แท้จริงแล้วตัวเองเป็น "นิสัยเทวดาทำบุญ" หรือ "นิสัยเปรตทำบุญ" เช็กให้ชัวร์ก่อนเป็น "เปรต" โดยไม่รู้ตัว
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอนวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี ท่านได้พูดไว้เกี่ยวกับนิสัยของคน เป็นการพูดให้คิด หรือเปรียบเทียบนิสัยของมนุษย์ ว่าเป็นอย่างไร และท่านได้เคยบอกไว้ว่านิสัยเทวดาทำบุญ กับ นิสัยเปรตทำบุญนั้นแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งมันสะท้อนกับสังคมปัจจุบันอย่างมาก ไปดูกันว่านิสัยในการทำบุญของเปรต และเทวดาเป็นยังไง พร้อมทั้ง 17 พฤติกรรม ถ้าทำจะเป็น “เปรต” ....
เทวดากับเปรต อยู่คนละมุมกัน อยู่คนละด้านกัน เทวดาจะไม่ทำบาป จะมีแต่ให้ จะไม่อยากได้อะไร อยากให้ ให้แล้วมีความสุข
เปรตนี้อยากได้ ได้แล้วมีความสุข ได้แบบไม่ถูก ได้ด้วยการทำบาป ด้วยการฉ้อโกง ด้วยการโกหกหลอกลวง ด้วยการลักทรัพย์ ด้วยการฆ่าผู้อื่น อันนี้จะทำให้ใจหิวโหย ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ได้หนึ่งล้านก็อยากจะได้สองล้าน ได้สองล้านก็อยากจะได้สามล้าน อันนี้ก็ทำให้หิวให้อยากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ส่วนคนชอบให้ จะไม่โลภอยากได้ อยากแต่จะให้ ให้แล้วมีความสุข แล้วไม่อยากเบียดเบียนผู้อื่น ไม่อยากทำบาป ทำมาหากินก็ด้วยวิธีสุจริต ได้เงินมามากเกินกว่าจะใช้ได้ก็เอาไปทำบุญทำทาน นี่เป็นลักษณะของเทวดา ไม่ได้หวังจะต้องร่ำรวยมหาศาล แค่ทำมาหากินพออยู่ได้กินได้ ไม่เดือดร้อนก็พอแล้ว นิสัยเทวดาจะเป็นแบบนี้ ไม่โลภ ไม่อยากเกินความจำเป็น ขอให้พอมีพอกิน พอมีเกินกว่านั้นก็เอาไปทำบุญ
เราเคยบิณฑบาตที่กรุงเทพฯ มีร้านขายของอยู่ร้านหนึ่ง วันหนึ่งๆเขาจะใส่บาตรพระเป็น100รูป หุงข้าวหม้อเบ้อเร่อเลย เขาเตรียมใว้ ฐานะเขาก็ไม่ร่ำรวยอะไร มีห้องแถวสองห้อง ขายของอะไรตามปกติ แต่ใจเขาไม่โลภ ใจเขามีความสุขจากการทำบุญ นี่แหละคือลักษณะของเทวดา
พวกที่โลภส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลามาทำบุญ พวกที่เป็นเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน ถามมันเคยใส่บาตรหรือเปล่า ถ้าทำบุญก็ทำแบบเอาหน้าเอาตา ต้องมีการถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ บริษัทของเราได้ทำโน่นทำนี่ อันนี้ไม่ได้ทำเพราะการให้ ทำด้วยความโลภ โลภจะได้ขายของเยอะขึ้น โลภแบบเป็นการโฆษณาแฝงในตัว ประชาสัมพันธ์ การตลาด คนที่ทำบุญด้วยความโลภ มันทำแบบนี้ จึงไม่ได้เป็นเทวดา ก็ยังเป็นเปรตอยู่นั่น เพราะยังโลภยังอยากได้อยู่
***17 พฤติกรรม ถ้าทำจะเป็น “เปรต” ***
1.เป็นคนอิจฉาริษยาคนร่ำรวยและสูงกว่าตน ดูถูกดูแคลนคนยากจนและต่ำกว่าตน
2.ตระหนี่ไม่ทำทาน และยังกีดกันคนที่จะทำทาน
3.นำทรัพย์สินของพระภิกษุและส่วนรวมมาเป็นของตน
4.ติฉินนินทา กล่าวร้ายพระ และครูบาอาจารย์ของตน
5.ยุยงสงฆ์และหมู่คณะให้แตกกัน
6.ให้ยาหญิงมีครรภ์เพื่อทำลายเด็กในครรภ์
7.แช่งด่าคนที่ทำบุญและทำความดีต่อสังคมและพระสงฆ์
8.ใช้อุบายทุจริตในการค้า
9.ประทุษร้ายต่อพ่อแม่
10.ไม่ยอมให้ทานด้วยข้าว และยังสาบานยืนยันว่าไม่มีข้าว ซึ่งเป็นการกล่าวมดเท็จ
11.ลักขโมยของคนอื่นมากิน และสบถสาบานว่าไม่ได้ขโมย
12.กลางคืนถือศีล กลางวันเป็นพราน
13.เป็นเจ้าเมืองหรือผู้ใหญ่ ที่ชอบกินสินจ้างรางวัล
14.ทำบุญด้วยของเหลือเดน
15.ถวายภัตตาหารด้วยเนื้อหมาและเนื้อสัตว์ที่มีเล็บ
16.ข่มเหงรังแกคนยากจน
17.ตัดไม้ทำลายป่าและสัตว์ป่า
ที่มา : kukelee.com ,พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอนวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี ท่านได้พูดไว้เกี่ยวกับนิสัยของคน เป็นการพูดให้คิด หรือเปรียบเทียบนิสัยของมนุษย์ ว่าเป็นอย่างไร และท่านได้เคยบอกไว้ว่านิสัยเทวดาทำบุญ กับ นิสัยเปรตทำบุญนั้นแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งมันสะท้อนกับสังคมปัจจุบันอย่างมาก ไปดูกันว่านิสัยในการทำบุญของเปรต และเทวดาเป็นยังไง พร้อมทั้ง 17 พฤติกรรม ถ้าทำจะเป็น “เปรต” ....
เทวดากับเปรต อยู่คนละมุมกัน อยู่คนละด้านกัน เทวดาจะไม่ทำบาป จะมีแต่ให้ จะไม่อยากได้อะไร อยากให้ ให้แล้วมีความสุข
เปรตนี้อยากได้ ได้แล้วมีความสุข ได้แบบไม่ถูก ได้ด้วยการทำบาป ด้วยการฉ้อโกง ด้วยการโกหกหลอกลวง ด้วยการลักทรัพย์ ด้วยการฆ่าผู้อื่น อันนี้จะทำให้ใจหิวโหย ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ได้หนึ่งล้านก็อยากจะได้สองล้าน ได้สองล้านก็อยากจะได้สามล้าน อันนี้ก็ทำให้หิวให้อยากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ส่วนคนชอบให้ จะไม่โลภอยากได้ อยากแต่จะให้ ให้แล้วมีความสุข แล้วไม่อยากเบียดเบียนผู้อื่น ไม่อยากทำบาป ทำมาหากินก็ด้วยวิธีสุจริต ได้เงินมามากเกินกว่าจะใช้ได้ก็เอาไปทำบุญทำทาน นี่เป็นลักษณะของเทวดา ไม่ได้หวังจะต้องร่ำรวยมหาศาล แค่ทำมาหากินพออยู่ได้กินได้ ไม่เดือดร้อนก็พอแล้ว นิสัยเทวดาจะเป็นแบบนี้ ไม่โลภ ไม่อยากเกินความจำเป็น ขอให้พอมีพอกิน พอมีเกินกว่านั้นก็เอาไปทำบุญ
เราเคยบิณฑบาตที่กรุงเทพฯ มีร้านขายของอยู่ร้านหนึ่ง วันหนึ่งๆเขาจะใส่บาตรพระเป็น100รูป หุงข้าวหม้อเบ้อเร่อเลย เขาเตรียมใว้ ฐานะเขาก็ไม่ร่ำรวยอะไร มีห้องแถวสองห้อง ขายของอะไรตามปกติ แต่ใจเขาไม่โลภ ใจเขามีความสุขจากการทำบุญ นี่แหละคือลักษณะของเทวดา
พวกที่โลภส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลามาทำบุญ พวกที่เป็นเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน ถามมันเคยใส่บาตรหรือเปล่า ถ้าทำบุญก็ทำแบบเอาหน้าเอาตา ต้องมีการถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ บริษัทของเราได้ทำโน่นทำนี่ อันนี้ไม่ได้ทำเพราะการให้ ทำด้วยความโลภ โลภจะได้ขายของเยอะขึ้น โลภแบบเป็นการโฆษณาแฝงในตัว ประชาสัมพันธ์ การตลาด คนที่ทำบุญด้วยความโลภ มันทำแบบนี้ จึงไม่ได้เป็นเทวดา ก็ยังเป็นเปรตอยู่นั่น เพราะยังโลภยังอยากได้อยู่
***17 พฤติกรรม ถ้าทำจะเป็น “เปรต” ***
1.เป็นคนอิจฉาริษยาคนร่ำรวยและสูงกว่าตน ดูถูกดูแคลนคนยากจนและต่ำกว่าตน
2.ตระหนี่ไม่ทำทาน และยังกีดกันคนที่จะทำทาน
3.นำทรัพย์สินของพระภิกษุและส่วนรวมมาเป็นของตน
4.ติฉินนินทา กล่าวร้ายพระ และครูบาอาจารย์ของตน
5.ยุยงสงฆ์และหมู่คณะให้แตกกัน
6.ให้ยาหญิงมีครรภ์เพื่อทำลายเด็กในครรภ์
7.แช่งด่าคนที่ทำบุญและทำความดีต่อสังคมและพระสงฆ์
8.ใช้อุบายทุจริตในการค้า
9.ประทุษร้ายต่อพ่อแม่
10.ไม่ยอมให้ทานด้วยข้าว และยังสาบานยืนยันว่าไม่มีข้าว ซึ่งเป็นการกล่าวมดเท็จ
11.ลักขโมยของคนอื่นมากิน และสบถสาบานว่าไม่ได้ขโมย
12.กลางคืนถือศีล กลางวันเป็นพราน
13.เป็นเจ้าเมืองหรือผู้ใหญ่ ที่ชอบกินสินจ้างรางวัล
14.ทำบุญด้วยของเหลือเดน
15.ถวายภัตตาหารด้วยเนื้อหมาและเนื้อสัตว์ที่มีเล็บ
16.ข่มเหงรังแกคนยากจน
17.ตัดไม้ทำลายป่าและสัตว์ป่า
ที่มา : kukelee.com ,พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต