ฟังเฉพาะเรื่องจริง-ไม่อิงนิยายสื่อ! ‘จอห์น โวลันเธน’ เปิดใจ ‘คำต่อคำ-โต้ข้อมูลสื่อไทย’ นี่คือบทที่เขาจะยอมให้สัมภาษณ์เพียงครั้งเดี่ยว!

คำต่อคำ ‘จอห์น โวลันเธน’ เปิดใจครั้งแรกหลังจบภารกิจกู้ 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง

(ชมคลิป-ซับไทยท้ายข่าว)
ภายหลังบทสัมภาษณ์นี้ มีผู้เข้ามาววิพากษ์วิจารณ์ จากเพจ BBC เป็นจำนวนมาก ถึงการรายงานข่าวสารของสื่อไทย

โวลันเธน คือ หนึ่งใน 2 นักดำน้ำชาวอังกฤษที่พบกับกลุ่มเด็กที่ติดอยู่ภายในถ้ำเป็นคนแรก พวกเขาได้พูดคุยกับเด็กหลังจากติดอยู่ในถ้ำนาน 9 วัน และถ่ายคลิปออกมา ทำให้คนทั้งโลกรู้ว่า เด็ก ๆ และผู้ฝึกสอนยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ของโลกจึงได้เริ่มขึ้น

นี่คือบทสัมภาษณ์แบบคำต่อคำของ จอห์น โวลันเธน ซึ่งเขาบอกว่าจะให้สัมภาษณ์กับ บีบีซี เพียงครั้งเดียว
โวลันเธน
ผมเป็นสมาชิกทีมกู้ภัยของเวลส์ตอนกลางและตอนใต้ การกู้ภัยภายในถ้ำในสหราชอาณาจักรจะแบ่งออกตามพื้นที่ เพื่อที่จะได้มีผู้เชี่ยวชาญในถ้ำในแต่ละพื้นที่ เราเป็นกลุ่มระหว่างประเทศด้วย และก่อตั้งขึ้นมานานแล้ว ผมรู้มาจากชาวอังกฤษที่อยู่ในเมืองไทยว่าเกิดปัญหาขึ้นที่นั่น และเขาแจ้งเราว่า จำเป็นต้องมีนักดำน้ำที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เราต้องได้รับคำสั่งจากใครสักคนจากทางการ ตอนนั้นผมทำงานอยู่ในแอสเทกเวสต์ เวลาประมาณบ่ายสามโมง ผมก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า มีการจองเที่ยวบินไปเมืองไทยเวลา 3 ทุ่มให้กับผมแล้ว
ถาม – แจ้งปุบปับอย่างนั้นเลยเหรอครับ?
โวลันเธน – ใช่ครับ การแจ้งมักจะกะทันหันอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้ำที่เสี่ยงน้ำท่วม เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถาม – แล้วคุณรู้ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง?
โวลันเธน – เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ทำนองนี้ ข้อมูลที่คุณได้รับก็ไม่สมบูรณ์หรอกครับ และมักจะไม่ถูกต้อง ดังนั้น คำตอบก็คือ คาดว่าคงจะได้เจอกับสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เจอ
“ตรงไหนที่มีพื้นที่ว่าง เราก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เราตะโกนเรียก แล้วก็เราดมกลิ่นด้วย ในกรณีนี้ เราได้กลิ่นเด็กก่อนที่จะพบตัว หรือได้ยินเสียงเด็กเสียอีก”
ถาม – ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ เพราะเราเห็นในวิดีโอนิดเดียว ช่วงที่คุณโผล่พ้นน้ำมาพบเด็ก ๆ
โวลันเธน – คุณเหมือนจะข้ามไป 1 สัปดาห์นะครับ ช่วงที่มีงานต้องทำมหาศาล, ใช้ความพยายามอย่างมาก, ต้องติดต่อประสานงาน, ดำน้ำ และอีกหลายอย่างก่อนที่ถึงเวลานั้น เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้น เราทำงานกันอย่างหนักไปพร้อมกับกองทัพเรือไทย เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น เราได้ดำน้ำเข้าไปภายถ้ำลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ มาก่อนแล้วหลายครั้ง ในการดำน้ำครั้งนั้น เราได้รับกล้องเพื่อใช้ถ่ายภาพพื้นที่ภายในถ้ำที่กองทัพเรือไทยอยากเห็น แต่อย่างที่เห็น เราโชคดีที่พบเด็ก ๆ มีการรายงานโดยสื่อหลายแห่งบอกว่า เป็นเพราะโชคดี ผมคงบอกว่า นั่นไม่ใช่เลย การทำงานของเราในสถานการณ์นี้คือ เรากำลังว่ายน้ำไปตามทางที่อยู่ใต้น้ำ ตรงไหนที่มีพื้นที่ว่าง เราก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เราตะโกนเรียก แล้วก็เราดมกลิ่นด้วย ในกรณีนี้ เราได้กลิ่นเด็กก่อนที่จะพบตัว หรือได้ยินเสียงเด็กเสียอีก
ถาม – จากนั้น คุณก็เรียกพวกเขา คุณพูดอะไร?
โวลันเธน – วิดีโอที่คุณเห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ สิ่งที่คุณไม่เห็นคือ บนฝั่งตรงข้าม เราได้ถอดอุปกรณ์ส่วนใหญ่ของเราออก เรากำลังเตรียมจะไปหาพวกเขา เราเห็นว่าพวกเขาอยู่ตรงไหน และผมคิดว่า เราคงดีใจกันมาก และอยากรู้ว่า พวกเขาสบายดีกันทุกคนไหม ปรากฏว่า พวกเขาทุกคนแข็งแรงดี
“การมีชีวิตรอดในถ้ำ กับการมีชีวิตรอดนอกถ้ำ มันเป็นคนละเรื่องกัน”

ถาม – ตอนคุณเห็นพวกเขาที่นั่น คุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณคิดไหมว่า ผมจะพาเด็ก ๆ ออกไปอย่างไร? คุณว่าปฏิบัติการนี้มีโอกาสสำเร็จมากแค่ไหน?
โวลันเธน – ความคิดตอนที่พบพวกเขาคือ มันเหลือเชื่อ เหลือเชื่อจริง ๆ ครับ เมื่อดูจากปริมาณน้ำที่เราเห็นว่าไหลออกมาจากถ้ำในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะพบพวกเขา และทุกคนก็แข็งแรงดี ผมคิดว่าทั้งริกและผมรู้ดีถึงสิ่งที่ต้องทำมหาศาลเพื่อพยายามอพยพเด็ก ๆ ออกไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนเด็ก ๆ มีกัน 13 คน ซึ่งไม่ใช่คนจำนวนน้อยเลย
ถาม – คุณไปถึงตรงนั้น ก็ชัดเจนว่า ก็เป็นไปได้ที่จะออกมา มีปัญหาอะไรบ้างที่คุณเผชิญอยู่ตอนนั้น?
โวลันเธน – ปัญหาจริง ๆ คือ มันมืดสนิทเลยในนั้น คุณมีเพียงไฟฉายที่เอาติดตัวไป วิสัยทัศน์ในน้ำต่ำมาก ๆ อยู่ที่ระยะ 2-3 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีเศษชิ้นส่วนต่าง ๆ มากมายจากความพยายามเข้ามาก่อนหน้านั้นตอนที่หลายพื้นที่ของถ้ำแห้งอยู่ มีทั้งสายเคเบิล, สายไฟ, ปั๊ม, ท่อ, อะไรต่าง ๆ ความเย็นก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เด็กบางคนยังค่อนข้างเล็กอยู่ เราจึงค่อนข้างห่วงว่า เด็กเล็กจะทนได้ดีแค่ไหนในช่วงที่ต้องฝ่าน้ำออกไป
ถาม – สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจจากภาพที่เห็นคือ เด็กบางคนยิ้มได้
โวลันเธน – พวกเขาน่าทึ่งมาก ตอนนั้น พวกเขาค่อนข้างดีใจ ผ่อนคลาย และขอพูดอีกครั้งที่ไม่เห็นในวิดีโอ คือทางลาดที่คุณเห็น มันขึ้นไปถึงพื้นที่ที่กว้างกว่าบนนั้น ซึ่งเป็นจุดที่พวกเขาใช้พักอาศัย เราอยู่ที่นั่นไม่นาน พยายามให้กำลังใจพวกเขา ก่อนที่เราจะกลับออกมา เพราะเราไม่มีอาหารให้พวกเขาเลย เรามีแต่ไฟฉายให้พวกเขา แต่ในแง่ของ ขวัญกำลังใจแล้ว เราสามารถมั่นใจได้ว่า พวกเขา… (จับความไม่ได้)
ถาม – ตอนที่ต้องกลับออกมา เพื่อวางแผนและอื่น ๆ คุณมั่นใจแค่ไหนว่า จะได้เห็นพวกเขามีชีวิตอีกครั้ง?
โวลันเธน – ผมสัญญากับพวกเขาว่า ผมจะกลับมา แล้วเราก็ทำอย่างที่พูด เรากลับไปพร้อมกับอาหาร ผมมั่นใจอย่างมาก แต่อย่างที่เคยพูดไป การมีชีวิตรอดในถ้ำ กับการมีชีวิตรอดนอกถ้ำ มันเป็นคนละเรื่องกัน เป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจได้ว่า คนเราจะมีความสุขและสุขภาพดีในการอยู่ที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งโดยที่ไม่สามารถออกไปไหนได้ได้อย่างไร ความยากลำบากในการออกมานั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับนักสำรวจถ้ำและนักดำน้ำในถ้ำ คุณต้องออกมาทางเดียวกับทางที่เข้าไป แต่มันเป็นเรื่องที่ยากในการอธิบายให้คนอื่น ๆ ฟัง ทำไมเฮลิคอปเตอร์ หรือ เลเซอร์อวกาศ ถึงไม่สามารถเสกให้คุณออกมาข้างนอกได้
ถาม – ไม่มีทางลัด?
โวลันเธน – ไม่มีทางลัดใด ๆ
ถาม – ลองพูดถึงภาพที่เป็นช่วงที่แคบมาก ๆ ที่คนพูดถึงกันมาก ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อคิดถึงตอนที่ต้องมุดผ่านพ้นช่วงนั้น
โวลันเธน – แผนผังส่วนใหญ่ที่ปรากฏในสื่อไม่ถูกต้อง มีหลายจุดที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งแต่ละจุดใช้เทคนิคต่างกันไปในการหาทางออกมา ทั้งออกมาคนเดียวหรืออุ้มเด็กออกมาด้วย บางครั้ง ถ้าทางที่ผ่านออกมาต่ำมาก คุณอาจจะต้องอุ้มเด็กไว้ที่ด้านข้าง บางจุดที่แคบมาก ต้องดันเด็กไปข้างหน้า ขึ้นอยู่กับถ้ำว่าเป็นอย่างไร และพวกเขาต้องอยู่ตรงไหนกับคุณเพื่อผ่านช่องทางนั้นออกมา ถ้ำไม่ธรรมดาอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่มันเป็น
ถาม – มีเด็ก 12 คน และผู้ใหญ่ 1 คน แล้วคุณทำอย่างไร เด็กอยู่ใต้แขน ว่ายน้ำกับพวกเขา หรือคุณพาพวกเขาออกมาอย่างไร?
โวลันเธน – ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่มีการตื่นตระหนก มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เราโชคดีมากที่มีเด็กไทยที่สโมสรว่ายน้ำในพื้นที่ที่เราได้ฝึกร่วมกับพวกเขาที่สระก่อน เราให้เด็กใส่เสื้อที่เป็นทุ่นลอย(buoyancy compensator) ซึ่งเป็นเสื้อดำน้ำประเภทหนึ่ง ถังอากาศอยู่ที่หน้าอกพวกเขา เราทำเสื้อที่เป็นทุ่นลอยนี้ให้เป็นที่สำหรับใช้ควบคุม ทำให้เรากลายเป็นหน่วยเดียวกันเพื่อให้ควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ เด็กจะมีหน้ากากแบบเต็มใบหน้าแบบพิเศษ ซึ่งช่วยให้หายใจได้ง่ายขึ้น แต่พวกเขาก็ยังคงถูกผูกโยงติดกับเราด้วยเชือก เพื่อพวกเขาจะได้ไม่หลุดหายไป ทำให้เราเคลื่อนย้ายพวกเขาได้ง่ายกว่าการที่มัดตัวพวกเขาติดกับนักดำน้ำโดยตรง
โวลันเธน – เราใช้วัสดุอุปกรณ์จำนวนมากที่หาได้จากจุดนั้นที่มาจากหลากหลายองค์กร เราสร้างบังเหียนติดอยู่บนเสื้อพยุงตัวในน้ำของกองทัพเรือไทย เรารัดถังอากาศไว้ที่ด้านหน้าเด็ก พวกเขาสวมหน้ากากเต็มใบหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้มั่นใจว่าพวกเขาหายใจได้ง่ายกว่าการใช้เรกูเลเตอร์ (อุปกรณ์ช่วยหายใจใต้น้ำ) ที่ปากมาก เรามีที่จับที่ติดอยู่ที่ด้านหลังเด็ก คุณต้องพาคนออกมาด้วยการคว่ำหน้าลงเสมอ น้ำจะได้ออกจากหน้า เราเคลื่อนย้ายพวกเขาแบบนั้น แต่พวกเขาก็ยังคงถูกผูดยึดไว้กับพวกเรา เพื่อที่ถ้าพวกเขาหลุดไปในช่วงที่วิสัยทัศน์ย่ำแย่ เราจะได้หาตัวพวกเขากลับคืนมาได้ในทันที

ถาม – คุณดันพวกเขาออกมา เหมือนกับรถเข็นเหรอครับ
โวลันเธน – ย้ำอีกครั้งครับ มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำเกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์ นั่นจำเป็นต้องทำด้วยความเคารพและระมัดระวังอย่างสมควร แต่ถ้าอธิบายให้เห็นภาพ ก็คงน่าจะเหมือนกับถุงช้อปปิ้งมากกว่า บางครั้งคุณก็ถือมันไว้ติดกับหน้าอกถ้าทางแคบและลึก แต่ถ้าต่ำและกว้างก็ถือไว้ด้านข้าง พาเขาผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่อยู่ในเส้นทาง
ถาม- ผมคงจะตระหนกมาก คุณทำให้พวกเขาไม่ตื่นตระหนักได้อย่างไร?
ตอบ – คุณหมอแฮร์รี แพทย์ชาวออสเตรเลีย มีวิธีการปฏิบัติต่อคนไข้ดีมาก ผมพบว่า สำเนียงออสเตรเลียนของเขาทำให้คนตลก และเด็ก ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้ว่า เขาเป็นคนตลกด้วย เขาเยี่ยมมากและผ่อนคลายมาก
ถาม – คุณไม่ใช่คนที่ชอบตื่นตระหนัก ใช่ไหม?
โวลันเธน – ไม่ครับ ผมไม่ใช่คนที่ชอบตื่นตะหนก ไม่เลย อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น?
ถาม – คุณนิ่งมาก ไม่น่าเชื่อ แต่ก็มีช่วงเวลาที่น่าเศร้า ตอนที่นักดำน้ำไทยเข้าไป และเสียชีวิต
โวลันเธน – ตอนนั้น ผม… อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของสมาน และญาติของเขาอีกครั้ง น่าเสียดาย เพราะการกู้ภัยประสบความสำเร็จ แต่มันก็เรื่องสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามาก
ถาม – คนทั้งโลกเฝ้าตามติดเรื่องนี้ คุณรู้หรือเปล่า?
โวลันเธน – ผมมั่นใจว่า คุณรู้ดีว่า เราไม่สนใจสื่อในพื้นที่หรือการรายงานของสื่อไทย ในช่วงที่ปฏิบัติการคืบหน้ามากขึ้น ทางไทยได้กันพวกเขาออกไปให้ห่างจากเรา นั่นทำให้เราสบายใจมาก



ข้อมูลโดย BBC THAI – 15 กรกฎาคม 2018