สืบเนื่องจากกรณีการระดมกำลังค้นหาทีมฟุตบอลเยาวชนและครูฝึกสอน 13 คน ที่พลัดหลงและติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย. 61 ท่ามกลางความหวังของญาติ ๆ ที่ปักหลักรอข่าวดีอยู่บริเวณหน้าถ้ำ จนกระทั่งในเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 61 เวลา 22.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่าได้รับสัญญาณจากชุดปฏิบัติการว่า เจอผู้สูญหายทั้ง 13 ชีวิต โดยทุกคนปลอดภัย อยู่ห่างจากเนินพัทยาภายในถ้ำหลวงประมาณ 400 เมตร
นายวัธนกุล มังคลรังษี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา โครงการทำอาหารไทยไปอวกาศ เปิดเผยว่า อาหารที่ใช้สำหรับนักบินอวกาศเป็นอาหารที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งราคากิโลกรัมละ 3 ล้านบาท ดังนั้น อาหารที่นำขึ้นไปใช้สำหรับนักบินอวกาศจะต้องมีขนาดที่ค่อนข้างกะทัดรัด ซึ่งอาหารอวกาศที่ถูกจัดทำขึ้นมามี 3 ประเภท คือ อาหารชนิดอบแห้ง อาหารชนิดผง และอาหารประเภทน้ำ เช่น น้ำต้มยำ และน้ำผัดไทย ซึ่งอาหารอวกาศที่จัดทำขึ้นผ่านการปรุงถนอมอาหาร และการฆ่าเชื้อแล้วหลายขั้นตอน มีสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และสามารถเก็บไว้ได้นาน 2 ปี
ซึ่งอาหารอวกาศที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สําหรับนักบินอวกาศ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ช่วยเหลือทีมนักกีฬาฟุตบอลและโค้ชทั้ง 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงได้ เพราะอาหารอวกาศสามารถรับประทานได้ทันที
โดยต้นทุนการผลิตอาหารอวกาศ ที่ส่งให้กับนักบินอวกาศมีต้นทุนค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้ แต่หากนำเทคโนโลยีในการผลิตอาหารอวกาศเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในถ้ำ หรือสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหน้า ก็อาจจะมีการปรับต้นทุนการผลิตให้ลดลงมาได้ โดย 1 ซอง จะตกอยู่ที่ราคาหลักสิบ แต่ไม่ถึงหลักร้อย
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า หากหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือ และกลุ่มนักกีฬาฟุตบอลและโค้ชทั้ง 13 คน ต้องการให้นำอาหารอวกาศไปช่วยสนับสนุน ตนก็ยินดีมอบอาหารอวกาศ เข้าไปช่วยสนับสนุนภารกิจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
รับชมวิดีโอได้ที่นี่
ที่มา : amarintv.com