ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา
เพราะเต็มไปด้วยวัดวาอารามมากมาย นับกันไม่หวาดไม่ไหว
ในแต่ละวัดก็จะมีจุดเด่นต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพระประธาน พระอุโบสถ เจดีย์
วิหาร ฯลฯ นอกจากนี้บางวัดในต่างจังหวัด
ยังตั้งอยู่ในบริเวณที่มีทัศนียภาพสุดแสนตระการตา เราเลยขอพาท่านไปพบกับ
10 วัดบนเขา สุดอันซีนในเมืองไทย ที่คุณต้องไปสักครั้ง
1. วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
ภาพจาก : pantip.com
วัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่ มีความสวยงาม มหัศจรรย์
และเป็นที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานที่น่าสนใจ สภาพโดยทั่วไปของ
วัดถ้ำเสือมีลักษณะ เป็นสวนป่า เป็นโพรงถ้ำ มีเพิงผาและแหล่งถ้ำธรรมชาติ
เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำงู ถ้ำเต่า ถ้ำมือเสือ
สิ่งสำคัญใน “วัดถ้ำเสือ”
นั้นที่ดูเหมือนจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดและ
เป็นที่นิยมชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
วัดถ้ำเสือ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 9 กิโลเมตร
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านถ้ำเสือ ตำบลกระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่
พื้นที่บริเวณวัดประมาณ 200 ไร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ราบ หุบเขาและยอดเขา
การเดินทาง จากตัวเมืองกระบี่ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกตลาดเก่า
ใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เส้นทางอำเภอเหนือคลอง
เลี้ยวซ้ายที่สามแยกถ้ำเสือไปตามถนนราษฎรพัฒนา (ทางหลวงหมายเลข 4037)
ไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางอย่างชัดเจน
2. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์
ภาพจาก : thetrippacker.com
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่ที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
เป็นวัดที่มีความโดดเด่นอลังการไม่เหมือนใคร นอกจากทิวทัศน์สวยๆ
ของทะเลภูเขารายรอบและทะเลหมอกสีขาวแล้ว ก็คือสีสันอันสดใส
ที่เกิดจากการนำกระเบื้องสีถ้วยชามเบญจรงค์มุกลูกปัดแก้วแหวนเงินทอง
สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน
มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม
เมื่อยามต้องแสงแดดทั่วทั้งอาณาบริเวณจะสะท้อนประกายงดงามราวกับวัดบนสรวงสวรรค์
เป็นสถานที่อันสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การไปเยือน
การเดินทาง จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านจ.สระบุรี
และจ.ลพบุรีจากนั้น เลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 12
บริเวณแยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ขับตรงไปเรื่อยๆทางที่จะไปแยกแคมป์สน
มีจุดสังเกตคืออบต. แคมป์สนอยู่ขวามือ
ขับตรงไปกลับรถทางเข้าวัดจะอยู่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านทางแดงข้างๆ
อบต.แคมป์สน
3. วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จ.ลำปาง
ภาพจาก : pantip.com
แหล่งท่องเที่ยวอันซีนของจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม
กับจุดชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศา ณ
วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์
ที่จะทำให้คุณได้ยลโฉมวิวสวยอลังการของอำเภอแจ้ห่ม เห็นลำน้ำแม่สอย
แม่มอญและแม่วัง ขนานไปกับบท้องนาเขียวขจี
โดยมีภูเขาดอยปู่ยักษ์ทอดแนวยาวสุดสายตา
ซึ่งจากบริเวณวัดต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อแล่นขึ้นไปที่จอดรถที่เรียกว่าดอยภูผาหมอก
จากนั้นเดินต่อขึ้นไปบนจุดทิวทัศน์สูงสุดคือยอดดอยภูผาโชค
รวมระยะทางประมาณ 1 กม. แม้หนทางอาจจะลำบากสักนิด
แต่สิ่งที่ได้รับกลับคุ้มค่าเกินคำบรรยาย
4. วัดเจติยาคีรีวิหาร จ.บึงกาฬ
ภาพจาก : welovetogo.com
สถานที่อันแสนเงียบสงบ “วัดภูทอก” หรือ “วัดเจติยาคีรีวิหาร” นี้คือ
สถานที่ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม
ที่แวดล้อมอยู่แฝงไว้ซึ่งเสน่ห์ทางธรรม สะพานไม้
และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอก แบบ 360 คือ
มนต์เสน่ห์แห่งดินแดนธรรมอันเงียบสงบแห่งนี้
ที่สะกดให้นักท่องเที่ยวหลงใหลในความงดงาม มีทั้งหมด 7 ชั้นจากชั้น 1 –
ชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก
และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไป
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแบบสะพานเวียนรอบเขา
ซึ่งจะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไปเรื่อยๆ
ทางหลวงหมายเลข 222 ไปทางอำเภอศรีวิไล
มีป้ายบอกทางเป็นระยะอยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 50 กิโลฯ วัดภูทอก
อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล ภูทอกมี 2 ลูก คือ
ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย
ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้ คือ ภูทอกน้อย
ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไปยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม
5. วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี
เดิมเป็นสถานปฏิบัติธรรมบนเขาซึ่งเรียกกันในท้องถิ่นว่าเขาอีกิม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2507 ชาวบ้านได้นิมนต์พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย
และภิกษุสามเณรจากสำนักสงฆ์เนินดินแดงซึ่งอยู่ไม่ไกล มาจำพรรษาบนเขาอีกิม
พระอาจารย์สมชายได้พัฒนาวัดจนเป็นวัดใหญ่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและเปลี่ยนชื่อเป็นเขาสุกิม
นอกจากนี้ยังได้สร้างโรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิมและโรงพยาบาลวัดเขาสุกิมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะด้วย
พิพิธภัณฑ์วัดเขาสุกิม อยู่บนชั้น 3 ของตึก 60
ปีเฉลิมพระเกียรติเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุจำนวนมาก
เช่นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทั้งที่ด้วยศิลาและสำริด
เครื่องถ้วยกระเบื้องจีนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ นอกจากนี้ก็มีขวานหิน ฆ้อง
หม้อ ไห มีด ดาบ เครื่องประดับสำริด กระต่ายขูดมะพร้าว เป็นต้น
6. วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม จ.นครราชสีมา
ภาพจาก : thailovetrip.com
วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
ตั้งอยู่บริเวณเขาสีเสียดอ้า หมู่บ้านกลางดง
เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธสกลสีมามงคล
เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ชาวบ้านทั่วไปมักเรียกว่า หลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อใหญ่
เป็นพระพุทธรูปในพระอิริยาบทนั่งปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่
สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก โดดเด่นอยู่บนยอดเขาสูง มีบันไดทางขึ้น ๑,๒๕๐
ขั้น หมายถึง จำนวนพระอรหันต์ที่ไปชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายในวันมาฆบูชา
ถือว่ามีความหมายในการสร้างสุดๆ
7. วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี
ภาพจาก : nongwa2557.blogspot.com
วัดป่าภูก้อน เกิดขึ้นจากพุทธบริษัท
ที่ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งกำลังถูกทำลาย
และเพื่อตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในการรักษาความสมบูรณ์ของป่าไม้ต้นน้ำลำธาร สัตว์ป่า และพรรณไม้นานาพันธุ์
ให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยคู่กับแผ่นดินไทย วัดป่าภูก้อน
จะเป็นสถานที่ที่สงบเหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนาของพระสายกรรมฐาน
ภายในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุ ในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา
ซึ่งเป็นประธานประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์
มีพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน
ทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี
วัดป่าภูก้อนตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง และป่าน้ำโสม
ท้องที่บ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง เป็น รอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ
อุดรธานี เลย และหนองคาย อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุดรธานี 124 กิโลเมตร
ไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ถึงกิโลเมตรที่ 13
เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2021 (อุดรธานี-บ้านผือ) ไปยังบ้านนาคำใหญ่
อำเภอนายูง
8. วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ พุทธคยาจำลอง จ.นครสวรรค์
ภาพจาก : pantip.com
วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ เป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ความสวยงามแปลกตาของวัดแห่งนี้ คือการสร้างวัดเป็นรูปเรือหลวงบนยอดเขา
ซึ่งสื่อความหมายถึง
พาหนะที่จะช่วยให้พ้นห้วงกิเลสภายในวัดประดิษฐานเจดีย์ศรีพุทธคยาซึ่งจำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยาจากประเทศอินเดีย
ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกรวย ส่วนยอดเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ
ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น ซึ่งมีความสวยงามดูแปลกตา บริเวณรอบๆ
เจดีย์จะมีพระพุทธรูปปางประทับยืน และประทับนั่งอยู่ทั่วไป
บริเวณชั้นบนสุดยังเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วย
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ เดินทางมุ่งหน้า อ.ตาคลี นครสวรรค์
ถึงกองบินสี่ เจอแยกไปหัวหวาย (ทางหลวงแผ่นดิน 3329) เลี้ยวซ้าย
ขับรถไปเรื่อย ๆ จะเจอสี่แยกตัดกันกับเส้นตากฟ้า-ท่าตะโก ให้ตรงเข้าไป
ขับรถผ่านหมู่บ้านทาง รพช.
มีป้ายบอกตลอดทางจะเห็นภูเขาอยู่ด้านหน้าประมาณห้า กม.จากแยกก็จะถึงวัด
9. วัดถ้ำเขาวง จ.อุทัยธานี
ภาพจาก: board.trekkingthai.com
วัดถ้ำเขาวง หากมองจากภาพถ่ายเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า เป็นรีสอร์ทสวยๆ
ที่ไหนสักแห่ง แต่ความจริงแล้วที่นี่คือ “วัด” โดยวัดแห่งนี้เป็นอาคาร 4
ชั้น ออกแบบลักษณะเรือนไทย ยกใต้ถุน แบ่งสัดส่วนการใช้งานเป็น 4 ส่วน คือ
ใต้ถุนเป็นลานเอนกประสงค์และร้านขายของ , ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร , ชั้นที่ 3
เป็นกุฏิ และ ชั้นที่ 4 จะเป็นโบสถ์สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า
มีความงดงามมาก บริเวณโดยรอบก็มีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม ร่มรื่น
มีฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน บริเวณด้านหน้ามีสวนไม้ดัด
และบ่อน้ำซึ่งมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ห่างจากตัววัดไปทางด้านหลังจะมีถ้ำอยู่ประมาณ 7-8 ถ้ำ
บางถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ บางถ้ำเป็นถ้ำค้างคาว
และบางถ้ำก็มีหินงอกหินย้อยให้ชมกัน
การเดินทาง : จากตัวเมืองอุทัยธานี มุ่งหน้าสู่ตำบลบ้านไร่
ห่างจากอำเภอไปราว 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3011
ผ่านทางโค้งศาลเจ้าพ่อเขารักแล้วมาตัดกับสามแยกให้เลี้ยวขวาไปประมาณ 6
กิโลเมตร จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เขาวง ประมาณ 8
กิโลเมตรถึงทางแยกเข้าไปอีก 300 เมตร ทางค่อนข้างจะลาดชันขึ้นทีละน้อย
เส้นทางอ้อมโค้งเป็นหน้าผาต้องไต่ไปตามซอกเขา
10. วัดทางสาย พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ จ.ประจวบคีรีขันธ์
yaipearn.blogspot.com
วัดทางสาย หรือวัดเขาธงชัย เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ภักดีประกาศ
เจดีย์ที่มีความสวยงามอลังการ ด้วยการไล่ระดับ 5 ชั้น เจดีย์สีทองอร่ามอีก 9
ยอด อีกทั้งยังสามารถชมทิวทัศน์ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยสุดงามได้อีกด้วย
วัดนี้สร้างขึ้นในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9
เป็นอีกความหมายว่าทำไม่เจดีย์ถึงมี 9 ยอด ส่วน 5 ชั้น นั้นหมายถึง ขันธ์ 5
ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา
วัดทางสาย ตั้งอยู่ที่ ม.9 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
มีลักษณะคล้ายเต่ายื่นลงไปในทะเล อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 อ่าว คือ
อ่าวบ้านกรูดและอ่าวบ้านทางสาย มีความสูงจากน้ำทะเลถึงยอดเขา 110 ฟุต
มีถนนขึ้นสู่ยอดเขาโดยสะดวก ระยะทาง 1 กิโลเมตร ห่างจากสถานีรถไฟบ้านกรูด 4
กิโลเมตร ห่างจากถนนเพชรเกษม 12 กิโลเมตร
ขอบคุณแหล่งที่มา : Travel MThai, rugyim