Home »
Uncategories »
ใครกินปลาทูบ่อยๆ ดูเอาไว้ อาหารถูกและดีมีอยู่จริง ประโยชน์ ไม่แพ้แซลมอน กินประจำ ทำให้ร่างกายเปลี่ยนมหาศาล
ใครกินปลาทูบ่อยๆ ดูเอาไว้ อาหารถูกและดีมีอยู่จริง ประโยชน์ ไม่แพ้แซลมอน กินประจำ ทำให้ร่างกายเปลี่ยนมหาศาล

“ปลาทู” (Short mackerel)
เป็นปลาทะเลที่สามารถจับได้จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย
โดยนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้วปลาทูยังจัดเป็นอาหารที่ทั้งถูกและดี
ที่อยู่คู่กับครัวไทยมาช้านาน สำหรับผู้ที่นิยมรับประทานอาหารแบบไทยๆ
คงจะเคยลิ้มลอง “น้ำพริกปลาทู” ปลาทต้มเค็ม
หรือแม้แต่ปลาทูทอดธรรมดาๆกับข้าวสวยร้อนๆก็ตามแต่
ล้วนเป็นเมนูชวนน้ำลายไหลทุกครั้งที่นึกถึง ซึ่งแน่นอนว่า “ปลาทู”
ที่เราชาวสุขภาพดี…จะหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังนี้
ไม่ได้มีดีที่ความอร่อยเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมีสรรพคุณและประโยชน์ของปลาทูที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ปลาทูตัวละหลักสิบบาทที่มีขายกันตามตลาดสดนี่เอง
ที่เป็นแหล่งรวมสารอาหารมากมายไม่แพ้ปลาราคาแพงอยากแซลมอนหรือทูน่าที่มีขายตามภัตตาคาร
โดยในปลาทูจะมีกรดที่เรียกว่า ลิโนเลอิก (linoleic acid)
ซึ่งเป็นกรดจำเป็นต่อร่างกายและได้จากการบริโภคเท่านั้น
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้
โดยกรดลิโนเลอิกนี้มีบทบาทสำคัญช่วยพัฒนาสมองและเสริมสร้างการทำงานของระบบสืบพันธุ์
อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้รับสารอาหารมากขึ้น
ร่างกายจึงสามารถนำสารอาหารต่างๆ ไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
และช่วยเผาผลาญกรดไขมันอิ่มตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้กรดดังกล่าวยังทำหน้าที่ลดการสะสมไขมันบริเวณผนังหลอดเลือดซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงในวัยสูงอายุอีกด้วย
จึงกล่าวได้ว่าคุณประโยชน์ของปลาทูมีมากกว่าที่เราคิดจริงๆ

ปลาทู ต้องรู้วิธีเลือก ด้วยความที่ปลามีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด
ซึ่งบางชนิดก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาก อย่างปลาทูกับปลาลัง
ดังนั้นเราจะพามารู้จักลักษณะของปลาทูที่แท้ทรู
เพื่อไม่ให้เกิดกรณีซื้อปลาผิดชนิดอีกนะคะ โดยปลาทูจะมีลักษณะลำตัวกว้าง
แบน ป้อม หางสั้น ตาเล็ก แต่จุดสังเกตที่สำคัญคือปลาทูจะไม่มีลายข้างตัว 3
เส้น เหมือนปลาลัง โดยบนลำตัวของปลาทูนั้นจะออกสีน้ำเงินแกมเขียว
ส่วนในกรณีที่เป็นปลาทูสดจะสังเกตเห็นสีน้ำเงินเข้มพาดยาวตามลำตัว
ทั้งนี้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของปลาทูก็คือ Rastrelliger neglectus
หรือชื่อท้องถิ่นคือปลาทูสั้น ปลาทูเตี้ย
โดยลักษณะของปลาทูจะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่น้ำที่อาศัย
ปลาทู คุณค่าทางโภชนาการสูงไม่แพ้ใคร ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย
แสดงคุณค่าทางโภชนาการของปลาทูนึ่งในส่วนที่กินได้ ปริมาณ 100 กรัม ดังนี้ –
พลังงาน 136 กิโลแคลอรี – โปรตีน 24.9 กรัม – ไขมัน 4.0 กรัม – แคลเซียม
163 มิลลิกรัม – ฟอสฟอรัส 640 มิลลิกรัม – เหล็ก 3.0 มิลลิกรัม – วิตามินบี
1 0.09 มิลลิกรัม – วิตามินบี 2 0.10 มิลลิกรัม – ไนอะซิน 6.1 มิลลิกรัม –
ไอโอดีน 48 ไมโครกรัม – คอเลสเตอรอล 76 มิลลิกรัม – ไขมัน 6.20% –
กรดไขมันอิ่มตัว (SAT) 1,695 มิลลิกรัม – กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว
(MUFA) 953 มิลลิกรัม – กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) 1,978
มิลลิกรัม – กรดโอเลอิก (18:1) 391 มิลลิกรัม – กรดไลโนเลอิก (18:2) 87
มิลลิกรัม – อีพีเอ (EPA) 636 มิลลิกรัม – DHA 778 มิลลิกรัม
ปลาทู ประโยชน์ดีอย่างไร ปลาทูจัดอยู่ในกลุ่มปลาที่มีไขมันต่ำ
โดยมีไขมันน้อยกว่าหรือเท่ากับ 4 กรัมต่อเนื้อ 100 กรัม
ส่วนประโยชน์ของปลาทูในด้านอื่น ๆ นั้น มีดังนี้เลย
1. โปรตีนสูง ปลาทูเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน
และโปรตีนจากเนื้อปลาก็เป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ
ส่งผลให้ระบบย่อยไม่ต้องทำงานย่อยโปรตีนจากปลาหนักเท่าการย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์
เช่น เนื้อหมูหรือเนื้อวัว
อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลาทูยังมีปริมาณค่อนข้างสูง โดยปลาทู 100
กรัมมีโปรตีนอยู่ถึง 24.9 กรัม
ร่างกายก็จะได้รับโปรตีนจากปลาทูไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตตามวัยอันควรอีกด้วย

2. บำรุงประสาทและสมอง
ในปลาทูมีทั้งไอโอดีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย
โดยในปลาทูมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหรือกรดไขมันโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก
ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้ร่างกายเราไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้
ต้องรับเอาจากอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงอย่างปลาทู เป็นต้น
และนอกจากไอโอดีนและโอเมก้า 3 แล้ว ปลาทูยังมีกรดไขมัน DHA
ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง
โดยเฉพาะสมองในส่วนการเรียนรู้และจดจำ
3. ช่วยลดไขมันในเลือด ปลาทูมีกรดไขมันชนิด PUFA
หรือกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง
ซึ่งกรดไขมันดีเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
อีกทั้งในปลาทูยังมีกรดไขมัน EPA ซึ่งเป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3
มีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์
ไขมันตัวร้ายอันเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือดได้
4. ป้องกันโรคซึมเศร้า ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พบว่า
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง
และการขาดกรดไขมันชนิดนี้ อาจเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าและโรคสมาธิสั้นได้
โดยเฉพาะในเด็กวัยกำลังเรียนรู้ หากขาดกรดไขมันโอเมก้า 3
อาจมีพัฒนาการด้านการอ่าน-เขียนค่อนข้างช้ากว่าเด็กในวันเดียวกัน
ที่ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
5. ร่างกายได้รับวิตามินที่หลากหลาย
จากข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของปลาทูเราจะเห็นเลยว่า
ปลาทูส่วนที่กินได้ในปริมาณ 100 กรัม ให้แร่ธาตุ วิตามิน
และคุณค่าทางสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลากหลายชนิด ทั้งธาตุเหล็ก
แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 บี 2 กรดไขมันจำเป็น ไนอะซิน
ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ที่พบได้ในปลาทู ถึงแม้จะมีปริมาณอย่างละนิดละหน่อย
แต่ก็จัดเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการทำงานของร่างกาย
ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองให้ควบคุมการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ปลาทูมีประโยชน์ต่อสุขภาพแบบนี้
ยิ่งทำให้นึกอยากกินปลาทูขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะ แต่หากใครไม่กินเผ็ด
ไม่ค่อยสนิทกับเมนูน้ำพริกปลาทูเท่าไร ลองเมนูปลาทูอย่างอื่นดูก็ได้
อร่อยและได้ประโยชน์จากปลาทูไม่แพ้กัน

เชื่อว่าเหตุผลในการรับประทานปลาของหลายคน น่าจะมาจากความต้องการ
‘โปรตีน’ ถึงมีอยู่ในปลาแทบทุกชนิด
โดยปกติแล้วมนุษย์เรามีความต้องการโปรตีนที่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงวัยดังนี้
-เด็กเล็ก-เด็กโตจะต้องการโปรตีนที่ 1-1.1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
-ผู้ใหญ่ต้องการประมาณ 0.8 กรัม
-หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องการถึง 1.3 กรัม
จากข้อมูลที่เรานำมาเสนอกันวันนี้หวังว่าจะทำให้การรับประทานปลาทูของผู้อ่านทุกๆ
ท่าน อร่อยขึ้นและมีประโยชน์เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยนะคะ
ท้ายนี้อยากให้ใครหลายๆ คนที่ไม่ชอบรับประทานปลาทู
ให้หันกับมาลิ้มลองกันอีกสักครั้ง
แล้วคุณจะรู้ว่าสรรพคุณและประโยชน์ของปลาทู เป็นสุดยอดอาหาร
ของดีที่ไม่ควรมองข้ามแม้แต่น้อย
Cr : Goddess Sloth