4 ทฤษฎี ไขความลับ “เดจาวู” ปรากฏการณ์ประหลาดที่หลายๆ คนเคยเจอ !?



4 ทฤษฎี ไขความลับ “เดจาวู”
ปรากฏการณ์ประหลาดที่หลายๆ คนเคยเจอ !?
นี่ถือเป็นเรื่อง ลึกลับ อีกหนึ่งเรื่อง เลยก็ว่าได้

.
เดจาวูคืออะไร ?
คำว่าเดจาวู ได้บันทึกขึ้น
มาจากนักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศส
Emile Boirac (1851–1917)
ในหนังสือ L’Avenir des sciences psychiques
(แปลว่า อนาคตของวิทยาศาสตร์จิตวิทยา)
.
อาการเดจาวู คือรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้น
เคยพบมาแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งพบครั้งแรก
โดยเราอาจจะคิดว่าเราเพ้อฝันไป
.
มนุษย์ในบางครั้ง มีความรู้สึกว่า
ตนเองเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว
แต่จำไม่ได้ว่าในฝันหรือในอดีต
เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ไม่เคยไปมาก่อน
เดินไปยืนที่ระเบียงแล้วรู้สึก
ตนเองคุ้นกับระเบียงนี้ มุมนี้ และการยืนแบบนี้..
.
โดยนักจิตวิทยาและแพทย์
ผู้ให้ความสนใจในเรื่องนี้
ได้ให้เวลาในการศึกษาทฤษฎี ความเป็นไปได้
และได้สอบถามจากผู้ที่เป็นแบบนี้
และก็ได้คำตอบที่สรุปออกมาได้เป็น 4 ทฤษฎี
.

.
#1
ทฤษฎีอดีตชาติ
สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต
จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก ซึ่งมันจะรับรู้ได้
จากคลื่นสมองของเรา ซึ่งเราสามารถ
บังคับได้ 10-15% เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย
บางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ
แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก
ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
.


.
#2
ทฤษฎีพลังจิต
เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง
บ้างก็ว่าเป็นทิพจักขุญาณ (ความรู้คล้ายตาทิพย์)
ซึ่งได้มาจากการเจริญสมถะ ภาวนา
ในหมวดของกสิณ 3 กองคือ เตโชกสิณ (กสิณไฟ),
โอทากสิณ (กสิณสีขาว) และ อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง)
จากทั้งหมด 10 กอง จนทำให้จิต
และสมองเชื่อมต่อกัน เกิดเป็นญาณได้
.
เราทุกคนมีพลังจิต เพียงแต่จะอ่อนจะเข้ม
บางทีเพราะเราไม่ได้ฝึก จะเก็บกดไว้ภายใน
วันดีคืนดีก็ล้นออกมา ตามตำรา ถ้าได้ฝึก
เราสามารถควบคุมได้ หรือถ้าในทางวิทยาศาตร์
จะเรียกว่า การสั่งการสมอง ได้มากขึ้น
กว่ามนุษย์ปกตินั่นเอง มีนักพยากรณ์หลายคน
พยากรณ์ได้จากการเพ่ง ว่ากันว่า
มีผู้หนึ่งมีเดจาวูแรงกล้ามาก
หาใครเปรียบได้ไม่ เขาชื่อ นอสตราดามุส
.

.
#3
ทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน
อธิบายเกี่ยวกับ โลกคู่ขนาน หรือ จักรวาลคู่ขนาน
ก่อนหมายถึง จักรวาล ที่ดำเนินไป
พร้อมกับจักรวาลที่เราอยู่นี้ ทฤษฎีนี้
นักฟิสิกส์ ริเริ่มคิดขึ้นมา และได้รับ
ความสนใจเป็นอย่างมาก และนำไปสู่
การสร้างทฤษฎีการผันผวนของมิติเวลา
กล่าวคือทุกๆ เหตุการณ์ที่เรามีทางเลือก 2 ทาง
ก็จะเกิดโลกคู่ขนานขึ้น 2 โลก
ถ้าเราเจอเหตุการณ์อื่นที่ต้องตัดสินใจอีก 2 ทาง
แต่ละโลกจะเกิดโลกคู่ขนานเพิ่มอีก 2 โลกเช่นกัน
ทำให้สามารถมองเห็นเดจาวูได้
.
มีคนผูกทฤษฎีเดจาวู กับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน
กล่าวว่า การที่เรารู้สึก หรือเห็นภาพ
ที่คล้ายว่าเคยทำมาก่อน นั่นแหละ
คุณเคยทำจริง แต่เป็นคุณ
ในอีกโลกหนึ่งต่างหากที่ได้ทำ
คุณในทุกๆ โลก ถูกผูกกันด้วยสายใยบางอย่าง
อาจเป็นเพราะสมองมีคลื่นตรงกัน
ก็เป็นคุณคนเดียวกันนี่นา ในบางจังหวะ
ที่เหมาะสมกระแสประสาทจูนกัน
คุณก็ได้รับรู้ถึงกระแสความคิดจากคุณในอีกโลก
ในโลกนี้ ที่เรามีตัวตนอยู่ในขณะนี้
ขณะเดียวกันก็มีเราอีกคนหนึ่งในอีกโลกหนึ่ง
และมีโลกคู่ขนานมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน
.


.
#4
ทฤษฎีที่เกิดจากการคิดไปเอง
ตามแนวคิดของหลักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า
เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด
พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ได้เห็นมาแล้วหรอก
แต่คิดไปว่าเห็นมาแล้ว
.
ทางการแพทย์เรียกว่า การไหล
ของคลื่นกระแสไฟฟ้าในสมอง
เกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำ
ที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่า
เคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว
แต่ไม่สามารถจำเวลาได้.. !!
.
สมองคนเราก็เหมือนเครื่องจักร
ย่อมเกิดข้อผิดพลาด บ้างอธิบายว่า
เดจาวู เกิดจากเมื่อสมองรับภาพ
มาจากประสาทตา ก็นำมาแปลความหมาย
สมองมี 2 ซีก ตามี 2 ข้าง ประสาทตาซ้ายเข้า
สมองซีกขวา ประสาทตาขวาเข้าสมองซีกซ้าย
ฉะนั้นสมองทั้งสอง ต้องทำงาน
ประสานกันและกันอย่างมาก
.
เมื่อเกิดสมองข้างหนึ่ง เกิดส่งข้อมูล
มาช้าไปเพียงนิดเดียว ทำให้สมอง
แปลความหมายของภาพนั้นว่า
เป็นภาพจากความจำไม่ใช้ปัจจุบัน
ทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เจอนั้นเคยเห็น มันมาก่อน..
.
มีหลักฐานว่า โดยส่วนมาก
คนที่เป็นลมบ้าหมู หรือมีประวัติ
คนในครอบครัวเป็น จะมีโอกาสเกิดบ่อยกว่า
และมีโอกาสเกิดบ่อยมากขึ้น
ก่อนที่จะมีอาการชักกระตุก
.
แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ยังไม่สามารถ
อธิบายได้ว่า ทฤษฏีไหนคือทฤษฏี
ที่ถูกต้องกันแน่ ว่าแต่คุณล่ะครับ
เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้กันบ้างรึเปล่า?
....
.
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับ “เดจาวู”
แนะนำให้ลองหาเรื่อง Dejavu มาดูได้เลย


https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1776341802675557&id=1729773490665722