5 วิธีวางตัว “อ่อนโยน” แต่ไม่ “อ่อนแอ” ไม่ว่าใครเห็นก็เอ็นดู

5 วิธีวางตัว “อ่อนโยน” แต่ไม่ “อ่อนแอ” ไม่ว่าใครเห็นก็เอ็นดู

ไม่มีใครอยากโดนมองว่าเป็นคนโอ้อวด หลงตัวเอง เพราะคนเหล่านี้ล้วนน่ารังเกียจและไม่มีใครอยากคบ แต่พอวางตัวตรงกันข้ามเป็นคนที่ยอมผู้อื่นง่ายๆ ใครว่าอะไรก็ว่าตาม เพราะอยากเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน กลับกลายเป็นว่าโดนมองเป็นคนที่อ่อนแอ ไม่เข็มแข็งและคิดเองไม่เป็น ดังนั้น ถ้าอยากเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนที่ไม่ดูอ่อนแอ และไม่ว่าใครเห็นก็เอ็นดู ลองดูคำแนะนำ 5 ข้อต่อไปนี้

1. ไม่เกี่ยงงานเล็กๆ น้อยๆ

แม้งานนั้นจะเป็นงานของคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าคุณ หรือใครๆ ก็มองว่างานแบบนี้เด็กมัธยมก็ทำได้ จงทำมันด้วยตัวเอง เพราะการทำเช่นนั้นแสดงให้คนรอบข้างเห็นว่าคุณคือคนของทุกคนและแสดงให้เห็นว่าคุณเต็มใจทำงานทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม เมื่อคุณทำงานที่นอกเหนือความรับผิดชอบ เช่น ช่วยลูกจ้างตรวจเช็คคำสั่งซื้อ ช่วยลูกจ้างแพ็คของหีบห่อ ทั้งๆที่เป็นงานของลูกจ้าง ตำแหน่งต่ำกว่าคุณ แต่คุณก็ลงมือช่วยพวกเขาอย่างเต็มใจ เท่ากับว่าคุณได้แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าง ทิ้งขยะลงในถังรีไซเคิลหรือเก็บเศษขยะบนพื้นไปทิ้ง การกระทำที่ถูกต้อง ทำเพื่อสังคมส่วนรวม จะทำให้ผู้พบเห็นมองว่าคุณเป็นคนจิตใจดีและไม่เย่อหยิ่ง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นทำตามด้วย

เพราะเมื่อคนคนหนึ่งยอมเสียสละตัวเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นหรือสังคมโดยรวม เราจะรู้สึกซาบซึ้ง เพราะเราสัมผัสได้ถึงคุณงามความดีที่เขาได้ทำ ดังนั้น สิ่งสำคัญของการเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนก็คือ การทำเพื่อส่วนรวมโดยไม่หวังผลประโยชน์ แล้วคนอื่นจะชื่นชอบคุณโดยอัตโนมัติ

2. เมื่อผิดก็ยอมรับผิดด้วยใจจริง

สิ่งที่เรียบง่ายและทรงพลังมากกว่า ‘คำชม’ คือคำว่า ‘ขอโทษ’ เวลาที่เราทำผิดพลาด โดยต้องพูดอย่างสำนึกในความผิดนั้นจริงๆ และพร้อมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำสอง อีกสิ่งที่ควรทำคือ ต้องยกความดีความชอบให้กับคนที่ฝ่ายถูกอย่างจริงใจไม่ประชดประชัน

ถ้าความผิดพลาดนั้นเกิดจากลูกค้าหรือคนที่เราเกรงใจไม่กล้าที่จะพูดตรงๆ ว่าเป็นความผิดเขา แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่อย่าพูดไปว่าเป็นความผิดของเขา ให้เราเป็นฝ่ายขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายลำบาก แต่เราจะต้องอธิบายขั้นตอน ที่มันเกิดความผิดพลาด โดยไม่โทษอีกฝ่าย อาจบอกว่าเป็นความผิดพลาดที่อาจเกิดจากตัวเราเองไม่ได้อธิบายให้อีกฝ่ายอย่างชัดเจน แบบนี้อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกว่าเรากำลังโยนความผิดให้ และปิดท้ายด้วยการบอกว่าคุณกำลังแก้ไขขอผิดพลาดนี้อย่างไร และทำให้เขามั่นใจว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อพูดแบบนี้อีกฝ่ายจะไม่เสียหน้าและรู้สึกว่าคุณช่างเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนจริงๆ

3. อย่าทำตัวเป็นผู้รู้ไปทุกเรื่อง

หลายครั้งที่การทำตัวเป็นคนฉลาดไม่ได้ช่วยให้คุณเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดู แต่เราไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณทำตัวแกล้งโง่ ก็แค่ถ้าคุณไม่รู้คำตอบของคำถาม ก็อย่าคิดคำตอบขึ้นมาเอง แค่ตอบว่า ‘ไม่ทราบ’ ไปตามตรง พูดง่ายๆ ว่า ไม่ทราบ แต่ฉันจะพยายามหาคำตอบมาให้นะ แล้วก็ทำตามที่พูด โดยอาจสอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นๆ แล้วค่อยมาแจ้งคำตอบกับอีกฝ่าย เมื่อทำแบบนี้นอกจากจะดูเป็นคนไม่อวดฉลาดแล้ว ยังดูเป็นคนใฝ่หาความรู้อีกด้วย

4. เมื่อทำผิดพลาด จงยิ้มให้กับตัวเอง

เมื่อทำผิดพลาด หลายคนโทษตัวเอง บางคนก็โทษผู้อื่นอย่างเป็นเอาตาย แต่ถ้าอยากดูเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อทำผิดพลาด อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือทำเป็นเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แค่ยิ้มและหัวเราะให้กับข้อผิดพลาดนั้นก็พอแล้ว

การหัวเราะเยอะตัวเองเป็นวิธียอดเยี่ยมในการทำให้ใครก็ตามรู้สึกชอบคุณ เมื่อคุณแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้จริงจังกับตัวเองเกินไป พวกเขาจะรู้สึกว่าคุณเป็นที่อยู่ด้วยแล้วสบาย อยากใกล้ชิดและอยากอยู่ใกล้ๆ คุณมากขึ้น เพราะไม่มีใครชอบคนขี้อวด ไม่อยากอยู่ใกล้กับคนที่เอาแต่มองหาความสมบูรณ์แบบ อยู่กับคนพวกนี้มีแต่ต้องรู้สึกกดดัน

เราจะรู้สึกชื่นชมและอยากอยู่ใกล้คนที่ไม่อวดดี ไม่คิดถึงแต่ตัวเอง ปล่อยวางได้ง่ายๆ ดังนั้น การแสดงให้เห็นว่าคุณหัวเราะกับความผิดพลาดได้หมายถึงคุณเป็นคนที่มีเสน่ห์ อ่อนน้อมถ่อมตนและน่าคบหา

5. ให้เกียรติทุกคน

ให้เกียรติทุกคน หมายความว่า คุณต้องให้เกียรติคนอื่นแม้กระทั่งคนที่คุณไม่ต้องการอะไรจากเขา คนที่ไม่มีผลประโยชน์ให้คุณ หรือคนที่ไม่ชอบหน้าและคนที่ไม่ชอบหน้าคุณ เพราะการเพิกเฉยต่อคนที่ไม่มีประโยชน์อะไรให้เราจะทำให้เราดูเป็นคนอ่อนแอและดูเห็นแก่ตัว คนที่หวังดีกับคุณจริงๆ อาจจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย

แม้คบคนที่มีผลประโยชน์ดีๆ ให้เรา จะช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ทำงานสะดวกสบายขึ้นก็จริง แต่คุณอาจจะต้องเหนื่อยใจ ไม่มีความสุข และอาจพลาดมิตรภาพและความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับคนอื่นไป จำไว้ว่า คนอื่นจะชื่นชมและให้เกียรติคนที่ทำให้เขารู้สึกดี คนที่ทำให้เรารู้สึกเป็นคนสำคัญ

ขอบพระคุณแหล่งที่มา : GoodlifeUpdate