Home »
Uncategories »
การดูแล พ่อ แม่ ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นการสร้างบุญที่ยิ่งใหญ่ นำพาแต่ความเจริญมาสู่ชีวิต
การดูแล พ่อ แม่ ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นการสร้างบุญที่ยิ่งใหญ่ นำพาแต่ความเจริญมาสู่ชีวิต
ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย ไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลาแล้ว ย่อมออกดอกออกผลให้แก่เจ้าของฉันใด
คนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เมื่อมีโอกาสย่อมตอบแทนคุณพ่อแม่และผู้มีอุปการคุณฉันนั้น
ลองมองด้วยจิตที่มีกุศล การดูแลอุ้มชูเหล่านั้น
เป็นการสร้างบุญที่ใหญ่มาก ทำบุญกับพ่อแม่ดีกว่าคนอื่นหรือที่ไหนทั้งสิ้น
ในทางโลกล้วนได้รับการสรรเสริญ
ในทางธรรมล้วนได้รับการยกย่อง ทำบุญกับลูกด้วยมิหวังผล
ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรตอบแทน เต็มบุญเลยที่ได้ทำ
แม้แต่สัตว์เลี้ยงหรือไม่ได้เลี้ยง
เราให้อาหาร ให้ความรักเลี้ยงดู ให้เมตตา ไม่ได้หวังผลตอบแทน
เพียงเห็นเขาอิ่ม มีความสุข จิตใจเรามีแต่สูงขึ้นๆๆๆ กิเล สไม่ดีแทรกตัวยาก
อย่ามองว่าเป็นภาระ แต่มองว่า… เรากำลังสร้างบุญ ที่ยิ่งใหญ่…
พระคุณพ่อ-พระคุณแม่
คนเราทุกคนเมื่อเกิดมาแล้ว จะมีพระผู้ให้อยู่ ๒ ท่านคือ พระคุณพ่อ และ
พระคุณแม่ ท่านทั้งสองจะเป็นผู้ให้เราตั้งแต่เกิดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ
เลยเพียงเพื่อให้ลูกนั้นเติบโตมีความสุข มีการศึกษา
และเป็นพลเมืองดีดังคำกล่าวที่ว่า
-พ่อแม่เป็นพระพรหมของลูก กล่าวคือ มีความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
-พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก กล่าวคือ สอนให้พูด
และอบรมความรู้เบื้องต้นให้เลือก – พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก
กล่าวคือเป็นผู้มีอุปการะมากมีพระเดชพระคุณมากเป็นเนื้อนา บุญของลูก
และเป็นผู้ควรรับการนมัสการจากลูก
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของเรา สรุปโดยย่อ คือ
๑. เป็นต้นแบบทางกาย คือ การที่เราเกิดมาได้ก็เพราะต้นแบบ คือ
มีพ่อกับแม่ถ้าไม่มีท่านทั้งสองเราก็ไม่สามารถเกิดมาได้
อีกทั้งท่านยังเป็นต้นแบบที่ดี คือความเป็นมนุษย์
จึงทำให้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยเพราะถ้าพ่อแม่ของเราเป็นสัตร์
เราก็จะเกิดเป็นสัตว์ด้วย
โชคดีที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้ร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย
เพราะสามารถใช้ความรู้ความสามารถประกอบคุณความดีได้เต็มที่
ทั้งนี้ก็เพราะเรามีพ่อแม่เป็นต้นแบบทางกายให้นั่นเอง
๒. เป็นต้นแบบทางใจ คือ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอม อบรมสั่งสอน ปลูกฝังมารยาท ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
พระคุณพ่อแม่เป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีพระคุณมากแล้ว
ยิ่งท่านอบรมเลี้ยงดูเรามา เป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย
ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์ พ่อแม่บางคนทำงานหามรุ่ง-หามค่ำ
อาบเหงื่อตากน้ำสุดแสนจะเหนื่อย แต่ก็ต้องทนลำบากเพื่อลูก
เปรียบดั่งเทียนไข เมื่อเริ่มจุดไฟแล้วเทียนเล่มนั้นจะค่อย ๆ
ละลายตังเองลงไปทุกวินาที เทียบบางเล่มยังคงสว่างไสวอยู่มาก
เปรียบดั่งพ่อแม่อยู่ในวัยกลางคนแล้ว
และเทียนบางเล่มที่ริบหรี่ลงเมื่อถูกลมพัด
เปรียบดั่งพ่อแม่กำลังเจ็บไข้หรือมีปัญหาในการทำงาน
แต่ก็พยายามหอบสังขารไปทำงานหาเช้า-กินค่ำเพื่อลูก
แต่เทียนบางเล่มได้ถูกพายุร้ายพัดดับลงเสียแล้ว
นั่นหมายถึงชีวิตของท่านทั้งสองได้จากเราไปสู่สุคติแล้ว
ดังนั้น เราผู้ซึ่งเป็นลูกจึง ควรมีความสำนึกในพระคุณอันใหญ่ หลวงนี้โดย
การตอบแทน พระคุณ ท่านทั้งสอง
เปรียบดั่งหนังสือเล่มนี้หากมีความดีอยู่บ้าง ก็ขอมอบความดีเหล่านี้แด
่คุณพ่อคุณแม่ ่ที่ ่เป็นครู คนแรกของลูก(
พรจากพระองค์ใดไม่ประเสริฐเท่าพรจาก พระคุณพ่อ-พระคุณแม่ )
(สมเด็จโต พรหมรังสี)
ลูกเอ๋ย…ยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น
ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง
ใจน้อยง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น
ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดสักเพียงใดก็ตาม
ก็ไม่อาจช่วยให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุขได้เต็มที่
เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอน
อันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน หาได้ร่าเริงสดชื่นผ่องใสไม่
เจ้าจงจำไว้ว่า
การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ การให้ธรรมะ
ด้วยการสอนหลักธรรมง่ายๆให้พ่อแม่ของเจ้า พาท่านไปทำบุญทำทาน
สอนท่านให้รู้จักการปฏิบัติบูชา สวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา
ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุกภพทุกชาติ
ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด เจ้าจงจำไว้นะลูกเอ๋ย !…
ขอบคุณที่มา siamnews