จบไปแล้วตอนที่12 ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
และน่าติดตามเป็นอย่างมากสำหรับ ละคร บุพเพสันนิวาส ที่ล่าสุด
เป็นฉากเดินทางของคณะราชทูตโดยใช้เรือกำปั่นในการไปเจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่
14 แห่งฝรั่งเศส และมีอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ได้ร่วมเดินทาง
ในครั้งนี้ด้วยนั้นก็คือ “พระอาจารย์ชีปะขาว”
ซึ่งเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าเก่งทางวิปัสสนาและมีพลังจิต
และเป็นอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) อีกด้วย โดยแฟนเพจเฟสบุ๊ค
“ฅนขลัง คลังวิชา”
ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ในช่วงที่คณะราชทูตเดินทางไปฝรั่งเศสไว้อย่างน่าสนใจ
ว่า พระยาโกษาธิบดีปานได้เชิญอาจารย์ผู้มีวิชา
ให้เดินทางไปพร้อมคณะด้วยผู้หนึ่ง
อาจารย์ฆราวาสผู้นี้มีพลังจิตแก่กล้าเก่งทางวิปัสสนา
ชำนาญในด้านกสิณยิ่งนัก แต่จำต้องเป็นนักเลงสุราด้วย
(เมืองนอกอากาศหนาวต้องดื่มสุรา)
เมื่อคณะเดินทางด้วยเรือกำปั่นแล่นไปในท้องทะเลนานถึง ๔ เดือน
เมื่อถึงปากน้ำประเทศฝรั่งเศส
บังเอิญเกิดพายุใหญ่พัดพาเอาเรือกำปั่นของคณะราชทูตสยาม
เข้าไปตกอยู่ในวังน้ำวนอยู่นานถึง ๓ วัน ๓ คืน
ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นออกมาได้
ทุกฅนที่ไปในกำปั่นต่างตกใจกลัวว่าเรือกำปั่นจะล่มลงเสียในทะเล
ตามปกติไม่ว่าเรือใดตกเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งวังน้ำวนแล้ว
เป็นต้องถูกดูดจมลงไปอยู่ก้นทะเลทุกลำ
โกษาปานจึงปรึกษากับอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมว่าจะคิดแก้ไขอย่างไร
ให้เรือหลุดพ้นออกมาจากวังน้ำวนได้
อาจารย์ผู้เรืองเวทย์บอกว่าไม่ต้องตกใจตนจะแก้ไขเหตุนี้ให้เอง
แล้วตัวอาจารย์ก็จัดแจงนุ่งขาวห่มขาว นำเครื่องสักการะธูปเทียนมาบูชา
เข้าสมาธิทำกรรมฐานเจริญวาโยกสิณ (ลม)
ครู่หนึ่งปรากฏมีพายุใหญ่หอบเอาเรือกำปั่น
ให้หลุดพ้นออกมาจากวังน้ำวนได้อย่างอัศจรรย์น่าประหลาดใจ
เรือแล่นเข้าเทียบท่าเรือเมืองฝรั่งเศสอย่างสะบักสะบอม
แล้วคณะราชทูตก็เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส
ทรงรับสั่งถามว่าระหว่างเดินทางเรืออยู่ในทะเลประสพเหตุใดบ้าง
โกษาปานกราบทูลว่าเรือตกอยู่ในวังน้ำวนนานถึง ๓ วัน ๓ คืน
แต่เรือพ้นออกมาได้ด้วยมีอาจารย์ดีมาด้วยผู้หนึ่ง
จึงทำรอดเหตุการณ์ร้ายนั้นมาได้อย่างอัศจรรย์
พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสสงสัยในพระทัยยิ่งนักว่าหลุดพ้นมาได้ย่างไร ?
เพราะไม่เคยปรากฏว่ามีเรือกำปั่นลำใดที่ตกเข้าไปในวังวนแล้วจะหลุดรอดออกมาได้
จึงทรงให้ล่ามซักถามโกษาปานอีกว่าเป็นจริงหรืออย่างไร
โกษาปานทูลตอบว่าเป็นความจริงทุกประการ ถามผู้เดินทางมาในคณะก็ยืนยันตรงกัน
พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสเห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก