สวัสดีครับเพื่อนๆชาวอัพยิ้ม หลับกันหรือยังครับ
วันนี้ซาลาเปาแอดมินอัพยิ้ม จะพาทุกคนไปชมภาพ 12 สิ่งแรก บนแผ่นดินสยาม
ของเราต้องบอกก่อนเลยครับว่าน้อยคนนักที่จะรู้
ว่า12สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งแรกของแผ่นดินไทยของเรานั้นเองครับ
ผมว่าน่าจะเป็นความรู้เล็กๆน้อยๆที่หลายคนยังไม่รู้
อาจจะมีประโยชน์กับเด็กรุ่นใหม่ๆก็ได้ ไม่รอช้าไปชมภาพ12สิ่งแรก
ที่มีบนแผ่นดินไทยมีอะไรบ้างไปชมพร้อมๆกัน
1.โรงแรมโอเรียนเต็ล
ตั้งอยู่ ถนน เจริญกรุง เขตบางรัก ประวัติจากหลักฐานพบว่าโรงแรมตั้งขึ้น ประมาณปี พ.ศ. 2413 โดยนาย ซี. ซาลเจ กะลาสีเรือชาวเดนมาร์ก เป็นผู้ซื้อกิจการมาดำเนินการ ต่อมานายฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซน เข้ามาบริหารงานต่อในปี 2428 ได้ปรับปรุงโรงแรมให้ทันสมัย มีการออกแบบอาคารขึ้นใหม่ เรียกว่า “ออเธอร์ส วิง” และได้เปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2430โรงแรมโอเรียนเต็ลเปลี่ยนเจ้าของและปรับปรุงมาหลายครั้ง หลายยุคสมัย เคยต้นรับแขกผู้มีเกียรติ อาทิ มกุฏราชกุมารนิโคลัสแห่งรัสเซียในปี 2434 เจ้าชายลุยจี อาเมดิโอ เชื้อพระวงศ์อิตาลี ในปี 2438และนักเขียนชื่อดังของอังกฤษ บาร์บาร่า คาร์ทแลนด์–วินิติ์ศิริในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังเคยเป็นกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น และมีพระบรมวงศานุวงศ์เคยเสด็จมาด้วย การต้อนรับพระประมุขครั้งสำคัญครั้งหนึ่งคือในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใน พ.ศ. 2549 พระประมุขและผู้แทนพระองค์ส่วนใหญ่ประทับ ณ โรงแรมแห่งนี้ 1 กันยายน พ.ศ. 2551 กลุ่มกิจการแมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่งของเอเชีย ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของโรงแรม หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลื่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท โรงแรมโอเรียนเต็ล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มาเป็น บริษัท OHTL จำกัด (มหาชน)และโรงแรมได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ” ทำให้มีการปรับภาพลักษณ์และกระบวนทัศน์ ของการบริหารงานโรงแรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 132 ปีเกียรติประวัติ อาคาร ออเธอร์ส วิง ซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ในปี พ.ศ. 2545
2.โรงพยาบาลศิริราช
โรงพยาบาลศิริราช ถ้าใครผ่านไปแถววังหลังบ่อยๆ คงจะเห็นโรงพยาบาลศิริราชโกนนะคะ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลหลวงแห่งแรกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้น เพื่อรับรักษาประชาชนผู้เจ็บป่วยทั่วไปด้วยวิธีการแพทย์แผนใหม่ พระองค์โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการก่อสร้างครั้งแรกจำนวน ๑๖,๐๐๐ บาท โดยโปรดให้สร้างอาคารใหม่บริเวณที่เคยเป็นวังของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือที่เรียกกันเป็นสามัญว่า”โรงพยาบาลวังหลัง” ตามชื่อสถานที่ตั้ง
3.โรงเรียนวัดมหรรณพาราม
ประวัติ ในช่วงก่อนการจัดตั้งโรงเรียน ชาวไทยมักเรียนหนังสือที่วัด โดยมีพระทำหน้าที่สอนหนังสือ ซึ่งเวลาของการเรียนการสอนไม่แน่นอน นักเรียนก็ล้วนเป็นเด็กผู้ชาย ส่วนเด็กผู้หญิงต้องอยู่ช่วยงานบ้านการศึกษาของไทยได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างโรงเรียนหลวงแห่งแรกขึ้นในปี พ.ศ. 2414 ในพระบรมมหาราชวัง โดยได้โปรด ประกาศให้ พระบรมวงศานุวงศ์ เหล่าข้าราชการ ได้ส่งบุตรหลานเข้าเรียนหนังสือ ซึ่งพระองค์ได้มีพระบรมราชโองการบางตอนหนึ่งว่า[1] หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งได้นำบุตรทูลเกล้าฯ ถวายให้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณ มีเป็นอันมาก ทรงพระราชดำริว่า บุตรหลานของท่านทั้งปวง บรรดาที่เข้ารับราชการ สนองพระเดชพระคุณอยู่นั้น แต่ล้วนเป็นผู้มีชาติมีตระกูล ควรจะรับราชการ เบื้องหน้าต่อไป แต่ยังไม่รู้หนังสือไทย แลขนบธรรมเนียมราชการอยู่โดยมาก และการรู้หนังสือนี้ ก็เป็นคุณสำคัญข้อใหญ่ เป็นเหตุจะให้ได้รู้วิชา แลขนบธรรมเนียมต่าง ๆ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดโรงสอนขึ้นไว้ที่ในพระบรมมหาราชวัง แล้วจัดคนในกรมพระอาลักษณ์ ตั้งให้เป็นขุนนางพนักงาน สำหรับเป็นครูสอนหนังสือไทย สอนคิดเลข และขนบธรรมเนียมราชการ พระราชทานเงินเดือนครูสอนให้ สมควรพอใช้สอย ส่วนผู้ที่เรียนหนังสือนั้น ก็จะพระราชทานเสื้อผ้านุ่งห่ม กับเบี้ยเลี้ยงกลางวันเวลาหนึ่งทุกวัน ครูสอนนั้น จะให้สอนโดยอาการเรียบร้อย ไม่ให้ด่าตีหยาบคาย
ปี พ.ศ. 2424 โปรดฯ ให้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชนุภาพ (ขณะนั้นยังทรงดำรงพระยศ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ราชองค์รักษ์ ผู้บังคับการทหารมหาดเล็ก) ทรงตั้งโรงเรียนขึ้นอีกแห่งหนึ่งเพื่อสอนผู้ที่จะมาเป็นนายสิบ นายร้อย ในกรมทหารมหาดเล็ก ด้วยมีนักเรียนเข้าเรียนเป็นจำนวนมากสถานที่ในกรมทหารมหาดเล็กมีไม่เพียงพอ จึงทรงพระราชทานพระตำหนักสวนกุหลาบ ให้ใช้เป็นโรงเรียนสำหรับทหารมหาดเล็ก ปีพ.ศ. 2425 โดยนักเรียนส่วนใหญ่เป็นราชนิกูล และบุตรหลานของข้าราชการ
4.ธนบัตร เงินกระดาษใบแรกของไทย ธนบัตร หรือ เงินกระดาษ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 พิมพ์ออกใช้ เงินกระดาษ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2445 โดยก่อนหน้านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการผลิต ธนบัตร หรือ เงินกระดาษใบแรกของไทย?ออกใช้เป็นครั้งแรก ในเมืองไทยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2396 แต่เรียกว่า ? หมาย ? ทำด้วย กระดาษปอนด์สีขาวรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลวดลายด้วยหมึกทั้งสองด้าน และประทับตรา พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตราจักร และ พระราชลัญจกรประจำรัชกาล สีแดงชาด
5.ธนาคารไทยพาณิชย์
ประวัติธนาคารไทยพาณิชย์ ” บุคคลัภย์ ” (Book Club) สถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งโดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ในวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ หลังจากการขยายตัวของบุคคลัภย์ “บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด” ได้กำเนิดขึ้นจากพระบรมราชานุญาตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ดำเนินการเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ เป็นต้นมา
6.สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวี ช่อง4บางขุนพรม
ช่อง 9 อสมท. สถานีโทรทัตน์ ซึ่งมีปัญหาภายใน จนกลายมาเป็น ช่อง 9 M C O T สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม นับว่าเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้การบริหารของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 โดยมีพิธีเปิดและแพร่สัญญาณ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2498 มีชื่อเรียกขานตามอนุสัญญาสากลว่าด้วยวิทยุโทรทัศน์ว่า HS1-TV ตั้งอยู่ที่วังบางขุนพรหม ที่ทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน ราวเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2517 ได้หยุดทำการออกอากาศในระบบ 525 เส้น ทางช่อง 4 โดยได้ย้ายห้องส่งโทรทัศน์ไปที่ถนนพระสุเมรุ แขวงบางลำพู และราว พ.ศ. 2519 ได้เปลี่ยนระบบการออกอากาศ จากภาพขาวดำ เป็นภาพสี ในระบบ 625 เส้น ทางช่อง 9 อย่างสมบูรณ์ พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 9 ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 คณะรัฐมนตรี มีมติให้ยุบเลิกกิจการ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด
7.จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ถือกำเนิดจากโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้น ณ ตึกยาวข้างประตูพิมานชัยศรีในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๒ [ประเทศไทยเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินสากลในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ (ค.ศ. ๑๙๔๐) ดังนั้น พ.ศ. กับ ค.ศ. ก่อนหน้านี้จึงเหลื่อมกันอยู่ ๑ ปี] และได้รับพระบรมราชานุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมหาดเล็ก เมื่อ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๕ ทั้งนี้เพื่อผลิตบุคลากรให้รับราชการ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากพระบรมราโชบายปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๕ ต่อมาทั้งภาคราชการและเอกชนต้องการบุคลากรทำงานในสาขาวิชาต่างๆ กว้างขวางมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงพระบรมราโชบายในสมเด็จพระบรมชนกาธิราชที่จะ “ให้มีมหาวิทยาลัยขึ้นสำหรับเป็นสถาบันอุดมศึกษาของชาวสยาม” พอที่จะช่วยให้กิจการปกครองท้องที่ของกระทรวงมหาดไทยดำเนินไปได้ดีในระดับหนึ่ง แล้วสมควรขยายการจัดการศึกษาเพื่อสนองความต้องการของ กระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กเป็นสถาบันอุดมศึกษา พระราชทานนามว่า “โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เมื่อ ๑ มกราคม ๒๔๕๓
8.โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2377 หมอบรัดเลย์ออกเดินทางจากบอสตันมุ่งหน้าสู่สยาม โดยเรือ “แคชเมียร์” ใช้เวลารอนแรมในทะเลเป็นเวลา 6 เดือน หมอบรัดเลย์ก็มาถึงสิงคโปร์ในวันที่ 12 มกราคม 2378 และแวะพักอยู่ที่สิงค์โปร์อีก 6 เดือน ก่อนจะเดินทางเข้าสู่สยามในวันที่ 18 กรกฎาคม 2378 ซึ่งตรงกับวันเกิดปีที่ 31 ปีพอดี โดยมาถึงพร้อมภรรยา เอมิลี เข้ามาทำงานในคณะกรรมธิการพันธกิจคริสตจักรโพ้นทะเล ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2379 ในสมัยรัชกาลที่ 3 พักอาศัยอยู่แถววัดเกาะ สำเพ็ง หรือ วัดสัมพันธวงศ์ ในสมัยนี้ โดยอาศัยพักรวมกับครอบครัวของศาสนาจารย์สตีเฟน จอห์นสัน หมอบรัดเลย์เปิดโอสถศาลาขึ้นเป็นที่แรกในสยาม เพื่อทำการรักษา จ่ายยาและหนังสือเกี่ยวกับศาสนาให้กับคนไข้ แต่เนื่องจากในย่านนั้นมีชาวจีนอาศัยอยู่ กิจการนี้จึงถูกเพ่งเล็งว่าอาจทำให้ชาวจีนกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาลสยามได้ จึงกดดันให้เจ้าของที่ดินคือนายกลิ่น ไม่ให้มิชชันนารีเช่าอีกต่อไป
9.ศาลาเฉลิมไทย
ศาลาเฉลิมไทย เป็นโรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ ตั้งอยู่ที่มุม ถนนราชดำเนินกลาง กับ ถนนมหาไชย ได้รับการสร้างขึ้นตามความประสงค์ของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ศาลาเฉลิมไทยได้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2483 แต่ก็ได้หยุดไปช่วงหนึ่งเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492
อาคารก่อสร้างขึ้นด้วยรูปทรงโมเดิร์นตามแบบตะวันตกไม่มีหลังคา คล้ายคลังกับศาลาเฉลิมกรุง อาคารได้รับการออกแบบโดยจิตรเสน อภัยวงศ์ ที่จบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากประเทศฝรั่งเศส และตกแต่งภายในโดยศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา
ศาลาเฉลิมไทยเมื่อเปิดใหม่ ได้กลายเป็นหนึ่งในโรงมโหรสพร์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในขณะนั้น ด้วยที่นั่งราว 1,200 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งชั้นบน เวทีเป็นแบบมีกรอบหน้า มีเวทีแบบเลื่อนบนราง (Wagon Stage) เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนฉาก ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโรงภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2496
เนื่องจากศาลาเฉลิมไทยตั้งอยู่ด้านหน้าวัดราชนัดดารามวรวิหาร และ โลหะปราสาท ทำให้เกิดการบดบังทัศนียภาพเบื้องหลัง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2532 คณะรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีมติให้รื้อศาลาเฉลิมไทย แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายก็ตาม โดยศาลาเฉลิมไทยได้ฉายเรื่อง “เพราะฉันรักเธอ” เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย
10.สะพานพระราม 6
สะพานพระราม 6 ลงนามสัญญาก่อสร้างเดือนเมษายน พ.ศ. 2465 เริ่มก่อสร้างเดือนธันวาคม พ.ศ. 2465 วางหีบพระฤกษ์เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2466 โดยกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเชื่อมทางรถไฟฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริษัท เล เอตาบริดจ์มองต์ ไตเต ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้รับเหมาเนื่องจากชนะการประมูลโดยอาศัยค่าเงินฟรังก์ฝรั่งเศสที่อ่อนตัว (1 ฟรังก์แลกได้ 5 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับเงินปอนด์อังกฤษที่ผูกติดกับทองคำ (1 ปอนด์แลกได้ 11 บาท) ซึ่งในเวลานั้นเงินบาทสยามผูกติดกับเงินปอนด์อังกฤษด้วย ค่าก่อสร้างสะพาน 2,714,113.30 บาท
11.เครื่องบินลำแรกของไทย
นางสาวสยาม (อังกฤษ: Miss Siam) เครื่องบินพลเรือนลำแรกของประเทศไทย เป็นชื่อของเครื่องบิน OX-5 Travel Air 2000 เครื่องยนต์เคอติส 10 แรงม้า ความเร็วเต็มที่ 75 ไมล์ต่อชั่วโมง ปีก 2 ชั้น 2 ที่นั่ง โครงเหล็กห่อหุ้มด้วยผ้า ปีกโครงสร้างภายในเป็นไม้ หุ้มด้วยผ้าแฟบริค เป็นเครื่องบินส่วนตัวของนาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ ซื้อมาเมื่อ พ.ศ. 2475 ในราคา 6000 บาท
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2475 [1] เครื่องบินนางสาวสยามได้ทำการบินไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศจีน โดย นาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ เป็นผู้ทำการบินจากกรุงเทพฯ ผ่านประเทศลาว ประเทศเวียดนาม ไปสิ้นสุดที่เมืองซัวเถา ประเทศจีน ใช้เวลาเดินทาง 5 วัน
เมื่อ พ.ศ. 2545 เครื่องบินนางสาวสยามได้รับการปรับปรุงและอนุรักษ์ โดยสร้างขึ้นมาใหม่ ใช้เครื่องยนต์เดิม ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ และมีความพยายามที่จะบินย้อนเส้นทางของนาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 70 ปีครบรอบการบินครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2475 โดยใช้นักบินจำนวน 6 คน นำโดยนาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน
12.เขื่อนแห่งแรกของไทย
เขื่อนพระรามหก เป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกในประเทศไทย เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2459 ก่อสร้างเสร็จทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2467 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เขื่อนนี้สร้างกั้นแม่น้ำป่าสักที่ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตัวเขื่อนมีช่อง ระบายน้ำ ทำด้วยบานเหล็ก 6 ช่อง กว้างช่องละ 12.50 เมตร ทางฝั่งขวาของตัวเขื่อนมีประตูน้ำหรือประตูเรือสัญจร ซึ่งพระราชทานนามว่า “ประตูน้ำพระนเรศ” เพื่อให้เรือในแม่น้ำป่าสักผ่านขึ้นล่องได้ตามปกติ ทางฝั่งซ้ายของเขื่อน มีประตูระบายน้ำ ซึ่งพระราชทานนามว่า “ประตูระบายพระนารายณ์” เพื่อระบายน้ำแม่น้ำ ป่าสักที่ทดไว้เข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ซึ่งเป็นคลองส่งน้ำสายใหญ่ ส่งน้ำลงมาทางใต้ถึงอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี รวมความยาว 32 กิโลเมตร
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับเรื่องราวน่ารู้แบบนี้ ชอบไหมครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ และเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ ผมเชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้จักนะครับ เพราะเขาไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นัก ผมก็พึ่งจะรู้เหมือนกันครับว่าธนาคารไทยพาณิชย์ พึ่งจะรู้พร้อมๆกับเพื่อนๆนี่แหละครับ
1.โรงแรมโอเรียนเต็ล
ตั้งอยู่ ถนน เจริญกรุง เขตบางรัก ประวัติจากหลักฐานพบว่าโรงแรมตั้งขึ้น ประมาณปี พ.ศ. 2413 โดยนาย ซี. ซาลเจ กะลาสีเรือชาวเดนมาร์ก เป็นผู้ซื้อกิจการมาดำเนินการ ต่อมานายฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซน เข้ามาบริหารงานต่อในปี 2428 ได้ปรับปรุงโรงแรมให้ทันสมัย มีการออกแบบอาคารขึ้นใหม่ เรียกว่า “ออเธอร์ส วิง” และได้เปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2430โรงแรมโอเรียนเต็ลเปลี่ยนเจ้าของและปรับปรุงมาหลายครั้ง หลายยุคสมัย เคยต้นรับแขกผู้มีเกียรติ อาทิ มกุฏราชกุมารนิโคลัสแห่งรัสเซียในปี 2434 เจ้าชายลุยจี อาเมดิโอ เชื้อพระวงศ์อิตาลี ในปี 2438และนักเขียนชื่อดังของอังกฤษ บาร์บาร่า คาร์ทแลนด์–วินิติ์ศิริในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังเคยเป็นกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น และมีพระบรมวงศานุวงศ์เคยเสด็จมาด้วย การต้อนรับพระประมุขครั้งสำคัญครั้งหนึ่งคือในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใน พ.ศ. 2549 พระประมุขและผู้แทนพระองค์ส่วนใหญ่ประทับ ณ โรงแรมแห่งนี้ 1 กันยายน พ.ศ. 2551 กลุ่มกิจการแมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่งของเอเชีย ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของโรงแรม หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลื่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท โรงแรมโอเรียนเต็ล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มาเป็น บริษัท OHTL จำกัด (มหาชน)และโรงแรมได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ” ทำให้มีการปรับภาพลักษณ์และกระบวนทัศน์ ของการบริหารงานโรงแรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 132 ปีเกียรติประวัติ อาคาร ออเธอร์ส วิง ซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ในปี พ.ศ. 2545
2.โรงพยาบาลศิริราช
โรงพยาบาลศิริราช ถ้าใครผ่านไปแถววังหลังบ่อยๆ คงจะเห็นโรงพยาบาลศิริราชโกนนะคะ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลหลวงแห่งแรกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้น เพื่อรับรักษาประชาชนผู้เจ็บป่วยทั่วไปด้วยวิธีการแพทย์แผนใหม่ พระองค์โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการก่อสร้างครั้งแรกจำนวน ๑๖,๐๐๐ บาท โดยโปรดให้สร้างอาคารใหม่บริเวณที่เคยเป็นวังของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือที่เรียกกันเป็นสามัญว่า”โรงพยาบาลวังหลัง” ตามชื่อสถานที่ตั้ง
3.โรงเรียนวัดมหรรณพาราม
ประวัติ ในช่วงก่อนการจัดตั้งโรงเรียน ชาวไทยมักเรียนหนังสือที่วัด โดยมีพระทำหน้าที่สอนหนังสือ ซึ่งเวลาของการเรียนการสอนไม่แน่นอน นักเรียนก็ล้วนเป็นเด็กผู้ชาย ส่วนเด็กผู้หญิงต้องอยู่ช่วยงานบ้านการศึกษาของไทยได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างโรงเรียนหลวงแห่งแรกขึ้นในปี พ.ศ. 2414 ในพระบรมมหาราชวัง โดยได้โปรด ประกาศให้ พระบรมวงศานุวงศ์ เหล่าข้าราชการ ได้ส่งบุตรหลานเข้าเรียนหนังสือ ซึ่งพระองค์ได้มีพระบรมราชโองการบางตอนหนึ่งว่า[1] หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งได้นำบุตรทูลเกล้าฯ ถวายให้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณ มีเป็นอันมาก ทรงพระราชดำริว่า บุตรหลานของท่านทั้งปวง บรรดาที่เข้ารับราชการ สนองพระเดชพระคุณอยู่นั้น แต่ล้วนเป็นผู้มีชาติมีตระกูล ควรจะรับราชการ เบื้องหน้าต่อไป แต่ยังไม่รู้หนังสือไทย แลขนบธรรมเนียมราชการอยู่โดยมาก และการรู้หนังสือนี้ ก็เป็นคุณสำคัญข้อใหญ่ เป็นเหตุจะให้ได้รู้วิชา แลขนบธรรมเนียมต่าง ๆ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดโรงสอนขึ้นไว้ที่ในพระบรมมหาราชวัง แล้วจัดคนในกรมพระอาลักษณ์ ตั้งให้เป็นขุนนางพนักงาน สำหรับเป็นครูสอนหนังสือไทย สอนคิดเลข และขนบธรรมเนียมราชการ พระราชทานเงินเดือนครูสอนให้ สมควรพอใช้สอย ส่วนผู้ที่เรียนหนังสือนั้น ก็จะพระราชทานเสื้อผ้านุ่งห่ม กับเบี้ยเลี้ยงกลางวันเวลาหนึ่งทุกวัน ครูสอนนั้น จะให้สอนโดยอาการเรียบร้อย ไม่ให้ด่าตีหยาบคาย
ปี พ.ศ. 2424 โปรดฯ ให้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชนุภาพ (ขณะนั้นยังทรงดำรงพระยศ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ราชองค์รักษ์ ผู้บังคับการทหารมหาดเล็ก) ทรงตั้งโรงเรียนขึ้นอีกแห่งหนึ่งเพื่อสอนผู้ที่จะมาเป็นนายสิบ นายร้อย ในกรมทหารมหาดเล็ก ด้วยมีนักเรียนเข้าเรียนเป็นจำนวนมากสถานที่ในกรมทหารมหาดเล็กมีไม่เพียงพอ จึงทรงพระราชทานพระตำหนักสวนกุหลาบ ให้ใช้เป็นโรงเรียนสำหรับทหารมหาดเล็ก ปีพ.ศ. 2425 โดยนักเรียนส่วนใหญ่เป็นราชนิกูล และบุตรหลานของข้าราชการ
4.ธนบัตร เงินกระดาษใบแรกของไทย ธนบัตร หรือ เงินกระดาษ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 พิมพ์ออกใช้ เงินกระดาษ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2445 โดยก่อนหน้านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการผลิต ธนบัตร หรือ เงินกระดาษใบแรกของไทย?ออกใช้เป็นครั้งแรก ในเมืองไทยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2396 แต่เรียกว่า ? หมาย ? ทำด้วย กระดาษปอนด์สีขาวรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลวดลายด้วยหมึกทั้งสองด้าน และประทับตรา พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตราจักร และ พระราชลัญจกรประจำรัชกาล สีแดงชาด
5.ธนาคารไทยพาณิชย์
ประวัติธนาคารไทยพาณิชย์ ” บุคคลัภย์ ” (Book Club) สถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งโดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ในวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ หลังจากการขยายตัวของบุคคลัภย์ “บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด” ได้กำเนิดขึ้นจากพระบรมราชานุญาตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ดำเนินการเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ เป็นต้นมา
6.สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวี ช่อง4บางขุนพรม
ช่อง 9 อสมท. สถานีโทรทัตน์ ซึ่งมีปัญหาภายใน จนกลายมาเป็น ช่อง 9 M C O T สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม นับว่าเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้การบริหารของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 โดยมีพิธีเปิดและแพร่สัญญาณ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2498 มีชื่อเรียกขานตามอนุสัญญาสากลว่าด้วยวิทยุโทรทัศน์ว่า HS1-TV ตั้งอยู่ที่วังบางขุนพรหม ที่ทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน ราวเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2517 ได้หยุดทำการออกอากาศในระบบ 525 เส้น ทางช่อง 4 โดยได้ย้ายห้องส่งโทรทัศน์ไปที่ถนนพระสุเมรุ แขวงบางลำพู และราว พ.ศ. 2519 ได้เปลี่ยนระบบการออกอากาศ จากภาพขาวดำ เป็นภาพสี ในระบบ 625 เส้น ทางช่อง 9 อย่างสมบูรณ์ พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 9 ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 คณะรัฐมนตรี มีมติให้ยุบเลิกกิจการ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด
7.จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ถือกำเนิดจากโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้น ณ ตึกยาวข้างประตูพิมานชัยศรีในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๒ [ประเทศไทยเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินสากลในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ (ค.ศ. ๑๙๔๐) ดังนั้น พ.ศ. กับ ค.ศ. ก่อนหน้านี้จึงเหลื่อมกันอยู่ ๑ ปี] และได้รับพระบรมราชานุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมหาดเล็ก เมื่อ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๕ ทั้งนี้เพื่อผลิตบุคลากรให้รับราชการ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากพระบรมราโชบายปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๕ ต่อมาทั้งภาคราชการและเอกชนต้องการบุคลากรทำงานในสาขาวิชาต่างๆ กว้างขวางมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงพระบรมราโชบายในสมเด็จพระบรมชนกาธิราชที่จะ “ให้มีมหาวิทยาลัยขึ้นสำหรับเป็นสถาบันอุดมศึกษาของชาวสยาม” พอที่จะช่วยให้กิจการปกครองท้องที่ของกระทรวงมหาดไทยดำเนินไปได้ดีในระดับหนึ่ง แล้วสมควรขยายการจัดการศึกษาเพื่อสนองความต้องการของ กระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กเป็นสถาบันอุดมศึกษา พระราชทานนามว่า “โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เมื่อ ๑ มกราคม ๒๔๕๓
8.โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2377 หมอบรัดเลย์ออกเดินทางจากบอสตันมุ่งหน้าสู่สยาม โดยเรือ “แคชเมียร์” ใช้เวลารอนแรมในทะเลเป็นเวลา 6 เดือน หมอบรัดเลย์ก็มาถึงสิงคโปร์ในวันที่ 12 มกราคม 2378 และแวะพักอยู่ที่สิงค์โปร์อีก 6 เดือน ก่อนจะเดินทางเข้าสู่สยามในวันที่ 18 กรกฎาคม 2378 ซึ่งตรงกับวันเกิดปีที่ 31 ปีพอดี โดยมาถึงพร้อมภรรยา เอมิลี เข้ามาทำงานในคณะกรรมธิการพันธกิจคริสตจักรโพ้นทะเล ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2379 ในสมัยรัชกาลที่ 3 พักอาศัยอยู่แถววัดเกาะ สำเพ็ง หรือ วัดสัมพันธวงศ์ ในสมัยนี้ โดยอาศัยพักรวมกับครอบครัวของศาสนาจารย์สตีเฟน จอห์นสัน หมอบรัดเลย์เปิดโอสถศาลาขึ้นเป็นที่แรกในสยาม เพื่อทำการรักษา จ่ายยาและหนังสือเกี่ยวกับศาสนาให้กับคนไข้ แต่เนื่องจากในย่านนั้นมีชาวจีนอาศัยอยู่ กิจการนี้จึงถูกเพ่งเล็งว่าอาจทำให้ชาวจีนกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาลสยามได้ จึงกดดันให้เจ้าของที่ดินคือนายกลิ่น ไม่ให้มิชชันนารีเช่าอีกต่อไป
9.ศาลาเฉลิมไทย
ศาลาเฉลิมไทย เป็นโรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ ตั้งอยู่ที่มุม ถนนราชดำเนินกลาง กับ ถนนมหาไชย ได้รับการสร้างขึ้นตามความประสงค์ของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ศาลาเฉลิมไทยได้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2483 แต่ก็ได้หยุดไปช่วงหนึ่งเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492
อาคารก่อสร้างขึ้นด้วยรูปทรงโมเดิร์นตามแบบตะวันตกไม่มีหลังคา คล้ายคลังกับศาลาเฉลิมกรุง อาคารได้รับการออกแบบโดยจิตรเสน อภัยวงศ์ ที่จบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากประเทศฝรั่งเศส และตกแต่งภายในโดยศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา
ศาลาเฉลิมไทยเมื่อเปิดใหม่ ได้กลายเป็นหนึ่งในโรงมโหรสพร์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในขณะนั้น ด้วยที่นั่งราว 1,200 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งชั้นบน เวทีเป็นแบบมีกรอบหน้า มีเวทีแบบเลื่อนบนราง (Wagon Stage) เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนฉาก ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโรงภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2496
เนื่องจากศาลาเฉลิมไทยตั้งอยู่ด้านหน้าวัดราชนัดดารามวรวิหาร และ โลหะปราสาท ทำให้เกิดการบดบังทัศนียภาพเบื้องหลัง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2532 คณะรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีมติให้รื้อศาลาเฉลิมไทย แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายก็ตาม โดยศาลาเฉลิมไทยได้ฉายเรื่อง “เพราะฉันรักเธอ” เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย
10.สะพานพระราม 6
สะพานพระราม 6 ลงนามสัญญาก่อสร้างเดือนเมษายน พ.ศ. 2465 เริ่มก่อสร้างเดือนธันวาคม พ.ศ. 2465 วางหีบพระฤกษ์เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2466 โดยกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเชื่อมทางรถไฟฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริษัท เล เอตาบริดจ์มองต์ ไตเต ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้รับเหมาเนื่องจากชนะการประมูลโดยอาศัยค่าเงินฟรังก์ฝรั่งเศสที่อ่อนตัว (1 ฟรังก์แลกได้ 5 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับเงินปอนด์อังกฤษที่ผูกติดกับทองคำ (1 ปอนด์แลกได้ 11 บาท) ซึ่งในเวลานั้นเงินบาทสยามผูกติดกับเงินปอนด์อังกฤษด้วย ค่าก่อสร้างสะพาน 2,714,113.30 บาท
11.เครื่องบินลำแรกของไทย
นางสาวสยาม (อังกฤษ: Miss Siam) เครื่องบินพลเรือนลำแรกของประเทศไทย เป็นชื่อของเครื่องบิน OX-5 Travel Air 2000 เครื่องยนต์เคอติส 10 แรงม้า ความเร็วเต็มที่ 75 ไมล์ต่อชั่วโมง ปีก 2 ชั้น 2 ที่นั่ง โครงเหล็กห่อหุ้มด้วยผ้า ปีกโครงสร้างภายในเป็นไม้ หุ้มด้วยผ้าแฟบริค เป็นเครื่องบินส่วนตัวของนาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ ซื้อมาเมื่อ พ.ศ. 2475 ในราคา 6000 บาท
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2475 [1] เครื่องบินนางสาวสยามได้ทำการบินไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศจีน โดย นาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ เป็นผู้ทำการบินจากกรุงเทพฯ ผ่านประเทศลาว ประเทศเวียดนาม ไปสิ้นสุดที่เมืองซัวเถา ประเทศจีน ใช้เวลาเดินทาง 5 วัน
เมื่อ พ.ศ. 2545 เครื่องบินนางสาวสยามได้รับการปรับปรุงและอนุรักษ์ โดยสร้างขึ้นมาใหม่ ใช้เครื่องยนต์เดิม ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ และมีความพยายามที่จะบินย้อนเส้นทางของนาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 70 ปีครบรอบการบินครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2475 โดยใช้นักบินจำนวน 6 คน นำโดยนาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน
12.เขื่อนแห่งแรกของไทย
เขื่อนพระรามหก เป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกในประเทศไทย เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2459 ก่อสร้างเสร็จทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2467 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เขื่อนนี้สร้างกั้นแม่น้ำป่าสักที่ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตัวเขื่อนมีช่อง ระบายน้ำ ทำด้วยบานเหล็ก 6 ช่อง กว้างช่องละ 12.50 เมตร ทางฝั่งขวาของตัวเขื่อนมีประตูน้ำหรือประตูเรือสัญจร ซึ่งพระราชทานนามว่า “ประตูน้ำพระนเรศ” เพื่อให้เรือในแม่น้ำป่าสักผ่านขึ้นล่องได้ตามปกติ ทางฝั่งซ้ายของเขื่อน มีประตูระบายน้ำ ซึ่งพระราชทานนามว่า “ประตูระบายพระนารายณ์” เพื่อระบายน้ำแม่น้ำ ป่าสักที่ทดไว้เข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ซึ่งเป็นคลองส่งน้ำสายใหญ่ ส่งน้ำลงมาทางใต้ถึงอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี รวมความยาว 32 กิโลเมตร
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับเรื่องราวน่ารู้แบบนี้ ชอบไหมครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ และเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ ผมเชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้จักนะครับ เพราะเขาไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นัก ผมก็พึ่งจะรู้เหมือนกันครับว่าธนาคารไทยพาณิชย์ พึ่งจะรู้พร้อมๆกับเพื่อนๆนี่แหละครับ