Home »
Uncategories »
คิดก่อนใช้ “น้ำยาปรับผ้านุ่ม” หลายคนไม่เคยรู้ ชะล่าใจไม่ได้
คิดก่อนใช้ “น้ำยาปรับผ้านุ่ม” หลายคนไม่เคยรู้ ชะล่าใจไม่ได้
คิดก่อนใช้ “น้ำยาปรับผ้านุ่ม” หลายคนไม่เคยรู้ ชะล่าใจไม่ได้
น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านจะต้องใช้กัน
เพรานำมาใช้เป็นย้ำยาที่จะช่วยทำให้เสื้อผ้าของเรานั้นมีกลิ่นที่หอม
ติดเสื้อผ้าได้นาน
แต่หลายๆคนคงจะยังไม่รู้ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นมีอันตรายที่แฝงมาด้วย
สืบเนื่องจากตัวของผู้เขียนเอง
ได้ทำการรักษาซีสต์ที่บริเวณของมดลูกด้วยวิธีโภชนาบำบัดจาหมอหมอนอกกระลา
กระทั่งหาย แต่ก็ได้มีข้อห้ามแปลกๆ นั่นคือ ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
และน้ำยาขัดเบาะรถ ทำเอาตัวเราเองก็สงสัยไปตามๆกัน กระทั่งจึงมาพบกับคำตอบ
เลยจะมาส่งต่อให้กับเพื่อนๆกัน จะเป็นอย่างไรนั้นมาดูกันเลย
รู้หรือไม่?
รู้หรือไม่ว่าในน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นมีฮ อ ร์ โ ม นเพศหญิงทั้งนั้นเลย
เราก็เลยต้องหาข้อมูลกันนานเลยทีเดียวเพื่อปราบความดื้อรั้นและให้เธอได้มองเห็นภาพในอนาคตที่อาจจะเกิดกับทุกคนโดยหาสาเหตุไม่เจอแล้วก็ไปหายามาทำลายตับไตกันอีก
แล้วคุณเคยเห็นฉลากมั้ยว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ถ้าไม่เคยสังเกต
ถ้างั้นผมชวนเราๆ ด้วยเลยนะครับ มาดูกันเลย
ประโยชน์ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
น้ำยาปรับผ้านุ่ม ช่วยให้ผ้ามีความเรียบ นุ่ม
ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตช่วยให้รีดได้ง่ายลดการยับของผ้า
จึงทําให้สิ่งสกปรกติดเนื้อผ้ายากขึ้น และทําให้ผ้าเปียกน้ำยากขึ้น
น้ำยาปรับผ้านุ่มทำงานอย่างไร?
น้ำยาปรับผ้านุ่มทำงานโดยการเคลือบพื้นผิวของเส้นใยผ้าที่มีชั้นบางของสารต่างๆ
ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการหล่อลื่นจึงทำให้เส้นใยนุ่มนวลและป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิต
แถมยังมีสารที่ทำให้หน้าเตารีดเกิดไฟฟ้าสถิตเล็กน้อยเพื่อทำให้ไม่เกิดแรงต้านทานระหว่างการรีดผ้า
จึงช่วยลดรอยยับในเสื้อผ้าได้เล็กน้อย
ส่วนประกอบสำคัญ
ส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้น้ำยาปรับผ้านุ่มมีคุณสมบัติดังกล่าวคือ
กรดมันน้ำ
ซึ่งกรดน้ำมันนี้จะยังคงติดคงทนอยู่ในเนื้อผ้าแม้ว่าจะผ่านการซักน้ำและรีดแล้วก็ตาม
แต่สิ่งที่ที่ร้ายไปกว่านั้นน้ำมันนี้อาจซึมเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังของคุณ
หรือจากการสูดดม
นอกจากนี้น้ำยาปรับผ้านุ่มยังประกอบด้วยสิ่งที่เป็นอันตรายอีกหลายชนิดได้แก่
เอทิลเอซิเทต, เบนซิน เอซีเทต, เบนซิน แอลกอฮอล์ ,เอทานอลและคลอโรฟอร์ม
โดยเหล่านี้ต้องควบคุมให้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลไม่ดีต่อร่างกายก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายสุขภาพ
ต่อการหายใจ ทำให้รู้สึกมึน และเวียนศีรษะ
ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและร้ายที่สุดอาจก่อให้เกิดม ะ เ ร็ ง ได้
เมื่อได้รับสารเคมีทั้ง 5 ชนิดเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
1. สารเอทิลอะซีเตท (Ethyl acetate)
ไอระเหยของมันอาจทำให้เกิดอาการง่วงซึมและเวียนศีรษะ
ทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ตา และทางเดินหายใจ
ใครที่มีอาการเหล่านี้บ่อยๆ แนะนำให้ลองสังเกตตัวเอง
และลองปรับเปลี่ยนการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม
2. สารคลอโรฟอร์ม(Chloroform)
ไอระเหยของมันทำให้ร่างกายหมดความรู้สึกหรืออาจถึงขั้นสลบได้
และไอระเหยของมันมีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้มีอาการปวดศีรษะ
เวียนศีรษะ
ถ้าคุณหายใจเอาสารที่ความเข้มข้นสูงเข้าไปเป็นประจำจะทำให้หมดสติ
3. สารเบนซิลแอลกอฮอล์ (Benzyl alcohol)
การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือก ทำให้ลำคออักเสบ
เกิดอาการไอ หายใจถี่รัว เวียนศีรษะง่วงนอน
หากสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผื่นแดง เจ็บปวด
การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองลำคออักเสบ ปวดท้องคลื่นไส้
การสัมผัสถูกตา จะก่อให้เกิดการระคายเคืองตาแดง เจ็บตาตาพร่ามัว
เมื่อสารดูดซึมผ่านร่างกาย ทำให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ
4. สารเบนซิลอะซีเตท (Benzyl acetate)
การหายใจเข้าไปทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกมีอาการไอ
เวียนศีรษะเมื่อสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผื่นแดงการสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคือง
ตาแดง เจ็บตาตาพร่ามัว
5. มัสไซลีน (Musk xylene) เป็นสารก่อม ะ เ ร็ ง ซึ่งน่ากลัวมาก ดังนั้น
จากข้อมูลความเป็นอันตรายข้างต้น
ถือว่ามีความรุนแรงอย่างมากซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดผลเสียทั้งในด้านร่างกายและทรัพย์สินของเราๆท่านๆ
หากพบว่ามีสารเคมีที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค โทรแจ้งได้ที่หมายเลข 1166
ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะคะ
ว่าน้ำยาต่างๆที่เราใช้นั้นให้โทษต่อร่างกายของเราอย่างมาก
เราควรที่จะต้องระมัดระวังการใช้งานให้มากขึ้น
และรู้จักป้องกันตัวเองในการใช้งานด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : muslimthaipost