เอเจนซี่ ขอแจง! หลัง นักร้องสาว ศัลยกรรมหวิดดับ พาดพิงถึง ชี้ เรียกเงินเยียวยาสูง 60 ล้าน?!



หลังจากที่กลายเป็นข่าวดัง สำหรับกรณีที่ เมย์ จีระนันท์ กิจประสาน อดีตนักร้องชื่อดัง เจ้าของเพลง ‘คนเดียวไม่เหงาเท่า 3คน' บินผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในเกาหลีใต้ ด้วยราคา 8 แสนบาท แล้วเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด-หนองทะลัก-ติดเชื้อในกระแสเลือด-โอกาสรอด 10% ทำให้ต้องนอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลในไทยนานกว่า 5 เดือน พร้อมเรียกร้องให้เอเจนซี่และโรงพยาบาลรับผิดชอบเงิน 60 ล้าน

ล่าสุด มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Russarin Chusinkawiphat ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงโดยระบุว่า "ขอชี้แจ้งเนื่องจากกรณีข่าวการทำศัลยกรรมที่พาดพิงมาถึงตัวอุ้ม ในเรื่องของคุณเมที่มาทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลเกาหลีเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว



อุ้มจะพูดความจริงในส่วนของอุ้มบ้าง
**ในการชี้แจงครั้งนี้ อุ้มจะไม่พูดถึงเรื่องการแพทย์ใดๆ เพราะทางโรงพยาบาลเกาหลีจะออกมาชี้แจงเองนะคะ**

ตัวอุ้มเองทำงานในนามบริษัทเกาหลี ที่นี่อยู่แล้ว
เริ่มต้นจากคุณเมติดต่อเข้ามาหาอุ้ม ว่าอยากเสริมหน้าอกในช่วงเดือนธันวาคม 2560 คุณเมได้เอ่ยถึงชื่อคุณหมอรีเเละแจ้งว่ามีเพื่อนของคุณเมมาแก้ไขหน้าอกกับคุณหมอและพอใจ คุณเมจึงสนใจอยากทำ คุณหมอรีเป็นคุณหมอที่ถนัดทำศัลยกรรมหน้าอกอยู่แล้ว หน้าอกของอุ้มเองก็ทำกับหมอรี เพื่อนของอุ้ม , model , net idol และเคสอื่นๆอีกมากมายก็ทำกับคุณหมอรีเช่นกัน



เริ่มต้นด้วยการเข้ารับการปรึกษาครั้งแรกกับคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล (วันที่ 19 ธันวาคม 2560) โดยคุณเมได้สอบถามปัญหาที่ไม่พอใจในแต่ละส่วนกับคุณหมอเอง ซึ่งคุณหมอจะแนะนำว่าแก้ไขได้ไหม แก้อย่างไร และมีจุดไหนที่ทำแล้วสวยขึ้นบ้าง สุดท้ายคุณเมตัดสินใจเองที่จะเสริมหน้าอกและทำตา โดยไม่ได้มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้นจากอุ้ม และคุณเม ได้จ่ายชำระเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดกับโรงพยาบาลโดยตรง ไม่ได้จ่ายผ่านอุ้ม หลังจากนั้นก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 21 ธันวาคม 2560

...ตั้งแต่ทราบว่าเกิดปัญหาเมื่อคุณเมกลับมาประเทศไทย อุ้มมีความเครียดเเละความกังวลอย่างมากที่สุด เพราะคุณเมต้อง admit โรงพยาบาล โดยอุ้มเป็นคนสอบถามคุณแม่ของคุณเมว่าอยากย้ายไปทำการรักษาที่อื่นไหมเเละรพ.เกาหลี จะออกค่าใช้จ่ายการรักษาของคุณเมให้ทั้งหมด



กล่าวย้อนไป..อุ้มติดตามอาการของคุณเมมาโดยตลอดและส่งเรื่องให้ทางโรงพยาบาลเกาหลีทุกครั้ง อุ้มไม่เคยทิ้งขว้าง ถ้าตอบช้าในบางครั้งก็เพราะต้องรอคำตอบกลับจากโรงพยาบาลเช่นกัน โดยทุกคำตอบต้องได้รับการคอนเฟิร์มจากแพทย์เจ้าของเคสจึงจะตอบกลับไปได้ เมื่อเหตุการณ์มาถึงช่วงที่คุณเมต้องผ่าเอาซิลิโคนที่หน้าอกออก อุ้มเสียใจอย่างมากและอุ้มก็พยายามพูดคุยสอบถามอาการของคุณเมผ่านคุณแม่เกือบทุกวัน เเละเเจ้งว่าหากไม่สบายใจตรงไหน อยากเปลี่ยนโรงพยาบาลก็สามารถบอกอุ้มได้เลยอุ้มจะคอยประสานงานให้ เเละยังให้คนไปเยี่ยมอาการ ทั้งที่โรงพยาบาลแรกและโรงพยาบาลที่สองอยู่เสมอ

คุณเมได้รับการรักษาจนมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆโดยคุณหมอแจ้งว่าปลอดภัยเเล้ว คุณแม่ของคุณเมจึงได้นัดทำการเจรจาเเละเดินทางมาด้วยตนเองที่สุวรรณภูมิ และยังมีตัวแทนของอุ้มเข้าร่วมรับฟังการเจรจาในครั้งนั้นด้วย โดยในการเจรจานั้นฝ่ายคุณเมได้เรียกร้องค่าเสียหายรวมแล้วคือ จำนวนเงินทั้งหมด 60,000,000 บาท (หกสิบล้านบาทถ้วน) และยืนยันว่าต้องได้เงินจำนวนนี้ ซึ่งทางฝ่ายของคุณเม แจ้งว่าเป็นค่าสูญเสียรายได้จากการทำงานและค่าเสียหายในการทำธุรกิจที่ไม่สามารถทำงานได้เป็นเวลานาน รวมถึงค่าเยียวยาจิตใจ

เมื่อมีการเรียกร้องเงินจำนวน 60,000,000 บาท (หกสิบล้านบาทถ้วน) เกิดขึ้น ตัวแทนของโรงพยาบาลเกาหลีจึงต้องกลับไปประชุมหารือก่อนแล้วจะแจ้งกลับในภายหลัง ซึ่งในระหว่างนั้นอุ้มก็ทำการต่อรองเเละขอเจรจากับทางโรงพยาบาลเกาหลีถึง 2 ครั้ง เพื่อขอให้ได้เงินตามที่คุณเมต้องการ


หลังจากนั้นไม่นานโรงพยาบาลเกาหลีก็แจ้งกลับไปทางคุณเมว่าไม่สามารถให้ค่าชดเชยได้ครบ 60,000,000 บาท (หกสิบล้านบาทถ้วน) ตามที่ขอมา แต่ขอชดใช้ใน 3 ประการ ดังนี้

1.คืนเงินค่าทำหน้าอก 14,700,000 วอน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 441,000 บาท (สี่เเสนสี่หมื่นหนึ่งพันบาทถ้วน)

2.จ่ายค่าเสียโอกาสในการทำงาน 40,000,000 วอน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,200,000 บาท (หนึ่งล้านสองแสนบาทถ้วน)

3.จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณเม ทั้ง 2 โรงพยาบาลในไทย จำนวน 1,468,641 บาท (หนึ่งล้านสี่แสนหกหมื่นแปดพันหกร้อยสี่สิบเอ็ดบาทถ้วน) โดยได้ชำระกับโรงพยาบาลนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



หลังจากที่โรงพยาบาลได้แจ้งคุณเมว่าจะจ่ายตาม 3 ข้อข้างต้น ทางคุณเมยืนยันขอเรียกร้อง 60,000,000 บาท (หกสิบล้านบาทถ้วน) ตามจำนวนเดิม โดยไม่ขอลดหย่อนใดๆ ซึ่งอุ้มก็ยังกลับมาขอพบโรงพยาบาลด้วยตัวเองอีกเป็นครั้งที่สามเพื่อช่วยต่อรองให้คุณเม แต่ทางโรงพยาบาลเกาหลีก็แจ้งกลับมาว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ จนท้ายที่สุดคุณแม่ของคุณเมแจ้งอุ้มว่าจะไม่ขอรับขอเสนอใดๆอีกต่อไป

เมื่อไม่นานมานี้ คุณเมได้ให้ทนายส่งเอกสารเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ มายังอุ้มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เเละหลังจากนี้ทางอุ้มเอง ก็คงต้องขอให้เป็นเรื่องของทางกฎหมายดำเนินต่อไป



อุ้มทำงานนี้มาหลายปี มีคนมาให้อุ้มดูแลมากมาย ซึ่งเป็นคนที่ทำแล้วพอใจก็แนะนำบอกกันปากต่อปากเป็นส่วนใหญ่ อุ้มได้พยายามตั้งใจทำงานอย่างที่สุดและรับผิดชอบสุดความสามารถของอุ้มเสมอ

สุดท้ายนี้อุ้มก็ได้ชี้แจงความจริงในส่วนของอุ้มแล้ว อยากให้ทุกคนลองฟังอีกมุมหนึ่งเท่านั้น อุ้มเป็นคนไทยและรักประเทศไทยค่ะ ตลอดหลายปีที่อยู่ที่นี่ ก็ไม่เคยคิดว่าจะไม่ช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเลย แต่บางอย่างมันเกินกำลัง อุ้มก็พยายามเต็มที่ ที่สุดแล้ว เพื่อรักษาสิทธิให้สาวๆในทุกกรณี

ขอขอบคุณสำนักข่าวทุกสำนักที่ให้ความสนใจและที่สำคัญที่สุดคือ กำลังใจจากกัลยาณมิตร เเละลูกค้าที่น่ารักทุกท่านที่คอยถามไถ่และให้กำลังใจกันเข้ามาตลอดนะคะ

ขอบคุณมากๆค่ะ
อุ้ม รัสรินทร์"


ขณะ เมโพสต์ ล่าสุดด้วยว่า "เมรู้สึกว่าทางรพ. เห็นชีวิตเมไม่มีค่าเลย ดูถูกกันมาก นับตั้งแต่วันที่เมตัดสินใจ ไปทำศัลยกรรมที่รพ.เค้า ชีวิตเม ได้ฝากไว้กับหมอลี เมเชื่อมั่น ไว้ใจ ทุกคน ทั้งคุณหมอ และเอเจนท์ บอกให้เมทำอะไร เมก็ทำตามที่เค้าสั่งมาโดยตลอด แม้กระทั่ง วันที่เมได้รู้ว่า ชีวิตตัวเอง แขวนอยู่บนความเป็นความตาย เมก็ยังคงเชื่อและไว้ใจเค้า ให้เค้ากำหนดชีวิตของเมมาโดยตลอด

วันนี้เมรอดมาได้ เมขอกำหนดคุณค่าชีวิตตัวเอง ถ้าเมรับเงินจำนวนที่เค้าเสนอมา เค้าทำเหมือนกับว่า โยนเงินมาให้เม เอาก็เอา ไม่เอาก็ไปฟ้องเอาเอง(ที่เกาหลี) เมรับไม่ได้ค่ะ และคงรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไร้ค่า เมคงไม่รู้สึกเคารพตัวเองไปตลอดชีวิต

เมขอเลือกที่จะไม่รับเงินจำนวนนั้น และเอาบทเรียนของเม ให้เป็นอุทาหรณ์ ป้องกัน ไม่ให้ใครต้องมาสูญเสียเจ็บปวดแบบเมอีก

60 หรือ 20 ล้าน อยากถามว่า มันคุ้มมั้ย? กับการที่ต้องแลกด้วยชีวิต และความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน"