เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้พบกับเจ้าของดูโฮม ซึ่งมีห้างค้าวัสดุก่อสร้างขนาดมหึมา หลายสาขาทั่วประเทศ มียอดขายปีละประมาณ 17,000 ล้าน
แต่ปรากฏว่า เจ้าของห้างแต่งตัวธรรมดามากๆ ไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนมเลย แม้แต่รถยนต์ ก็ยังใช้โตโยต้า คัมรี ก็เลยชมว่าท่านพอเพียงมากเลย ท่านบอกว่า ไม่ได้ใช้รถบ่อย ไม่รู้จะซื้อแพงไปทำไม
ฟังแล้วรู้เลยว่าทำไมเขารวย ก็รู้จักใช้เงินอย่างนี้นี่ไง แล้วตลอดเวลาการพูดคุยกัน ไม่เห็นว่าท่านจะพูดเรื่องการใช้เงินเลย มีแต่คุยกันว่าจะหาเงินอย่างไร
แต่ท่านก็ใช้ของธรรมดา ใช้เสื้อผ้าชุดละหลักพันต้นๆ รถยนต์ก็ใช้แค่โตโยต้า คัมรี่ ทั้งๆ ที่จะใช้รถคันละหลายสิบล้าน หรือใส่เสื้อผ้าชุดละเป็นแสน มันก็เป็นแค่เศษเงินที่มีอยู่ ผิดกับบางคนเลย รายได้ไม่เท่าไร กลับยอมกัดฟันเป็นหนี้ เพื่อใช้ของแบรนด์เนม เพื่อซื้อรถหรูๆ ให้คนอื่นชื่นชมว่า “ดูรวย”
ซึ่งจะมีคนชมสักกี่คน มันก็ไม่ได้รวยขึ้นมาจริงๆ ได้สักที เลยได้ข้อสรุปว่า “คนรวย” กับ “คนดูรวย” มันต่างกันตรงที่ คนรวย เขาโฟกัสที่การทำมาหากิน ให้มีเงินงอกเงยขึ้นมาจริงๆ ใครจะมองอย่างไร เขาไม่สน
ส่วนคนดูรวย แค่อยากได้คำชมจากคนอื่น จึงต้องใช้เงินซื้อวัตถุภายนอกมาโชว์รวย แต่ไม่ใส่ใจที่จะหาเงินสักเท่าไร
หมายเหตุ
1. ดิฉันไม่ได้ค่าโฆษณาจากโตโยต้า แค่ชื่นชมเศรษฐีที่พอเพียง ก็เลยยกมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น
2. ดิฉันไม่ได้ต่อต้านการใช้ของแพงหรือแบรนด์เนมหรู ถ้าใครมีเงินเหลือเฟือ เขาจะซื้ออะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา (ที่จริงดิฉันก็ชอบของแบรนด์เนม เพราะเขาทำสวยประณีตจริงๆ)
มีแต่คนไม่รวยเท่านั้นที่ต้องดิ้นรนซื้อของแพงมาใช้เพื่อให้คนคิดว่ารวย
คนรวยจริงเขาวัดกันที่การหาเงิน ไม่ใช่การใช้เงิน
#คนรวยหาเงินเก่ง #ไม่ใช่ใช้เงินเก่ง
#ใช้ของแพงแค่ไหน #ก็ยกระดับฐานะไม่ได้
#ใช้เงินเกินฐานะ #แล้วเมื่อไรจะรวย
โลก Social ทุกวันนี้ มันง่ายมากที่จะเป็นคนรวย แสดงออกถึงความร่ำรวยต่างๆ ได้อย่างที่เราเห็นประจำใน FB ทั้งที่ชีวิตจริงมันอาจไม่ใช่อย่างที่เห็น จงพยายามเป็นคนที่รวย อย่าเป็นคนที่ดูรวย
ขอบคุณที่มาจาก: centerthai.com