เปิดใจ “ปีเตอร์ คอร์ป” แท้จริง “น้องพูม่า” เป็นลูกใคร

กราบสวัสดีแฟนเพจชาวอัพยิ้มทุกท่าน กลับมาพบกันเหมือนเดิมอีกเช่นเคยกับสาวย้อ พลัดถิ่น สำหรับวันนี้ก็มีข่าวคราวของคนในวงการมาให้ได้ติดตามกันเหมือนเดิม อย่างที่ทุกคนทราบกันดีสำหรับดาราดัง “ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” และ “พลอย พรพรรณ” ซึ่งทั้งคู่ได้เลิกรากันไปตั้งนานแล้ว ซึ่งล่าสุดหนุ่มปีเตอร์ได้เปิดใจในรายการดัง ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง รวมถึงข่าวลือที่น้องพู่ม่าไม่ใช่ลูกของคน ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปชมเนื้อหาข้างล่างกันเลยค่ะ

แยกกับคุณพลอยมา 2 ปีกว่า แต่เพิ่งมาหย่าเมื่อเดือน ก.ค. ปี 60 มีเหตุผลอะไร?
“ด้วยหลายๆ เหตุผล อย่างแรกคือมีปัญหาที่บ้านเสร็จปุ๊บ ก็เป็นการตัดสินใจที่ยากที่จะเดินออกมาจากบ้านทั้งที่มีลูก การตัดสินใจแยกกันอยู่นิดหนึ่ง น่าจะดีกว่าอยู่ด้วยกัน รายละเอียดมีอะไรบ้างตอนนี้คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว แต่ผมเชื่อและมั่นใจจนถึงตอนนี้ว่าการทิ้งช่วงตอนนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับลูก ส่วนที่แยกจากกัน 2 ปีก่อน แล้วค่อยมาหย่านั้น คือแยกการกันอยู่คือสเต็ปแรก ทีนี้คนแต่งงานมีลูกในใจก็ต้องมีแอบหวังว่าสักวันต้องเคลียร์ได้ เราเจอกันแล้วแต่งงานค่อนข้างเร็ว มีอะไรหลายอย่างปรับเข้าหากันไม่ทัน และต้องขอเวลามากกว่านี้ การมีระยะกันนิดหนึ่งทำให้ทุกอย่างคลี่คลายได้”
แสดงว่าระยะเวลาที่แยกกับคุณพลอย แอบหวังว่ามันอาจมีการปรับจูนกันได้?
“ก็ประมาณนั้นครับ พอแยกออกมา พอผมถอยตัวออกมา จริงๆ ก็มีความหวังว่าอาจดีขึ้นก็ได้ แต่ในที่สุดก็พาไปอีกทางที่ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น การพูดคุยอะไรหลายๆ อย่างก็ส่งซิกซ์ว่าไปไม่รอด หลายๆ ประเด็น หลายๆ เหตุผล ในเมื่อมีชีวิตครอบครัวก็ควรใช้เวลาให้ถี่ถ้วน”

วันที่หย่ากันถือว่าแฮปปี้ไหม?
“การหย่าไม่ใช่เรื่องที่แฮปปี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องดี แต่ผมคิดว่าสำหรับใครที่โตๆ กันแล้ว ดำเนินชีวิตด้วยเหตุและผล การตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็นอะไรที่ต้องนึกถึงลูกเป็นหลัก การที่เราอยู่กันไม่ได้จริงๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ทะเลาะกัน สร้างสถานการณ์ความกดดันรอบข้างตัวที่ลูกรู้สึกแน่นอน การอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ดี มีผลร้ายกับลูก จะทำให้ลูกเป็นเด็กเก็บกด มีปมด้อย โตมาอาจไม่กล้าพูด เครียด มีปัญหา การแยกกันบางทีก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดก็ได้สำหรับบางเคส ผมไม่ได้บอกว่าทุกเคสเหมือนกัน แต่สำหรับผม มันเป็นช้อยส์ที่ลงตัวที่สุดสำหรับเด็ก”
ก่อนหย่า มีปัญหาเรื่องทรัพย์สิน ตกลงกันไม่ลงตัวเลยไม่มีการหย่า?
“มันมีหลายๆ เหตุผลแหละ บางอย่างขอไม่พูดถึงดีกว่า เพราะเราได้มีการเซ็นข้อตกลงกัน บางอย่างเราจะไม่พูดถึง แต่เอาเป็นว่าพอตกลงทุกอย่างกันได้ ก็โอเค ช่วงแรกอาจใช้เวลาในการปรับตัวนิดหนึ่ง แต่พอถึงช่วงนี้ทุกอย่างก็ราบรื่น ก็คุยกันได้ปกติมากขึ้น เมื่อก่อนอาจคุยกันยากหน่อย ด้วยอารมณ์เก่าที่ค้างอยู่ พอคุยกันก็อยู่ในโหมดทะเลาะกันง่าย มันก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้มีอะไรก็คุยกันง่ายขึ้น ยังมีคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้โทร.คุยเรื่อยเปื่อย มันมีเรื่องจำเป็นต้องคุย”

“ในเมื่อเราพูดถึงลูก จะทำยังไงให้ดีที่สุด ผมก็ต้องโทร.ปรึกษาเรื่องลูก มันมีเรื่องจำเป็นต้องคุยกันอยู่แล้วเป็นพ่อเป็นแม่ ทีนี้การได้คุยกันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูก ลูกเขาไม่ต้องรับรู้อะไรที่เป็นเนกาทีฟ จะได้เติบโตมามีชีวิตที่สดใสร่าเริง ทุกวันนี้ลูกอยู่กับพลอยเป็นหลัก ผมจะพาลูกไปเล่นบ้าง ตามที่เราตกลง เราก็จะมีระบบเล็กน้อยที่เราเซ็ตกันไว้ ผมก็ต้องทำงานด้วย ได้เจอลูกไม่ได้เยอะเท่าที่ควรครับ แต่เป็นจำนวนวันกี่วันก็อยู่ในข้อตกลง แต่เรามีลูก อยู่กับลูกกี่วันมันก็ไม่พออยู่แล้ว(หัวเราะ)”
ณ วันนี้กลับมาทำงานเต็มที่?
“ปี 2561 ถือว่าเต็มอยู่นะครับ เพราะผมมีร้องเพลงประกอบละครระเริงไฟ มีรับเล่นแรงเงาภาค 2 มีรายการทีวีที่ผมจัดเอง กำลังจะออนแอร์ต้นปี”
ชีวิตคุณพลิกชั่วข้ามคืน ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณดังมาก คนชื่นชมประทับใจในแอบรักออนไลน์ ทางช่อง 3 ถัดจากนั้นไม่นาน กลับกลายเป็นว่าเกิดประเด็น คุณถูกด่าจมธรณี?

“(หัวเราะ) จริงๆ แล้วมันมีหลายเหตุผลหลายสาเหตุที่ทำให้พาไปทางนั้น ถ้าผมเป็นเด็กใหม่ในวงการคงท้อตายไปแล้ว จริงๆ แล้วผมต้องบอกว่าการที่กระแสกลับเร็วขนาดนั้น มันด้วยหลายๆ อย่างที่ถูกปั่นไป สมมติข่าวออกมา อาจมีหัวข้อข่าวออกมา ซึ่งมันขายข่าวอยู่แล้ว เนื้อข่าวอาจไม่มีอะไร แต่เขาตีความไปแล้วจากหัวข้อข่าว แต่ผมไม่ออกมาตอบเพราะมันเป็นเรื่องครอบครัว ในที่สุดถ้าผมพูดไป คนที่รับฟังและรับรู้ทั้งหมดคือลูก อาจไม่ใช่วันนี้ อาจจะอีก 5 ปี 10 ปี พอเล่นยูทูป เพื่อนก็มาล้อ การที่จะออกไปต่อยอดให้กับข่าว ผมไม่เห็นด้วย แล้วการออกไปติว่าคนอื่นไม่ใช่นิสัยผม ผมว่าเป็นเรื่องครอบครัวที่ผมไม่พูดดีกว่า”
ทำให้มีบางคอมเมนต์แรงมาก เช่น เป็นพ่อประสาอะไรไม่เคยรักลูก?
“คือผมก็รู้อยู่แล้วด้วยเหตุผลที่ผมไม่ออกไปตอบโต้ ไม่ออกไปแก้ข่าว ข่าวมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เดี๋ยวนี้พอเป็นเรื่องของโซเชียล เมื่อก่อนมันแค่หนังสือพิมพ์ สมัยนี้ทุกอย่างเร็วมาก และทุกคนสามารถออกความคิดเห็นได้ในโซเชียล ทุกคนสามารถเข้าไปเขียนได้ พอคนมาเขียนเสร็จปุ๊บ ช่วงแรกๆ มีคนมาคอมเมนต์เบาๆ แต่พอผ่านไปมันก็แรงขึ้นๆ จนเหมือนภูเขาไฟที่ระเบิด”
รูปสุดท้ายที่คุณถ่ายทิ้งไว้หลายเดือนมาก รูปนั้นมีคนคอมเมนต์ประมาณ 2 หมื่นข้อความ และด่าทั้งนั้น?
“ครับผม ผมก็ไม่เคยเห็นใครโดนแบบนี้(หัวเราะ) จริงๆ ต้องบอกว่าผมอยู่ในวงการมานาน 20 กว่าปี ผมเข้าใจอยู่แล้วว่าการอยู่นิ่งๆ แบบนี้บางทีก็เสียเปรียบ ไม่ออกมาตอบโต้ ไม่ออกมาแก้ข่าว มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ สมัยนี้ข่าวออกปุ๊บต้องรีบแก้ให้เร็ว อันนี้คือเทรนด์ แต่พอไม่ออกไปสร้างประเด็นและต่อยอดให้ข่าว ซึ่งก็ใช้เวลานานกว่าที่ผมคิด แต่ถ้าผมออกไปพูดอะไรมากกว่านี้ ผมคิดว่า หนึ่งมันไม่ใช่เรื่องของคนอื่น สองแค่ทำให้ข่าวใหญ่ขึ้น สามทำให้ข่าวอยู่นานขึ้น สุดท้ายคนที่รับผลจากตรงนี้คือใคร ก็คือลูก”

คุณเตรียมแผนรับมือยังไงกับสิ่งที่คุณถูกด่าเละเทะ ลูกโตมาก็ต้องถามว่าพ่อถูกด่าทำไม?
“ก็ไม่เป็นไร เพราะในที่สุดมันก็อธิบายได้ง่ายๆ พอทุกอย่างเหมือนเป็นเทรนด์ช่วงหนึ่ง วันนี้ด่าปีเตอร์ไปหรือยัง ฉันด่าแล้วนะ (หัวเราะ) แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องราวระหว่างสองคนที่มีลูก เรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว พอออกไปข้างนอกก็มีคนเข้ามาช่วยตีความ หลายๆ เหตุผล กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา จริงๆ แล้วถ้าลูกถาม ผมก็อธิบายได้ ในเมื่อเขาพร้อมจะฟังผมก็พร้อมอธิบาย แต่จริงๆ มันเป็นเรื่องที่เกิดระหว่างสองคน มันไม่ใช่เรื่องที่ลูกควรรับฟัง เพียงแต่ว่าพอเป็นคนในวงการมันก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะผมไม่อธิบายหรือแก้ตัวอะไรทั้งนั้น มันกลายเป็นตีความว่าต้องแบบนี้แน่ๆ พอเป็นเนกาทีฟ ไม่ว่าผมทำอะไรก็แล้วแต่ กลายเป็นข่าวเนกาทีฟไปหมดเลย มันเป็นคลื่นอันหนึ่งที่รวมทุกอย่างในช่วงนั้น”
“ถามว่าผ่านมาได้ยังไง ผมว่าตอนนั้นมีท้อมีอะไร แต่อยู่ๆ จะยอมแพ้ ไม่เดินต่อไม่ได้อยู่แล้ว มีลูกยังไงก็ต้องเดินต่อเพื่อลูก ทั้งๆ ที่คนด่าว่าคุณไม่รักลูก ปัญหาระหว่างพ่อแม่ที่ทำให้เราไม่ค่อยได้เจอลูก ทำให้ผมต้องถอยออกมาจากบ้าน แต่ก็คือเรื่องราวระหว่างสองคน ถ้าลูกมาถามสักวัน ผมก็พร้อมอธิบาย เพราะเขามีสิทธิ์รับรู้บางอย่าง กว่าเขาจะโตและแต่งงาน โลกมันก็ต้องเปลี่ยนไปเยอะ เราก็ต้องเตรียมการให้ลูกรับรู้โลกความเป็นจริงมันไม่ใช่เหมือนนิทาน ปัญหาระหว่างพ่อแม่ก็มี ปัญหากับคนข้างนอกก็มี เขาก็ควรรับรู้และเตรียมตัวอะไรหลายๆ อย่าง”
มีเรื่องหนึ่งค่อนข้างแรง ที่บอกว่าลูกคนหนึ่งไม่ใช่ลูกคุณ?
“ตอนนั้นทุกอย่างมันเป็นข่าวที่เดากันมา บางอย่างก็จะมีคนทักว่าต้องแบบนี้แน่ๆ เลย คนช่วยเดาเยอะมาก พอคนมาทักก็มีคนเข้ามาเสริม จริงๆ แล้วจังหวะนั้นเป็นเรื่องของจังหวะที่เป็นช่วงผมออกจากบ้าน แล้วคนตีความหลายๆ คนว่าต้องอย่างนี้ คนเขาก็ตีกันในข่าว ในไอจีผมก็มีการทะเลาะแบ่งพวก ซึ่งตอนนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่ไปหมดเลย”

คุณพลอยก็ออกมาชี้แจง?
“มันมีหลายๆ อย่างที่เป็นการเดามาเป็นข่าว เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็เขียนให้เป็นข่าวได้ แค่เข้าไปทักในไอจีทักในโซเชียลมันก็เป็นข่าวขึ้นมาได้ ถามว่าโกรธมั้ย มันก็เหมือนกับที่ถามว่าผมท้อมั้ย มันก็มีอารมณ์ตรงนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าใครที่อยู่ในสถานการณ์นี้แบบมีสติหน่อยก็จะรู้อยู่แล้วว่าความจริงมีอะไรยังไงบ้าง ตรงไหนทำใจอธิบายเหตุผลกับตัวเองได้ มันก็ปล่อยวางได้ จริงๆ ความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญมากกับทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ข่าวที่ผ่านมา ความเป็นจริงผมรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมก็ไม่ออกไปพูด เพราะมันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ข่าวก็มีเยอะแยะ ที่พี่หนุ่มทักก็เป็นอีกหนึ่งข่าว ยังมีอีกหลายๆ ข่าวที่มีการคาดเดาและตีความไปเรื่อยๆ”
คุณยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรอย่างที่ข่าวพูดไป?
“ไม่หรอกครับ ผมมีลูกชาย 2 คนซึ่งน่ารักมาก อีกอย่างเวลาเราเข้าไปทัก บางคนเข้าไปคอมเม้นต์ในโซเชียลคนอื่นก็ตีความไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คิด แต่บางอย่างที่เป็นอะไรที่ดูแรงๆ ถูกยกมาเป็นข่าวใหญ่แน่นอน และสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้คู่นี้ได้ ใครก็ตามที่จะวิเคราะห์อะไรแบบนี้ก็อยากฝากไว้ว่าให้ลองคิดนิดหนึ่งการเข้าไปคอมเมนต์อะไรโดยที่เราไม่ได้รู้จริง ไม่มั่นใจ”
แล้วเรื่องของ แอนนี่-ปริศนา ปัญญาศิรินุกูล ล่ะ?
“จริงๆ เป็นหนึ่งเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างถูกรวมมิตร เรื่องที่ถูกจับผิดหมวกกันน็อค ต้องอธิบายว่าเรื่องหมวกกันน็อค หมวกมันเหมือนกัน แต่หมวกพิธีกรเหมือนกัน 4 คนนะ เป็นหมวกทีม เรื่องนี้ขออธิบายย้อนหลังกลับไป พอผมออกจากบ้าน งานซา คิวแคนเซิล 2 ปีเลยนะครับที่ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งผมมีมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน กระเป๋าหนึ่งใบ ผมจะทำอะไรดี”

“เรื่องของการทำรายการมอเตอร์ไซค์ ผมก็ไปเซอร์เวย์เส้นทางกับพิธีกรคนหนึ่งก่อน ซึ่งเขาก็เป็นพิธีกรในรายการด้วย เราก็วิ่งเซอร์เวย์เส้นทางแล้วก็คุยกันว่าเราจะทำรายการมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า รอทุกอย่างนิ่งๆ ก่อน เราคุยกันอีกว่ารายการมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่คนมาดูคือผู้ชายที่ชอบมอเตอร์ไซค์ แล้วคนที่มาดูรายการมอเตอร์ไซค์คงไม่อยากมาดูเรา เราเลยหาพิธีกรผู้หญิง ผ่านไปอีกประมาณ 6 เดือน ก็ไปเจอน้องแอนนี่ตามงานมอเตอร์ไซค์ เขาขี่มารู้เลยว่าขี่เป็น ทรงตัวดีมาก”
ไม่ใช่ดูว่าหุ่นดี?
“ไม่ใช่ๆ ผมดูว่าเขาขี่เป็น เสร็จปุ๊บลงจากมอเตอร์ไซค์มีคนขอถ่ายรูป เราก็เอ๊ะ ทำไมน้องคนนี้มีคนขอถ่ายรูป ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครตอนนั้น มีคนมาบอกว่าน้องคนนี้ดังมากเลยนะ น่าจะเป็นไบค์เกอร์สาวที่ดังที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ ผมก็เลยเข้าไปขอคุย ผมขอคุยเรื่องงาน เขาก็มาคุยด้วย และชอบมาก เขาขอหุ้นรายการ เราก็มีกันสามคนแล้ว พอมีเซอร์เวย์เส้นทาง ก็มีคนที่ 4 เพิ่มเข้ามา แล้วก็มีข่าวว่าเราใส่หมวกเหมือนกัน ก็ถูกตีความว่าผมออกจากบ้านมาตั้งแต่แรกเพราะคนนี้”
ทำไมตอนนั้นไม่ออกมาพูด?
“ผมพูดแล้วครับ แต่ตอนนั้นไม่มีใครฟังผม รายการพี่ผมก็เคยพูด(หัวเราะ) แต่ไม่มีใครฟัง แล้วก็ด่าอย่างเดียว กลายเป็นว่าไม่ว่าผมจะพูดอะไร สุดท้ายผมก็กลายเป็นคนเลว ถามว่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมั้ย ผมรู้ว่าความจริงเป็นอะไร ผมเป็นคนที่ค่อนข้างใจเย็นและรอได้ ผมเข้าใจโลกดีอยู่แล้ว ผมอยู่วงการบันเทิงมานาน เพราะฉะนั้นผมรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าใจเย็น สักวันผมจะได้พูด ตอนนั้นพูดอะไรไปไม่มีใครฟังผมแน่นอน”

“พอผ่านไป 2 ปีกว่า รายการที่ออนแอร์ ที่ผมถ่ายไว้ปีสองปี เราก็ได้ออกไปพิสูจน์ เราถ่ายรายการมาเกือบทุกโซนของประเทศไทยแล้ว คนร่วมขี่ขบวนกับผมน่าจะมีเกือบพันคัน และทุกคนที่ได้ร่วมรายการกับผมก็ได้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นข่าว ทุกคนเห็นการถ่ายทำ ก็เห็นชัดเจนว่าไม่ได้จู๋จี๋กัน”ณ วันนี้ต้องการทำงานเพื่อต้องการเงินไปดูแลลูก?
“จริงๆ เป็นเรื่องปกติ เวลาคนมีลูก ความรับผิดชอบก็ต้องสูงขึ้นแน่นอน โอเคตอนนั้นมีเรื่องปัญหาหลายๆ อย่างที่ทำให้เราทำยากพอสมควร การเป็นกระแสข่าวด้านลบ ทำให้งานไม่เดิน พอทุกอย่างเริ่มซา มีความลงตัวระหว่างผมกับพลอย ก็ช่วยคลี่คลายอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน ทีนี้ความรับผิดชอบคือลูก จริงๆ ผมก็ทำตั้งแต่ที่ผมทำรายการเอาไว้ตั้งแต่คราวก่อน ผมนึกตั้งแต่วันที่ผมเดินถอยออกมาจากบ้าน”
รายการนี้กำลังจะมาออนแอร์ที่ช่อง 3?
“ครับ ออนแอร์ช่อง 28 ทุกวันพุธ สี่ถึงห้าทุ่ม ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.เป็นต้นไป มีหลายอย่างที่กำลังจะรีเทิร์น รายการนี้กำลังจะกลับมาอีกที หลังจากที่คนเข้าใจอะไรมากขึ้น ก็ต้องขอบคุณสปอนเซอร์ที่เข้ามาสนับสนุนในรายการ เพราะเป็นการสร้างอนาคตให้ลูกผมเลย ทีนี้นอกจากรายการไรด์วิทช์มี ขี่ตามฝัน ก็จะมีละครที่ผมเล่นแรงเงาภาค 2 ล่าสุดมีร้องเพลงระเริงไฟ มีโครงการอื่นที่ยังบอกไม่ได้(หัวเราะ) เป็นโครงการใหญ่ยักษ์มาก ปีนี้เต็มมาก”

เรื่องหัวใจ เรื่องความรัก?
“ก็อิ่มเอม พอเจอลูกก็อิ่มเอม ถามว่าสาวๆ มีมั้ย ไม่มีครับ(หัวเราะ) จริงๆ แล้วต้องบอกว่าการไม่ได้อยู่กับลูก มันคิดถึงลูกมาก ถ้าเป็นอาทิตย์ไม่ได้เจอก็คิดถึงลูกมาก แต่การคิดถึงลูกไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรเพื่อลูกไม่ได้ วันที่อยู่กับลูก ผมจะบล็อกวันเลย ไม่รับงาน วันที่ไม่ได้อยู่กับลูก ผมทำเพื่อลูกให้ดีที่สุดยังไง ผมทำงานให้เต็มที่ ผมขยันทำงาน ตื่นตีห้า หกโมง เสร็จสามสี่ห้าทุ่มทุกวัน ผมทุ่มเทกับมัน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีที่สุดที่จะทำได้เพื่อลูก”
รายการนี้ยังทำกับแอนนี่มั้ย?
“ก็ยังอยู่”
ไม่ได้เปิดตัวสาวอย่างเป็นทางการ?
“เปิดตัวรายการครับ ไม่ได้เปิดตัวสาวอะไรเลย”
อยากฝากอะไรไหม?
“เรื่องที่ผ่านมา ประวัติการทำงานผม ก็มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่มันแย่ แต่ว่าความตั้งใจที่จะเดินต่อไปมันมีตลอดเวลาคือลูกนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมยังไงก็ไม่ท้อ ไม่ถอย ยังไงก็ต้องเดินต่อไป ใครที่เป็นแฟนๆ ก็ขอบคุณมากที่สนับสนุนและให้กำลังใจผมตลอดเวลา ปีหน้าได้เห็นผมทั้งปีแน่นอนครับ”

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวที่สาวย้อ พลัดถิ่นได้นำมาฝากกันในวันนี้ แฟนคลับก็คงจะเข้าใจกันแล้วนะคะ แท้จริงแล้วน้องพูม่าก็เป็นลูกของหนุ่มปีเตอร์นี่แหละจ้า แต่มีความเข้าใจผิดกันนิดหน่อยแค่นั้นเอง