ลูกกลับจากต่างประเทศไม่ยอมกักตัว สุดท้ายนำเชื้อโควิดมาติดแม่

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการบังคับให้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง กักตัว ป้องการการ นำเชื้อ ไปติดกับผู้อื่น การใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อย ๆ ก็ยังช่วยป้องกันได้


ล่าสุด ทางด้านผู้ใช้เฟสบุ๊ก Opass Putcharoen ได้ออกมาโพสต์เคสผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่น่าสนใจ เป็นอุทาหรณ์เพราะเป็นเคสแม่ติดเชื้อจากลูกที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วไม่กักตัวเอง โดยผู้โพสต์ได้ระบุว่า….


การส่งผ่านเชื้อแบบไม่ได้ตั้งใจให้คนรอบข้าง

การติดต่อของโรคโควิดเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เดิมเคยเชื่อว่าการติดต่อเกิดหลังจากที่คนไข้มีอาการแล้วเหมือนโรค SARS

แต่ข้อมูลในปัจจุบันเชื้อไวรัสนี้อาจติดต่อผ่านได้จากคนที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ หรือก่อนที่จะมีอาการ (asymptomatic transmission และ presymptomatic transmission)ดังนั้นหากกลับมาจากต่างประเทศแม้ว่าไม่มีความผิดปกติอะไรเลยควรกักตัวอย่างเคร่งครัดเป็นเวลา 14 วัน อย่าเข้าใจว่าไม่มีอาการคือไม่ติดเชื้อ

เคสคุณป้าคนหนึ่งอยู่บ้านสบายดี ติดเชื้อโควิดจากลูกสาวที่เดินทางมาจากต่างประเทศแต่ไม่ระวังเรื่องการกักตัวเพราะคิดว่าตัวเองยังไม่มีอาการไม่น่าป่วย เลยไปอยู่ด้วยกันตามปกติ แต่แยกตัวออกไปหลังจากที่ลูกสาวเริ่มมีอาการเหมือนเป็นหวัด แต่ก็ไม่ทันการ วันที่มาตรวจคุณป้ามีอาการคล้ายเป็นหวัดมา 6 วัน เอกซเรย์ปอดยังปกติ อีกวันถัดมาอาการปอดอักเสบชัดขึ้น คนไข้หายใจเหนื่อยจนระบบหายใจล้มเหลวอย่างรวดเร็วและใส่ท่อช่วยหายใจ ย้ายเข้าห้องไอซียู คนไข้อาการหนักมาก เข้าใจความรู้สึกของลูกที่รู้ทีหลังว่าแม่ตัวเองต้องมานอนไอซียูเพราะไม่ระวังเรื่องการกักตัว

ต้องรู้นะครับว่าเราอาจจะทำให้คนในครอบครัวที่เรารักป่วยจากความไม่เข้าใจและไม่มีระเบียบวินัย หากกลับมาจากต่างประเทศต้องกักตัวจนครบ 14 วันครับ เพราะหลังจาก 14 วัน แม้ว่าติดเชื้อจะมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อได้น้อย อาจจะทำยากแต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะเคสใหม่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นเคสที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ


นี่แหละ การรับผิดชอบต่อสังคมและครอบครัว รักพ่อแม่ช่วงนี้อย่าพึ่งกับบ้านถ้าหากว่าคุณมาจากพื้นที่เสี่ยง กลับมาแล้วก็ต้องกักตัวเป็นอย่างดี

 

 

แหล่งที่มา : thaihitz.com