่าตัวเองรวยและยินดีช่วยเหลือแบ่งปัน

ส่วนคนที่แย่ที่สุดคือพวกที่จนแล้วทำเหมือนรวย ประมาณตนยังไงก็เจริญ

ยุคนี้ “มีมุมมองหลากหลายของผิดก็กลายเป็นถูก”

มองได้หลายมุมสิ่งนี้ถูก แต่พอมองอีกมุมก็กลายเป็นผิดไปสิ่งนี้ผิดมองอีกมุมมันก็ถูกต้องดี

ก็เถียงกันให้สะใจเต็มโซเชียลเน็ตเวิค คนที่โชคดีที่สุดคือพวกที่รู้ว่าโลกนี้มี 2 ด้านมันผสมกันอยู่อยู่ที่เราจะเลือกว่าจะมองมุมไหน

มองให้เป็นประโยชน์และนำมาใช้พัฒนาตัวเอง เรียกง่ายๆว่า “คนคิดเป็น”

สุดท้ายนี้…

ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหนๆ อะไรเปลี่ยนไปอะไรเพิ่มมาพวกถ่านวันๆ จะบ่นโน่นนี้นั้นคิด

แต่เรื่องตำหนิผู้อื่นจะเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นส่วนพวกเพชรจะคิดอย่างหนัก

สนแต่เรื่องตัวเองเริ่มเปลี่ยนเรื่องของตัวเองก่อน เมื่อเก่งจริงถึงจะเริ่มไปเปลี่ยนคนอื่น เพราะเค้ารู้กฎธรรมชาติดี

“กว่าจะเปลี่ยนตัวเองได้มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดถ้าทำได้ โลกนี้ก็ไม่มีอะไรยากเกินกำลังอีกแล้ว”

 

ขอขอบพระคุณแหล่งที่มา : พล.อ.ต.ตะวัน นาครทรรพ