ก่อนอื่นก็ต้องขอบอกก่อนเลยว่า
เรื่องเทคโนโลยีนั้นเข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญกับชีวิตของคนเรามาขึ้น
ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน เราก็มักจะเคยเห็นคนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ทั่วๆ ไป
ของนอกกายก็ต้องมีหายบ้างเป็นเรื่องธรรมดา หรือ อาจโดนขโมยไปก็มี ส่วนเรื่องจะตามคืนมานั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการตามมือถือที่หายไปคืนมา จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
รวมถึงยังสามารถถ่วงเวลาผู้ไม่หวังดีในการลบข้อมูลหรือล้างเครื่อง โดยปัจจุบันมือถือมีระบบการล็อกหน้าจอให้คุณเลือกใช้งานตามความถนัด ดังนี้
• รูปแบบการวาดเส้น หรือ Pattern
• การตั้งรหัส PIN (เป็นการใส่ตัวเลข จำนวน 4-6 ตัว) หรือตั้งรหัสผ่านเป็นตัวอักษร
• การสแกน อาทิ สแกนนิ้ว หรือใบหน้า เป็นต้น
ฉะนั้น เพื่อให้คุณสามารถตามหามือถือเมื่อมันหายไป การเปิดใช้งาน GPS หรือ Location Service แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ในบางช่วง ก็ช่วยให้การตามหามือถือนั้นง่ายขึ้น
• ระบบ iOS ใช้แอปฯ Find My iPhone
• ระบบ Android ใช้แอปฯ Android Device Manager
สำหรับมือถือของ Samsung ใช้แอปฯ Find My Mobile ในการค้นหาโดยเฉพาะ
• ให้คุณยืมมือถือระบบ Android ของเพื่อน และใช้แอปฯ ที่มีชื่อว่า “Android Device Manager” หรือเปิดคอมพิวเตอร์เข้าเว็บไซต์ www.google.com/android/devicemanager
• กรอก Google Account และรหัสผ่าน ซึ่งก็คือ อีเมลที่คุณลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องไว้ หลังจากนั้น แอปฯ และเว็บไซต์จะเริ่มค้นหาตำแหน่งมือถือให้ทันที
• หากเงื่อนไขทั้งหมดถูกต้อง ระบบจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันของมือถือ
• สามารถใช้ตัวเลือก Play Sound เพื่อให้มือถือส่งเสียงดัง (กรณีทำหล่นหาย) หรือเลือก Lock เพื่อล็อกทุกอย่าง และเลือก Erase เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่อง
• กรอก Apple ID และรหัสผ่าน ซึ่งก็คือ อีเมลที่คุณลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง
• เมื่อเข้าแอปฯ ได้ ก็จะเริ่มค้นหาตำแหน่งให้ทันที หากเข้าผ่านเว็บไซต์ให้เลือกเมนู Find iPhone ทั้งนี้ หากเงื่อนไขทั้งหมดถูกต้องแล้ว ระบบจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันของ iPhone (รวมถึง iPad)
อย่างไรก็ดี ถ้ามือถือไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ ระบบติดตามมือถือหายของทั้ง Android และ iOS จะแสดงได้แค่ตำแหน่งล่าสุดเท่านั้น
และไม่ว่าคุณจะมีวิธีการป้องกันที่ดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ป้องกันโทรศัพท์มือถือหายได้ดีที่สุด คือ การเก็บมือถือให้มิดชิด และระมัดระวังขณะใช้งานนั่นเอง
ขอบคุณที่มา : updatetoday.in.th
ของนอกกายก็ต้องมีหายบ้างเป็นเรื่องธรรมดา หรือ อาจโดนขโมยไปก็มี ส่วนเรื่องจะตามคืนมานั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการตามมือถือที่หายไปคืนมา จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
วิธีป้องกันเบื้องต้น ลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง
ทุกครั้งที่คุณซื้อมือถือใหม่ เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก ระบบจะขอให้คุณกรอกเพื่อตั้งค่ามากมาย และหนึ่งในนั้น คือ “การลงทะเบียน” หรือ “ลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลและรหัสผ่าน” เพื่อเข้าถึงบริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของอุปกรณ์มือถือที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลเฉพาะคุณ หรืออาจเรียกว่า เป็น “การลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง” นั่นเองล็อกหน้าจอมือถือ
สำหรับการตั้งค่าเพื่อล็อกหน้าจอมือถือ เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันการใช้งานมือถือของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งยังเป็นการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณรวมถึงยังสามารถถ่วงเวลาผู้ไม่หวังดีในการลบข้อมูลหรือล้างเครื่อง โดยปัจจุบันมือถือมีระบบการล็อกหน้าจอให้คุณเลือกใช้งานตามความถนัด ดังนี้
• รูปแบบการวาดเส้น หรือ Pattern
• การตั้งรหัส PIN (เป็นการใส่ตัวเลข จำนวน 4-6 ตัว) หรือตั้งรหัสผ่านเป็นตัวอักษร
• การสแกน อาทิ สแกนนิ้ว หรือใบหน้า เป็นต้น
เปิดใช้งานระบบ GPS หรือ Location Service
การเปิดใช้งาน GPS หรือ Location Service ในปัจจุบันไม่ได้มีผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วอย่างที่ผ่านมา เนื่องจากมือถือรุ่นใหม่ๆ ได้มีการออกแบบให้ประหยัดพลังงานและสามารถปิดการทำงาน GPS หรือ Location Service แบบอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานฉะนั้น เพื่อให้คุณสามารถตามหามือถือเมื่อมันหายไป การเปิดใช้งาน GPS หรือ Location Service แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ในบางช่วง ก็ช่วยให้การตามหามือถือนั้นง่ายขึ้น
จดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมือถือ
ขอให้คุณจดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมือถือไว้ อาทิ รุ่น, ยี่ห้อ, Serial Number และ IMEI Number (กด *#06# หน้าจอมือถือ) เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานข้อมูลต่างๆ ในการแจ้งความ หรือติดตามหามือถือเมื่อมันหายไปติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยตามหา
เมื่อมือถือหายไป เจ้าแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับระบบการค้นหามือถือ จะช่วยในการระบุตำแหน่งมือถือ โดยแอปฯ ในมือถือแต่ละระบบ มีดังนี้• ระบบ iOS ใช้แอปฯ Find My iPhone
• ระบบ Android ใช้แอปฯ Android Device Manager
สำหรับมือถือของ Samsung ใช้แอปฯ Find My Mobile ในการค้นหาโดยเฉพาะ
วิธีการตามหามือถือ
ระบบ Android
วิธีการค้นหามือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android นั้น ก็ไม่ยากแค่เครื่องของคุณอยู่ใน 3 เงื่อนไข คือ ล็อกรหัสผ่าน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเปิด GPS ไว้เท่านั้น เมื่อรู้ตัวว่า มือถือหาย ให้รีบเช็กตำแหน่งมือถือล่าสุด ดังนี้• ให้คุณยืมมือถือระบบ Android ของเพื่อน และใช้แอปฯ ที่มีชื่อว่า “Android Device Manager” หรือเปิดคอมพิวเตอร์เข้าเว็บไซต์ www.google.com/android/devicemanager
• กรอก Google Account และรหัสผ่าน ซึ่งก็คือ อีเมลที่คุณลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องไว้ หลังจากนั้น แอปฯ และเว็บไซต์จะเริ่มค้นหาตำแหน่งมือถือให้ทันที
• หากเงื่อนไขทั้งหมดถูกต้อง ระบบจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันของมือถือ
• สามารถใช้ตัวเลือก Play Sound เพื่อให้มือถือส่งเสียงดัง (กรณีทำหล่นหาย) หรือเลือก Lock เพื่อล็อกทุกอย่าง และเลือก Erase เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่อง
ระบบ iOS
• หากมือถือของคุณมีการล็อกรหัสผ่าน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มีการเปิด Location service และติดตั้งแอปฯ “Find My iPhone” ไว้ ให้ยืมมือถือของเพื่อนแล้ว เปิดใช้แอปฯ ดังกล่าว หรือเปิดคอมพิวเตอร์เข้าเว็บไซต์ www.icloud.com• กรอก Apple ID และรหัสผ่าน ซึ่งก็คือ อีเมลที่คุณลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง
• เมื่อเข้าแอปฯ ได้ ก็จะเริ่มค้นหาตำแหน่งให้ทันที หากเข้าผ่านเว็บไซต์ให้เลือกเมนู Find iPhone ทั้งนี้ หากเงื่อนไขทั้งหมดถูกต้องแล้ว ระบบจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันของ iPhone (รวมถึง iPad)
อย่างไรก็ดี ถ้ามือถือไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ ระบบติดตามมือถือหายของทั้ง Android และ iOS จะแสดงได้แค่ตำแหน่งล่าสุดเท่านั้น
และไม่ว่าคุณจะมีวิธีการป้องกันที่ดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ป้องกันโทรศัพท์มือถือหายได้ดีที่สุด คือ การเก็บมือถือให้มิดชิด และระมัดระวังขณะใช้งานนั่นเอง
ขอบคุณที่มา : updatetoday.in.th