นางเบญจมาศ สังฆมณี ภรรยา เปิดเผยว่า เริ่มจากตนสนใจปลูกเมล่อนขาย เพื่อเป็นรายได้มาจุนเจือครอบครัว เนื่องจากเป็นผลไม้ที่กำลังได้รับความนิยม รวมทั้งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย จึงปรึกษาสามีเพื่อขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ใช้พื้นที่บริเวณแปลงเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ของกองพลทหารช่าง 202 ทำโรงเรือนปลูก
ซึ่งได้รับอนุญาตด้วยดี จึงได้เริ่มลงทุนสร้าง โดยใช้พื้นที่ประมาณ 6*10 เมตร ทำมาประมาณ 3 ปีแล้ว ครั้งแรกได้ทดลองปลูกเป็นเมล่อนญี่ปุ่น เมื่อเก็บผลผลิตมาต้องไปหาตลาดเพื่อทำการขายเอง จึงมีคนติดต่อให้ปลูกเมล่อนเกาหลี เนื่องจากในไทยเมล่อนเกาหลียังไม่เป็นที่นิยม ถ้าทดลองปลูกแล้วได้ผลผลิตดี เป็นที่น่าพอใจจะมารับซื้อถึงสวนโดยตรง ตนจึงสนใจ
นางเบญมาศกล่าวอีกว่า เมื่อทดลองปลูกแล้วพบว่า ผลผลิตที่ได้ใกล้เคียงกับเมล่อนที่ปลูกในประเทศเกาหลีอย่างมาก ซึ่งสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นสายพันธุ์ชาแมร์ ดูแลง่าย ระยะเวลาในการปลูกประมาณ 2 เดือนจึงได้ผลผลิต สามารถปลูกได้ประมาณ 170 ต้น ต่อ 1 โรงเรือน
เมื่อผลเมล่อนโตจนเป็นสีเขียว จะยังไม่สามารถรับประทานได้ เนื่องจากมีรสขม ผลเมล่อนจะรับประทานได้เมื่อสุกแล้ว ดูได้จากผลกลายเป็นสีส้ม มีรสหวาน เอกลักษณ์ของเมล่อนพันธุ์ชาแมร์นี้ จะรับประทานได้ทั้งเมล็ด หากเอาเมล็ดออกจะมีรสชาติหวานน้อย เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมความหวานในร่างกาย เมื่อกินพร้อมเมล็ดจะหวานอร่อยมากขึ้น
“เมื่อเก็บผลผลิตแล้วจะทำความสะอาดโรงเรือน และกระถางปลูกต่างๆ ก่อนปลูกใหม่อีกครั้ง ปีหนึ่งสามารถปลูกได้ 4-5 ครั้ง ผลผลิตที่ได้มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากถึง 1 กิโลกรัมต่อหนึ่งผลเมล่อน แต่ละครั้งสามารถเก็บได้ถึง 180 กิโลกรัม เป็นรายได้จำนวน 16,000 บาทต่อครั้งเลยทีเดียว” นางเบญจมาศ กล่าว
แหล่งที่มา: เส้นทางเศรษฐี