Home »
ความรู้
»
งานวิจัยเผย!! ดื่มนมเสี่ยงเป็นโรค ดื่มแล้วอาจมีโทษมากกว่าที่คิด… (ชมคลิป)
งานวิจัยเผย!! ดื่มนมเสี่ยงเป็นโรค ดื่มแล้วอาจมีโทษมากกว่าที่คิด… (ชมคลิป)
คนไทยทุกวันนี้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆว่าการดื่มนมเป็นสิ่งที่ดี
ไม่ว่าจะในทีวี โฆษณาต่างๆ แม้กระทั้งใน รร ที่ส่งเสริมให้เด็กดื่มนม
แต่แท้จริงแล้วนมวัวนั้นดีต่อร่างกายเราจริงหรือไม่
ลองอ่าน..(บทความนี้ถึงจะยาวหน่อย อยากให้ทุกคนสละเวลาอ่านสักนิดเถอะ)
“นมเป็นอาหารที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต้องการในช่วงที่เป็นทารก
เพราะมีพลังงานสูง เนื่องจากมีไขมัน (คอเลสเตอรอล) มาก มีวิตามิน
และเกลือแร่โดยเฉพาะแคลเซียม ฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันมาก
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทารกต้องการ (จากแม่ตัว)
ในช่วงที่ระบบย่อยอาหารจากธรรมชาติยังไม่สมบูรณ์
ไม่สามารถหาอาหารรับประทานเองได้ แต่เมื่อสัตว์ (คน)
โตพอแล้วที่ระบบย่อยอาหารสมบูรณ์ขึ้น พอหาอาหารได้เอง นม
(ที่ไม่ได้มาจากแม่ตัวเอง) อาจทำให้เกิดการแพ้ ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
โรคอ้วน มะเร็ง หรือโรคหัวใจ ได้” Dr. Nithi Mahanonda
มนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์เดียวที่หลังจากหมดวัยดื่มนมแล้วยังคงดื่มนมต่อ
แล้วยังเป็นนมที่มาจากสัตว์อื่นที่ไม่ใช่แม่เราอย่างนมวัวอีก
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมวัวเขาต้องการขายสินค้าต้องการกำไร
โดยการโฆษณาหลอกให้เราเชื่อว่านมมีคุณค่ามาก ทำให้สูงขึ้นบ้าง
ช่วยเสริมสร้างกระดูกบ้าง
จริงๆแล้วมีผลวิจัยหลายแห่งอย่างคุณ T.Colin Campbell
ที่ออกมาบอกว่าการกินอาหารจากสัตว์ (อย่างเช่น นมวัว)
ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด
และเมื่อภาวะเลือดเป็นกรดเลือดจะดูดแคลเซี่ยมจากกระดูกเพื่อเพิ่มความเป็นด่าง
และแน่นอนทำให้คุณเป็นโรคกระดูกพรุน
ถ้าคิดว่าดื่มนมวัวดีจริง ทำไมประเทศที่ดื่มนมวัวมากที่สุดในโลกอย่าง
อเมริกา นอรเวย์ หรือสวีเดน
ถึงมีผู้ป่วยที่ขาดแคลเซี่ยมเยอะที่สุดในโลกล่ะคะ
ทำไหมถึงมีวิตามินเสริมสร้างแคลเซียมขายกันตรึมตามร้านขายยาขนาดนี้ล่ะคะ
จากบันทึกของนายแพทย์มัลคอล์ม สมิธ เรื่อง “หมอฝรั่งในวังสยาม”
โดยหมอสมิธเป็นแพทย์ชาวอังกฤษเข้ามารับราชการเป็นหมอหลวงในสมัยรัชกาลที่ 4
ได้เขียนบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า “ชาวสยามไม่ดื่มนมวัวทุกรูปแบบ
การเลี้ยงปศุสัตว์ทุกรูปแบบไม่เป็นที่รู้จักกันในเอเชียตะวันออก ชาวจีน
ญี่ปุ่น และอันโดจีน ไม่เคยแตะต้องนมเลย ตั้งแต่หย่านม กระนั้นก็ตาม
พละกำลังและความแข็งแรงของร่างกายโดยทั่วไป ไม่ได้ด้อยกว่าพวกยุโรป”
นอกจากนั้นนมวัวในปัจจุบันจะได้รับฮอร์โมนพิเศษช่วยในการเจริญเติบโต
และเพิ่มปริมาณน้ำนม ทำให้เต้าใหญ่จนเกินไปจนทำให้วัวติดเชื้อ
และแน่นอนต้องฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าไปอีก รู้ไหมคะว่าในนมวัว มีทั้งเลือด หนอง
และฮอร์โมนและยาฆ่าเชื้อที่ถูกฉีดเข้าไปในตัววัว
ถึงแม้ว่านมวัวจะถูกการพาสเจอไรซ์แล้ว
ไม่ได้หมายความว่าเซลล์เหล่านี้จะถูกสลายหายออกไปนะคะ
แต่มันแค่ถูกความร้อนและตายเท่านั้นเอง
ดื่มนมวัวแถมซากเม็ดเลือดขาวและเชื้อโรคที่ตายแล้ว (หนอง) ที่ตายแล้ว
อร่อยน่าดูเลยคะ
นากจากนี้ในนมหนึ่งแก้วจะมีไขมันอิ่มตัวปริมาณเท่ากับไขมันจากเบคอน 8
ชิ้น ในนมที่เรียกว่านม (ไขมันต่ำ) หรือนม “พร่องมันเนย” ยังมีไขมันอยู่
และให้พลังงานจากไขมันเป็นสัดส่วนถึงประมาณร้อยละ 30
หรือในเนยแข็งที่ไขมันต่ำ หรือไม่มีคอเลสเตอรอล นั้น
ก็ยังมีพลังงานที่ได้จากไขมันอิ่มตัว ถึงร้อยละ 20 อย่าลืมว่า
อาหารที่ไม่มีคอเลสเตอรอลนั้นยังอาจมีไขมันอิ่มตัว
(ซึ่งเป็นตัวทำให้ไขมันอุดตันในหลอดเลือด
และระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเหมือนกัน) อยู่ได้
ดังนั้น อย่าหลงกลที่มีผลิตภัณฑ์อาหารสมัยใหม่
ส่วนใหญ่ปิดป้ายว่าไม่มีคอเลสเตอรอล เพื่อทำให้เราตายใจ
เพราะตัวที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง คือ
ไขมันอิ่มตัวที่อาจจะมีอยู่ด้วยแต่ไม่ได้บอกไว้ให้ชัดเจน
นอกจากที่นมวัวจะสร้างภัยต่อร่างกายของเราแล้ว ยังสร้างภัยต่อธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็น
1.วัวที่เลี้ยงไว้ขับถ่ายของเสียจำนวนมหาศาล
2.การเลี้ยงวัวทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
3.การเลี้ยงวัวมีการใช้สารเคมีจำนวนมาก
อ่านรายละเอียดต่อที่นี้นะคะ (http://www.oknation.net/blog/bluecandleshop/2010/03/15/entry-1)
ชมคลิป
สุดท้ายแล้วที่สำคัญมากที่สุดเลยคือตัวของสัตว์เอง
วัวไม่ใช้ว่าอยู่ๆจะผลิตนมเองนะคะ แม่วัวต้องท้องก่อน
และแน่นอนผู้ผลิตเขาไม่รอให้วัวมีอารมณ์แล้วผสมพันธุ์กันเองหรอกคะ
แม่วัวจะต้องถูกข่มขืน พอท้องแล้วลูกวัวที่คลอดออกมาถูกคังหนีไปจากแม่
ที่มา นพ.ตนุพล วิรุฬหการุณ