มีประโยชน์มาก! ใครโดนใบสั่งจากกล้องวงจรปิดควรอ่าน คุณอาจจะได้นำไปใช้

สวัสดีค่ะ วันนี้เราก็จะมาพูดเรื่องของใบสั่งกันนะคะ ปัจจุบันใบสั่งนั้นได้มีการพัฒนาเป็นใบสั่งแบบที่มีกล้องวงจรปิดถ่ายมาเป็นภาพแล้วส่งมาที่บ้านของเราด้วยค่ะ เป็นประสบการณ์จากคนที่โดนใบสั่งจากกล้องวงจรปิดนั้นมาเล่าสู่กันฟังให้ทุกคนได้ทราบ ส่วนจะเป็นยังไงนั้นตามมาอ่านกันค่ะว่าเขาจะเล่าอะไรบ้างเกี่ยวกับใบสั่งกล้องวงจรปิดนี้ เพื่อทุกคนจะได้นำไปใช้เมื่อโดนใบสั่งจากกล้องเหมือนกัน โดยได้โพสต์ลง Facebook ดังต่อไปนี้ว่า

“ ยาวหน่อยน่ะทนอ่านให้จบแล้วจะพบคำตอบ!!!

กลายเป็นเรื่องใหญ่ของผู้ใช้รถใช้ถนนในขณะนี้ ภายหลังกองบัญชาการแบตำรวจนครบาล (บชน.) มีคำสั่งให้ทุกสน.ในพื้นที่ใช้กล้องถ่ายรูปตรวจจับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจร

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และเฉพาะในวันแรกมีผู้กระทำผิดมากกว่า 1,600 ราย แต่ผู้กระทำผิดจะต้องไปชำระค่าปรับภายใน 7 วัน หากไม่ไปตามเวลาที่กำหนด

เจ้าหน้าที่จะส่งจดหมายตอบรับไปยังที่อยู่ และจะต้องไปชำระค่าปรับภายใน 30 วัน ซึ่งถ้าหากไม่ดำเนินการ ทางเจ้าหน้าที่จะส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อทำการงดเว้นต่อทะเบียนรถเป็นการชั่วคราว และเมื่อเดินทางไปชำระค่าปรับจะต้องจ่ายเงินค่าเสียค่าปรับช้าอีก 1,000 บาท และค่าปรับตามใบสั่งซึ่งจะสอดรับกับการแก้ไขกฎหมายใบสั่งใหม่ด้วยนั้น ล่าสุด นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายคนดังในโลกโซเชียลได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “เห็นความพยายามของตำรวจ ที่บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มแข็งเหลือเกิน ผมเห็นด้วยกับการใช้กล้องและเทคโนโลยีแทนเจ้าพนักงานจราจร (บางอย่าง) แก้ไขการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ถูกต้อง และการโต้เถียงของประชาชนได้

เพราะกล้องไม่โกหก ยกเว้นตำรวจมั่ว ส่งหมายใบสั่งผิดบ้าน แต่การออกมาตรการบังคับให้ไปชำระค่าปรับภายใน 7 วัน หากล่าช้าจะต้องชำระค่าปรับล่าช้าเพิ่ม 1,000 บาท

และอายัดทะเบียนไว้ สำหรับผม ผิดก็ว่าไปตามผิด ผิดก็ต้องมีหน้าที่จ่ายค่าปรับตามกฎหมาย แต่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้ชำระค่าปรับล่าช้าอีก 1,000 บาท รวม 1,500 บาท

มันโหดร้ายเกินไปใหมครับ แต่ตำรวจได้ค่าปรับ และเปอร์เซ็นต์ค่าปรับเพิ่มอีก 3 เท่า จาก 500 เป็น 1,500 ภายในเวลา 30 วัน มันจะน่าเกลียดไปไหมครับ 1,500 ซื้อนมลูกได้ทั้งเดือน

ท่านจะรีบใช้เงินไปไหน ใจเย็นๆ ให้เวลาชาวบ้านหายใจบ้าง ถ้าสมมุติว่า ชาวบ้านที่โดนใบสั่งทั้ง 1,600 คน ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยวิธีการทางกฎหมาย และใช้สิทธิทางศาลบ้าง

แทนที่จะยอมชำระค่าปรับ 500 หรือ 1,500 บาทในกรณีล่าช้า รวมใจรวมตัวกันเดินเข้า โรงพักแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่ชำระค่าปรับที่โรงพัก แต่จะไปสู้ในชั้นศาล

หรือชำระค่าปรับที่ศาลแทน ถ้ามีสักเดือน ละ 1,000 คน งานคงล้นมือตำรวจ และพนักงานอัยการแน่นอน ลองดูไหมครับ ความผิดลหุโทษ ไม่ต้องประกันตัว เดินถือใบสั่งที่ตำรวจส่งไปให้ทางไปรษณีย์ แล้วบอกพนักงานสอบสวนว่า ขอไปต่อสู้ (ในกรณีไม่ผิด) หรือไปชำระค่าปรับที่ศาลแทน เมื่อไปถึงศาล ถ้าผิดก็รับสารภาพ ศาลก็ปรับ ครึ่งหนึ่งของ 500 บาท คงเหลือ จ่ายค่าปรับที่ศาลเพียง 250 บาท ไม่เสียค่าปรับล่าช้า ไม่ถูกอายัดทะเบียน เพราะถือว่าชำระค่าปรับตามคำพิพากษาแล้ว และที่สำคัญเงินค่าปรับในศาล ตำรวจจะไม่ได้เปอร์เซ็นแม้แต่สตางค์แดงเดียว อย่าบีบบังคับประชาชนเกินไปนะครับ

ผมเชื่อว่า ถ้ามีคนลุกสู้และใช้วิธีนี้ ตำรวจนั่นแหละครับที่จะเหนื่อยจนไม่ต้องทำงานอย่างอื่น เผลอๆ คดีขาดอายุความเพราะฟ้องไม่ทัน เสียงบประมาณซื้อกล้อง และงบประมาณพิมพ์ใบสั่งเปล่าๆ ”

นี่ก็เป็นสิ่งที่เขานั้นได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์การโดนใบสั่งของเขา แต่ทางที่ดีที่สุดเราควรที่จะระวังไม่ให้โดนใบสั่งเลยเสียดีกว่า ทำตามกฎจราจรให้ครบให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะได้ไม่โดนใบสั่งเลย แค่ทำกฎจราจรถูกต้อง ชีวิตของคุณก็จะปลอดภัย การเดินทางนั้นมีความปลอดภัย ผู้ใช้ถนนร่วมกับคุณก็ปลอดภัย แถมคุณยังไม่ต้องเสียเงินให้กับการจ่ายค่าปรับ ไม่ต้องยุ่งยากไปจ่ายให้เสียเวลาเสียเงินอีก เมื่ออ่านแล้วถ้ารู้สึกได้ประโยชน์ก็เก็บนำไปใช้ได้เมื่อเราโดน แล้วอย่าลืมแชร์บอกต่อเพื่อนๆของคุณด้วยนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ให้คนอื่นๆต่อต่อไป